คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อรรณนพ เพ็ชรภิมล

เรื่อง/ภาพ

แม้การลอบจับปลาในเขตอภัยทานจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามอาญาบ้านเมือง

แต่มาตรการทางสังคมของวัดลัฏฐิวนาราม หรือวัดใต้ ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่ใช้ลงโทษต่อ 2 หนุ่มขี้เมาซึ่งเข้าไปลักตกปลาในเขตอภัยทาน ทำให้เป็นคดีอาชญากรรมที่จบลงด้วยรอยยิ้ม

ย้อนไปในช่วงสายวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อนายศุภวัฒกัณฐ์ คุณลักษณ์ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลฉลอง จ.ภูเก็ต ได้รับการประสานจากพระครูลัฏฐิธรรมรัต เจ้าอาวาสวัดลัฏฐิวนาราม ว่า ได้ควบคุมตัวผู้ที่ลักลอบเข้ามาตกปลาในวัดไว้ได้ 2 คน

พร้อมขอให้ไปเป็นสักขีพยานร่วมกับตำรวจ สภ.ฉลอง ในการลงโทษและว่ากล่าวตักเตือน เพื่อให้เป็นที่หลาบจำต่อผู้ที่กระทำผิดแทนการส่งตัวทั้งคู่ดำเนินคดี

ตามธรรมเนียมที่อดีตเจ้าอาวาสของวัดได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา

เมื่อนายศุภวัฒกัณฐ์พร้อมตำรวจสายตรวจสภ.ฉลอง ไปถึงที่วัดดังกล่าวก็พบ นายคุณากร ศรีคูณ อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ จ.ขอนแก่น และ นายวานิต พันธินา อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ จ.ชัยภูมิ ทั้งคู่มีอาชีพรับจ้าง โดยอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าห่างจากวัดไปประมาณ 2 กิโลเมตรถูกพระสงฆ์และลูกศิษย์วัดควบคุมตัวไว้ ริมบ่อน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณหน้ากุฏิเจ้าอาวาส พร้อมของกลางเป็นเบ็ดตกปลา จำนวน 2 คัน ไส้เดือน เหล้าขาวใส่ขวดน้ำอัดลม 1 ขวด ปลาดุกที่เพิ่งตกได้จำนวน 2 ตัว และเต่าอีก 1 ตัว

สอบสวนทราบว่า ทั้งคู่ดื่มสุราฉลองวันขึ้นปีใหม่ พอเมาได้ที่ก็ชักชวนกันมาหากับแกล้มด้วยการลอบตกปลาในบ่อน้ำดังกล่าวซึ่งเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ ปกติจะมีประชาชนทั่วไป ตลอดจนนักท่องเที่ยวมักจะนำปลาและเต่ามาปล่อยเพื่อเป็นการไถ่ชีวิต ทำให้มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

แต่ถูกพระและลูกศิษย์วัดมาพบเห็นจนถูกจับตัวได้คาหนังคาเขา

พระครูลัฏฐิธรรมรัตเผยว่า หลังจับตัวทั้งคู่ก็รับสารภาพแต่โดยดี พร้อมยอมให้โกนศีรษะ และบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการช่วยทำความสะอาดวัด เป็นการลงโทษแทนการถูกส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดี โดยไม่มีการบังคับขู่เข็ญทั้งทางกายและจิตใจแต่อย่างใด

หลังจากนั้นพระครูลัฏฐิธรรมรัตจึงร่วมกับนายศุภวัฒกัณฐ์ และตำรวจ ร่วมกันโกนศีรษะทั้งคู่ แล้วพาไปทำพิธีสาบานตนที่หน้าพระอุโบสถว่า จะไม่ลักลอบตกปลาและลักทรัพย์ในเขตอภัยทาน อีกต่อไป

หากว่าผิดคำสาบานขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน

ก่อนจะสอนคติธรรมให้กับทั้งสอง โดยให้พูดพร้อมกัน 3 ครั้งว่า “ไม่ตกปลาในวัดอีกแล้ว ผมเข็ดหลาบแล้ว”

จากนั้นทั้งนายคุณากรและนายวานิตพากันเก็บกวาดทำความสะอาดภายในวัดอย่างขยันขันแข็ง พร้อมบอกเล่าความในใจอย่างเขินๆ ว่า รู้สึกละอายต่อความผิดที่กระทำลงไป มากกว่าต้องถูกตำรวจจับเสียอีก

พระครูลัฏฐิธรรมรัตกล่าวว่า การลงโทษดังกล่าวในอดีตเจ้าอาวาสรูปเก่าได้ยึดถือและปฏิบัติตามกันมานานแล้ว กรณีจับตัวผู้ที่เข้ามาลักลอบจับสัตว์น้ำในวัดหรือในเขตธรณีสงฆ์ได้ จะโกนหัวเพื่อให้หลาบจำ โดยจะไม่มีการดำเนินคดีตามกฎหมายของบ้านเมือง

พร้อมกันนี้ยังสั่งสอนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษเรื่องการเข้ามาจับสัตว์น้ำในวัดต่อผู้ที่กระทำความผิดด้วย หลังจากนั้นจึงปล่อยตัวไป

เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้กระทำผิดได้รู้สำนึกจากภายในจิตใจ แล้วกลับไปใช้ชีวิตเป็นคนที่ดีต่อไปในสังคม ซึ่งเชื่อว่าการลงโทษแบบนี้จะได้ผลดีกว่าส่งตัวผู้กระทำผิดไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีนี้นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของมาตรการทางสังคม ที่ใช้ลงโทษผู้กระทำความผิดในเรื่องเล็กน้อย โดยไม่ใช้วิถีแห่งความรุนแรง หรือบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด จนต้องปิดฉากด้วยคุกตะรางเท่านั้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน