ปิดคดีคนร้ายฆ่าพ่อ!

โตมาเป็นตร.-สืบเอง

จับก่อนหมดอายุความ

เรื่องราวยิ่งกว่าหนังซีรีส์ : แฟ้มคดี

ปิดคดีคนร้ายฆ่าพ่อ! – ไม่ได้เกินเลยไปเสียทีเดียว หากจะเปรียบชีวิตเหมือนบทละคร

เพราะมีหลายครั้งหลายหนที่เรื่องราวในชีวิตล้วนซับซ้อนจนไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ

อย่างชีวิตของหมู่อาร์ม ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ก็เช่นนั้น

ปิดคดีคนร้ายฆ่าพ่อ! โตมาเป็นตร.-สืบเอง จับก่อนหมดอายุความ เรื่องราวยิ่งกว่าหนังซีรีส์ : แฟ้มคดี

ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิโชว์รูปพ่อ

เติบโตมาด้วยความเป็นลูกกำพร้า เพราะพ่อที่แท้ถูกคนร้ายสังหารตั้งแต่อายุเพียงขวบกว่า

บากบั่นมุมานะจนสอบเข้าโรงเรียนนายสิบตำรวจ จบมาได้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สมใจ

แถมหลังจากบรรจุ ก็เดินหน้าสืบสวนหาคนร้ายที่ลงมือฆ่าพ่อ

ปิดคดีคนร้ายฆ่าพ่อ! โตมาเป็นตร.-สืบเอง จับก่อนหมดอายุความ เรื่องราวยิ่งกว่าหนังซีรีส์ : แฟ้มคดี

คุมตัวสอบเครียด

ในที่สุดก็สามารถทำได้สำเร็จ หาเบาะแสประสานตำรวจ กองปราบฯ บุกเข้าจับกุม

ก่อนที่จะหมดอายุความ 20 ปี เพียง 1 เดือนเท่านั้น!!?

ตอกย้ำสำนวนที่ว่า ‘ชำระแค้น 10 ปี ไม่สาย’

l จับหนุ่มหนีคดีฆ่า 20 ปี

เรื่องราวชีวิตเหมือนบทละครครั้งนี้ เป็นที่รับรู้เมื่อวันที่ 5 พ.ย. โดยพ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. สั่งการให้พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. นำกำลังจับกุมนายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.2 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

ตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 786/2551 ลงวันที่ 22 ก.ย. 2551 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว ใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด โดยสามารถจับกุมได้ที่ริมถนนในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

ทั้งนี้พบว่าเมื่อวันที่ 5-6 ธ.ค. 2541 ช่วงที่นายประสิทธิ์ แซ่อื้อ และนายชาณี ทองหญีต ขับรถสิบล้อทะเบียน 80-4143 ชุมพร ไปรับจ้างบรรทุกไม้ยางของบริษัทเมโทร หมู่ 6 ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

ปิดคดีคนร้ายฆ่าพ่อ! โตมาเป็นตร.-สืบเอง จับก่อนหมดอายุความ เรื่องราวยิ่งกว่าหนังซีรีส์ : แฟ้มคดี

หนีไม่รอด

แต่เมื่อไปถึงพบว่าไม่มีไม้ยางให้ขน แต่กลับพบนายบุญฤทธิ์ พร้อมพวกดักรออยู่ แล้วทำทีว่าจ้างให้ไปบรรทุกทราย แต่ทั้งคู่ปฏิเสธ นายบุญฤทธิ์จึงใช้มีดจี้บังคับทั้งสองขึ้นรถกระบะ โดยใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะไปตลอดทาง

จากนั้นนายบุญฤทธิ์ใช้มีดแทงนายประสิทธิ์ และนายชาณีเสียชีวิต ก่อนนำศพไปทิ้งไว้ที่สระน้ำริมทางบ้าน ท่าตะเภา ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

ต่อมาพนักงานสอบสวนสภ.พุนพิน พร้อมขออำนาจศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกหมายจับลงวันที่ 22 ก.ย. 2551 ซึ่งคดีกำลังจะหมดอายุความในวันที่ 2 ธ.ค. 2561

ขณะที่นายบุญฤทธิ์ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ซึ่งหลังจากที่ทราบว่า ตัวเองมีหมายจับก็ไม่ไปทำบัตรประชาชนอีก

ส่วนพฤติการณ์ของคดียังคงให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดีชั้นศาล

เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวส่งสภ.พุนพิน เจ้าของพื้นที่ที่เกิดเหตุ เพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้อง ซึ่งจะทันก่อนที่คดีหมดอายุความในวันที่ 2 ธ.ค.นี้

สู้กันต่อในชั้นศาล

l ฝีมือ‘หมู่อาร์ม’ลูกเหยื่อสืบจับ

อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เมื่อเบื้องลึกของคดีพบว่าเกิดจากการสืบสวนของผู้หมู่หนุ่ม ที่เพิ่งบรรจุรับราชการได้ไม่นาน ที่ชื่อว่า ส.ต.ต. อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผบ.หมู่กก.ปพ.บก.สส.บช.ภ.8 หรือหมู่อาร์ม ที่สำคัญก็คือ หมู่อาร์ม เป็นลูกชายของนายประสิทธิ์ ที่เป็นเหยื่อฆาตกรรมโหดครั้งนี้

โดยขณะที่พ่อถูกฆ่านั้น หมู่อาร์ม อายุได้เพียง 1 ขวบ 5 เดือน เมื่อโตขึ้นก็สอบ ถามแม่ว่าพ่อหายไปไหน แต่แม่ไม่บอกว่าพ่อถูกฆ่า จนกระทั่งรบเร้าหลายครั้ง จนแม่ยอมบอกความจริง พร้อมบอกความฝันของพ่อว่าอยากให้เป็นนายร้อยตำรวจ จึงมุ่งมั่นสอบเข้าตำรวจให้ได้ตามที่พ่อคาดหวัง

จนกระทั่งเมื่อปี 2560 ตนสอบเข้าโรงเรียนนายสิบตำรวจได้ จึงไปสอบถามตำรวจเก่าๆ และญาติที่รู้เรื่องพ่อ จนทราบว่าคดีนี้มีผู้ต้องหา 3 ราย ถูกจับกุมไปแล้ว 2 ราย ยังเหลือเพียงนายบุญฤทธิ์ ที่ยังหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย

เมื่อสืบสวนพบว่านายบุญฤทธิ์เป็นลูกน้องนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง รู้จักกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน เมื่อกลับมาจากกบดานจากมาเลเซีย ก็มารับจ้างขับรถไถที่สวนปาล์ม หมู่ 2 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าจับกุม โดยไม่กล้าบอกตำรวจท้องที่เพราะกลัวข่าวรั่ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.ไปตามจับแล้ว แต่ผู้ต้องหารู้ทัน หลบหนีคดีไปก่อน

หมู่อาร์มยังเปิดเผยอีกว่า อย่างไรก็ตามต้องชี้แจงว่าที่มาเป็นตำรวจเพราะความชอบ และทำตามเจตนารมณ์ของพ่อ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำคดีนี้โดยเฉพาะ หลังจากบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจเมื่อก.พ.ที่ผ่านมา ก็ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา

ซึ่งการติดตามจับกุมคดีนี้ก็เป็นไปตามนโยบายที่ให้ติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีค้างเก่า โดยเฉพาะรายที่ใกล้หมดอายุความ

ส่วนหลังจากนี้ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ หากกระทำผิดจริงก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย หากไม่ได้กระทำ ก็ต้องให้ความเป็นธรรม

ยืนยันภาคภูมิใจกับอาชีพตำรวจ และปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด

ยึดถือกฎหมาย ไม่ใช่การล้างแค้นส่วนตัว!!?

l แม่เผยถูกบุกบ้านคุกคาม

ขณะที่นางรัชนี มากประดิษฐ์ แม่ของหมู่อาร์ม ย้อนถึงนาทีที่สามีหายตัวไปอย่างลึกลับและไม่มีวันกลับมาอีกว่า ยังจำได้ดีว่าวันที่ 4 ธ.ค. 2541 สามีคือนายประสิทธิ์ ออกไปพร้อมกับพี่เขย คือนายชาณี ขนไม้ไปส่งที่สุราษฎร์ธานีช่วงบ่าย จากนั้นก็ติดต่อกันไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ 6 ธ.ค. ทางบริษัทท่าแซะค้าไม้ โทรศัพท์มาแจ้งว่ารถบรรทุกสิบล้อคว่ำ แต่ไม่ได้บอกว่าสามีเป็นอะไร

เวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ ก็ไม่มีข่าวอะไร จนกระทั่งผ่านไปครึ่งเดือน มีคนนำภาพจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาให้ดูพร้อมถามว่านี่คือรูปสามีใช่ไหม ก็ตกใจ เพราะสามีถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ถูกมีดปาดคอ มัดมือไพล่หลัง ถุงพลาสติกคลุมหัว

ตอนนั้นเหตุการณ์เกิดใกล้เคียงกับอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ สุราษฎร์ฯ ต้องตรวจสอบศพกันอยู่นานถึงจะได้ศพไปทำพิธี กว่าจะได้เผาก็ล่วงไปอีกกว่าสิบวัน

ส่วนเรื่องคดีหลังจากนั้น ก็ทราบว่าตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ 2 คน แต่ก็ยังมีคนที่หนีรอดอยู่ ตนก็ได้แต่ทำมาหากินเลี้ยงลูกคนเดียว ส่งเสียเขาจนเรียนจบ ให้สอบเข้าเป็นตำรวจได้ตาม ความฝันของพ่อเขา ซึ่งก็คงไม่เกี่ยวกับเรื่องล้างแค้น หรือจะมาตามจับฆาตกรที่ฆ่าพ่อ

หลังจากที่ลูกเป็นตำรวจ แล้วไปรื้อคดีพบว่านายบุญฤทธิ์มีชื่อตามหมายจับของสภ.พุนพิน ที่สำคัญก่อนหน้านี้ นายบุญฤทธิ์เคยมาป้วนเปี้ยนที่บ้าน มาตะโกนหาตอนดึก เรียกชื่อเรา เรียกชื่อลูก เราก็ไม่กล้าออกไป

จึงแจ้งให้ลูกชายทราบ ก็ใช้เวลาสืบสวนอยู่ประมาณ 2 เดือน ตามทะเบียนรถ หาจุดที่นายบุญฤทธิ์พักอาศัย จนรู้ว่ามารับจ้างขับรถไถให้สวนปาล์ม จึงประสานตำรวจกองปราบฯจับกุมได้

ส่วนคดีหลังจากนี้เป็นอย่างไรก็แล้วแต่กระบวนการยุติธรรม

แต่วันนี้ก็ภาคภูมิใจกับลูกชายที่เป็นตำรวจได้สำเร็จตามความตั้งใจ

และสามารถปิดคดีพ่อได้สำเร็จ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน