คอลัมน์ แฟ้มคดี

นับเป็นโศกนาฏกรรมต้อนรับปีใหม่ที่หดหู่อย่างที่สุด

สำหรับอุบัติเหตุสยอง ที่รถตู้โดยสารสายจันทบุรี-กรุงเทพฯ เสียหลักพุ่งลงเกาะกลางถนน เหินข้ามไปประสานงากับปิกอัพที่วิ่งสวนทางมา

ก่อนเกิดไฟลุกไหม้ท่วมร่างผู้โดยสารทั้ง 2 คัน เสียชีวิตรวม 25 ศพ

โดยมีทั้งครอบครัวที่เดินทางไปไหว้พระขอพรช่วงปีใหม่ หนุ่มนิสิตแพทย์ที่กลับมาเรียนต่อที่กทม. รวมทั้งนักวิจัย ฝีมือดี

หลายคนเป็นเสาหลักครอบครัว ที่ต้องสูญเสียไปเพราะความอ่อนล้า อ่อนเพลียของคนขับ

ที่วิ่งทำรอบถึง 5 เที่ยว ในเวลาเพียง 31 ชั่วโมง

ส่งผลให้เกิดคำถามถึงรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าถึงเวลาต้องจัดระเบียบรถโดยสารให้จริงจัง

ไม่ให้เป็นเพียงวัวหายล้อมคอก หรือแค่ไฟไหม้ฟาง

รถตู้มรณะชนไฟลุกคร่า 25 ศพ

เหตุการณ์สลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 ม.ค. 2560 เมื่อร.ต.ท.วรวิทย์ วรรณนุวาส รองสวป.สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถตู้เสียหลักข้ามเลนชนประสานงารถปิกอัพ แล้วเกิดไฟลุกไหม้คลอกผู้โดยสารที่ติดอยู่ในซากรถทั้งสอง เสียชีวิตและบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ถนนสาย 344 บ้านบึง-แกลง หมู่ 1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ฝั่งขาออก มุ่งหน้าอ.แกลง

เมื่อไปถึงพบไฟกำลังลุกไหม้รถตู้โดยสารประจำทาง สายที่ 9907 กรุงเทพฯ-จันทบุรี ทะเบียน 15-1352 กทม. และปิกอัพอีซูซุ ทะเบียน 1 ฒ 2483 กทม. สภาพขวางถนนพังยับเยิน

ภายในมีผู้เสียชีวิตติดอยู่เต็มไปหมด พบผู้รอดชีวิต 2 คน คือนางปราณี บุญโทน อายุ 20 ปี ชาวอ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ที่มากับรถปิกอัพ และนายธงชัย ตั้งวงศ์พุฒิกุล อายุ 20 ปี ชาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี จึงนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านบึง

หลังจากเจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำนานกว่าครึ่งชั่วโมง เมื่อเข้าตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตในซากรถตู้ทั้งหมด 14 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุมนต์ เอี่ยมสมบัติ อายุ 64 ปี คนขับ 2.นางวิมล ธีระนิธิ อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 3.นายประกาศิต รัตนตันหยง อายุ 36 ปี นักวิจัยด้านมะเร็ง จุฬาฯ กำลังศึกษาต่อปริญญาเอก

4.น.ส.ศิริพร หนุนเกื้อกูล อายุ 39 ปี 5.น.ส.ภัทธวรรธน์ ทรัพย์จันทร์ อายุ 29 ปี 6.น.ส.ดวงชีวัน พันเพ็ชร์ อายุ 34 ปี 7.น.ส.หทัยทิพย์ หมดภัย อายุ 26 ปี พนักงานขายบริษัทรถยนต์ 8.นายกันตินันท์ ไทยตรง อายุ 23 ปี 9.นายพรหมพต กอศิริวรานนท์ อายุ 20 ปี

10.น.ส.หทัยรัตน์ บุญฤทธิ์ อายุ 29 ปี 11.น.ส.ดวงฤทัย วงศ์สิริวิบูลย์ 12.น.ส.หนึ่งฤทัย ปันขัด อายุ 21 ปี 13.น.ส.ดารณี พลายคง อายุ 27 ปี และ 14.น.ส.ภัทราวรรณ รื่นเริง อายุ 42 ปี

ส่วนผู้เสียชีวิตที่มากับรถกระบะ 1.นายน้อย หาญเสมอ อายุ 39 ปี คนขับรถกระบะ 2.นางนอง หาญเสมอ อายุ 40 ปี 3.ด.ช.วีรศักดิ์ หาญเสมอ อายุ 13 ปี 4.น.ส.สุนันทา หาญเสมอ อายุ 15 ปี 5.นายสุพิณ หาญเสมอ อายุ 41 ปี 6.ด.ญ. สุทธิดา หาญเสมอ อายุ 1 ขวบ

7.นางพัน เจือจาน อายุ 48 ปี 8.ด.ช. สุภกฤษ เจือจาน อายุ 2 ขวบ 9.น.ส. สุดาภรณ์ เจือจาน อายุ 18 ปี 10.นาย บุญเกิด ต้นทอง อายุ 33 ปี และ 11.น.ส.เกศินี กมลเมธากุล อายุ 18 ปี

รวมทั้งหมด 25 ศพ

เผยต้นเหตุสลด”ซิ่ง-หลับใน”

ขณะที่สาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ นายธงชัย ผู้รอดชีวิตจากรถตู้ เผยว่า ขึ้นรถตู้มาจากจันทบุรี โดยนั่งหลังติดกระจกรถ ช่วงนั้นผู้โดยสารทั้งหมดหลับสนิท ตนหลับๆ ตื่นๆ มาตลอดทาง เมื่อถึงที่เกิดเหตุ รู้สึกว่ารถหักเลี้ยวกะทันหัน ข้ามเลนไปชนกับปิกอัพ ไม่นานก็เกิดเปลวไฟขึ้น ตนมีสติและกระจกด้านข้างแตก จึงใช้เท้าถีบกระจกหนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด ส่วนคนอื่นไม่รู้สึกตัวจึงถูกไฟคลอกเสียชีวิต

ด้านนางปราณี ผู้รอดชีวิตจากรถปิกอัพ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งรถมากับครอบครัวและญาติไปไหว้หลวงพ่อโสธร ที่จ.ฉะเชิงเทรา และกำลังจะไปบ้านสามีที่จ.จันทบุรี โดยตนนั่งกระบะหลัง ทุกคนหลับๆ ตื่นๆ จู่ๆรถตู้โดยสารก็พุ่งข้ามเลนมาชนอย่างแรง จนเกิดไฟไหม้ลามมาติดรถกระบะ โดยตนกระเด็นออกมาก่อนจึงรอดตาย

ส่วนพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า รถตู้ขับมาเลนกลางตลอดทาง จู่ๆ ก็พุ่งข้ามฝั่งไปชนกับปิกอัพ จากนั้นก็เกิดไฟพวยพุ่งและโหมไหม้รถทั้งสองคัน โดยที่ประชาชนที่ผ่านมาประสบเหตุ พากันลงมาจากรถเพื่อช่วยเหลือแต่ไม่สำเร็จ

นายพรศักดิ์ ไทยเจียมอารีย์ ขนส่งจังหวัดจันทบุรี เผยว่า จากการตรวจสอบรถตู้โดยสารดังกล่าว พนักงานขับรถคือ นาย สุมนต์ เอี่ยมสมบัติ อายุ 64 ปี โดยเริ่มขับรถตู้ในวันที่ 1 ม.ค. เที่ยวแรกออกจากจ.จันทบุรี เวลา 04.00 น. เที่ยวสอง ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 11.30 น. และเที่ยวสาม ออกจากจันทบุรี เวลา 18.00 น. (ถึงกรุงเทพฯ เวลา 22.30 น.) และวันที่ 2 ม.ค. เที่ยวแรกออกจากกรุงเทพฯ เวลา 05.00 น. และเที่ยวที่สอง ออกจากจันทบุรี เวลา 11.30 น. และมาประสบอุบัติเหตุ

เท่ากับว่าขับถึง 5 เที่ยว ในช่วงเวลา 31 ชั่วโมง

ส่วนนายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า รถคันดังกล่าวได้วิ่งให้บริการในเส้นทางกทม.-จันทบุรี-กทม. วันละ 3 เที่ยว โดยมีนายสุมนต์เป็นผู้ขับขี่รถให้บริการเพียงคนเดียว 2 วันติดต่อกันโดยไม่หยุดพักผ่อน หรือผลัดเปลี่ยนคนขับแต่อย่างใด

เชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้รถคันดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุ เป็นเพราะ ผู้ขับขี่มีร่างกายที่อ่อนล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดอาการหลับในจนขับรถข้ามเกาะไปชนรถปิกอัพอีกฝั่งถนนด้วยความเสียหายร้ายแรง

นอกจากนี้พบว่า รถตู้เสียหลักขับไถลลงไปยังร่องน้ำ ซึ่งอยู่บริเวณเกาะกลางถนน โดยเมื่อรถพุ่งลงไปถึงพื้นร่องน้ำซึ่งมีความลึกกว่า 1 เมตร รถก็กระแทกเข้ากับพื้นร่องน้ำและกระเด็นข้ามเกาะกลางไปชนกับรถปิกอัพอย่างแรง

เชื่อว่าผู้ขับขี่จะต้องขับขี่รถมาด้วยความเร็วสูงมาก ส่วนสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเนื่องจากภายหลังการชนเกิดการลุกไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ใช้ในระบบสตาร์ตเครื่อง ไม่ใช่แก๊สระเบิด เพราะถังแก๊สยังอยู่ในสภาพดีอยู่

สรุปสาเหตุจากหลับในเพราะพักผ่อนน้อยและขับมาด้วยความเร็ว


จี้วางมาตรการป้องกัน

หลังเกิดเหตุสลดเช่นนี้ สังคมก็กลับไปตั้งคำถามกับการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ตามแนวทางการลดอุบัติภัยบนท้องถนน

เพราะนอกจากอุบัติเหตุนี้แล้ว ในรอบ 7 วันอันตราย ที่รัฐบาลรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 59 – 4 ม.ค. 60 กลับมีอุบัติเหตุรวม 3,919 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 478 คน บาดเจ็บ 4,128 ราย

เมื่อเทียบกับปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตมากกว่าเดิมกว่า 100 คน

เป็นเหตุให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ต้องออกมากำชับอีกครั้ง ระบุว่าจากนี้อีก 3 เดือน จะดำเนินคดีทุกอย่าง ไม่ว่าคนขับ รถไม่ได้มาตรฐาน รถตู้บรรทุกเกิน ต้องมีสมุดประจำรถ ลงชื่อคนขับ ลงเวลา ทุกด่านต้องตรวจหมด

หากขับเกินเวลาจะยึดรถ เอาคนลง หารถใหม่ คนขับใหม่ ต้องใช้มาตรการนี้เข้มงวดใน 3 เดือน ก่อนถึงวันหยุดสงกรานต์ครั้งต่อไป

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จะต้องใช้ม.44 เข้ามาจัดระเบียบ และเอาผิดเจ้าของรถ และห้ามรถกระบะขนของบรรทุกคน

ด้านกระทรวงคมนาคม โดยนายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก เร่งรัดระยะเวลาการปรับเปลี่ยนรถตู้โดยสารเป็นรถไมโครบัสขนาด 20 ที่นั่ง แทนภายในระยะเวลา 6 เดือนต่อจากนี้ หรือเริ่มตั้งแต่กลางปี 2560

ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่ตั้งเป้าให้ทยอยเริ่มปรับเปลี่ยนตั้งแต่ปี 2562-2564 โดยในระยะแรกจะเร่งรัดให้มีการปรับเปลี่ยนรถตู้โดยสารหมวด 2 ที่วิ่งระหว่าง กทม.-ตจว. ก่อน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 5 พันคัน จากนั้นในระยะที่ 2 จึงจะปรับเปลี่ยนรถตู้โดยสารหมวด 3 ที่วิ่งระหว่างจังหวัด-จังหวัด

ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ยังคงเป็นห่วงว่ารถมินิบัส ที่นำมาปรับเปลี่ยนนั้นจะต้องเอามาจากไหน จากของเก่าในกทม.แล้วปรับปรุงใหม่หรืออย่างไร

โดยนายอาคมเผยว่า ปัจจุบันในต่างจังหวัดบางเส้นทางใช้รถมินิบัส 20 ที่นั่งอยู่แล้ว โดยนำรถเก่ามาปรับปรุงที่นั่ง ติดพัดลมแล้วนำไปวิ่งให้บริการระหว่างอำเภอกับจังหวัด

เพราะหากเป็นรถใหม่ ราคาจะสูงมาก หากนำเข้ามาก็ต้อง จ่ายภาษีสูงด้วย

อย่างไรก็ตามก็ยังมีการทวงถามจากสังคมถึงมาตรการแก้ไขอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ทำเหมือนไฟไหม้ฟาง เมื่อเกิดเหตุสลดครั้งหนึ่งก็มาดูแลกันที

พร้อมถามถึงระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยงเช่นนี้อีก

เป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาล ที่ต้องดูแล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน