คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ชายชาญ ไชยมั่น
เรื่อง/ภาพ
เหตุการณ์ตำรวจปส.เชียงใหม่ ล่อซื้อยาบ้าจากคนร้ายจนเกิดการยิงต่อสู้กัน บริเวณ สี่แยกบายพาสเชียงใหม่-ปาย บ้านห้วยไร่ หมู่ 9 ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มี เจ้าหน้าที่คือ ส.ต.ต.ศิรยุทธ น้อยอรุณ อายุ 23 ปี ตำรวจปส.ภ.จ.เชียงใหม่ ถูกยิงเสียชีวิต เพิ่งจะผ่านมาได้เพียงเดือนเดียว สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องมาสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจมือปราบไปอีกนาย
เมื่อชุดสืบสวน กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ปฏิบัติการล้อมจับคนร้ายคดียา เสพติดคนสำคัญ แต่เกิดผิดพลาดคนร้าย ไหวตัวต่อสู้ จนเกิดดวลปืนกัน สุดท้าย เจ้าหน้าที่พลีชีพ 1 นาย บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ขณะที่คนร้ายหลบหนีไปได้ แต่ก็รอดไปได้ไม่นาน…
เหตุการณ์เปิดเผยขึ้นเมื่อเที่ยงวันที่ 29 ธ.ค. ศูนย์วิทยุนเรนทร จ.เชียงราย รับแจ้ง เหตุร้ายตำรวจถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บ ขณะปฏิบัติหน้าที่ บริเวณถนนท่าข้าวเปลือก หน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่ง บ้านม่วงคำ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย จึงรายงานให้พ.ต.อ. สิทธิชัย ไกลแสง ผกก.สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย รับทราบก่อนนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ พร้อมด้วยพล.ต.ต.ธนยินทร์ เทพรักษา ผบก.ภ.จว.เชียงราย
จุดเกิดเหตุบริเวณริมถนนพบศพ ร.ต.อ.นพพร ยาวิราช รอง สว.อก.สภ.แม่จัน ช่วยราชการ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย ถูกยิงเข้าที่คิ้วซ้ายกระสุนฝังใน นอนเสียชีวิตจมกองเลือด นอกจากนี้ยังมี ร.ต.อ.ยศนัย ชัยวงศ์ รอง สว. สืบสวน สังกัดเดียวกัน ถูกยิงเข้าที่ท้องอาการสาหัสจึงเร่งนำตัวส่ง ร.พ.เชียงรายประชา นุเคราะห์ ตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ตามพื้นในที่เกิดเหตุจำนวน 9 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุทราบชื่อนายพรชัย ศรีสวัสดิ์ อายุ 39 ปี ชาวอ.แม่สาย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ มีหมายจับคดียา เสพติดติดตัวหลายคดี หลังก่อเหตุวิ่งหลบหนีไปบริเวณหลังรีสอร์ตซึ่งเป็นทุ่งนาและป่าละเมาะ พร้อมอาวุธปืนพกสั้น โดยอยู่ในสภาพไม่สวมรองเท้าและไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียว เจ้าหน้าที่ 200 นาย กระจายกำลังปิดล้อมโดยรอบ แต่ยังไม่พบตัว จึงประสานให้ประกาศเสียงตามสายหมู่บ้านให้ชาวบ้านระมัดระวัง เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนหลบหนีไปด้วย
จากการสอบถามคนงานก่อสร้างที่อยู่ในบริเวณรีสอร์ตที่เกิดเหตุทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย กำลังเดินเข้าไปที่หน้ารีสอร์ต ก่อนไปเจอกับนายพรชัยที่เดินสวนออกพอดี โดยไม่พูดพล่ามทำเพลงมันเผยตัวเป็นคนร้าย ชักอาวุธปืนออกมาจากเอวก่อนเปิดฉากกราดกระสุนใส่ตำรวจทั้ง 2 นายอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายพยายามชักอาวุธประจำตัวออกมาต่อสู้ป้องกันตัว แต่ทว่าช้าเกินไป สุดท้ายจึงต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจากคมกระสุนของคนร้ายโหดรายนี้
สำหรับนายพรชัยคนร้าย เมื่อตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบมีฉายาว่า ‘ชัย ป่ายาง’ เป็นชาว อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยเป็นคนร้ายแก๊งยาเสพติดคนสำคัญ มีหมายจับศาลจังหวัดเชียงรายในคดียาเสพติด
โดยก่อนเกิดเหตุนายพรชัยมาเปิดห้องพักที่รีสอร์ตแห่งนี้ เมื่อตำรวจสืบทราบจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบเพื่อเตรียมวางแผนจับกุม แต่ระหว่างเข้าตรวจสอบบังเอิญตำรวจทั้งสองนายไปเจอคนร้ายพอดี มันระแวดระวังตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว เห็นอะไรผิดสังเกตจึงชักปืนยิงใส่ก่อนทันที จากนั้นจึงวิ่งหลบหนีตัดทุ่งนาหายตัวไป
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ธนยินทร์ เทพรักษา ผบก.ภ.จว.เชียงราย ลงมาดูแลคดีด้วยตัวเอง โดยสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งชุดปฏิบัติการไล่ล่า ออกติดตามล่าตัวนายพรชัย คนร้ายที่สังหารร.ต.อ.นพพร อย่างไม่ลดละ โดยดึงกำลังตำรวจจากทุกโรงพักเข้ามาไล่ล่าตัวกันแบบหามรุ่งหามค่ำ พร้อมปิดทางเข้าออกรอบพื้นที่ รวมถึงเส้นทางที่คนร้ายอาจใช้หลบหนีออกนอกประเทศด้วย
นอกจากนี้ยังจัดกำลังฝ่ายสืบสวนออกแกะ รอยหาข่าวคนร้าย ที่อาจเข้าไปหลบซ่อนตัวหรือแฝงตัวตามบ้านเรือนประชาชน
จนกระทั่งเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ธ.ค. ตำรวจชุดไล่ล่าได้เบาะแสว่า นายพรชัยหลบหนีข้ามไปกบดานในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 30 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังเร่งติดตามไปตรวจสอบ
ตำรวจติดตามไปจนพบตัวนายพรชัย บริเวณใกล้หมู่บ้านห้วยไร่สามัคคี ถนนทางขึ้นดอยตุงสายเก่า เมื่อเจ้าตัวเห็น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะ ก่อนหันมาชักอาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่หลายนัด
ชุดสืบสวนไล่ล่าที่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จึงชักปืนเปิดฉากยิงต่อสู้กันชนิดดวลเดือด เสียงปืนดังสนั่นก้องไปทั่วทั้งป่านานกว่า 10 นาที จึงมีเสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนบอกให้หยุดยิง หลังเสียงปืนจากฝั่งนายพรชัยเงียบหายไป
ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ด้วยความระมัดระวัง กระทั่งพบร่างนายพรชัยถูกกระสุนปืนของฝ่ายเจ้าหน้าที่ นอนเสียชีวิตอยู่ในพงหญ้าข้างทาง โดยในมือยังกำอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.เอาไว้แน่น จึงแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมตรวจสอบเหตุวิสามัญฆาตกรรมตามขั้นตอนต่อไป
การทำงานของตำรวจนั้น ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติหน้าที่ มีความเสี่ยงอยู่ทุกนาที พลาดพลั้งไปเพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงต้องสังเวยด้วยชีวิต
