สดจากสนามข่าว : ย้อนเหตุสยองท่าแซะ พ่อลูกเศรษฐี-ฆ่าโหด แทงพรุนหิ้วศพทิ้งน้ำ
คนเราเมื่อรับจ้างทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ต้องการเงินค่าแรงมาใช้จ่ายจุนเจือครอบครัว หากผู้จ้างไม่จ่าย หรือจ่ายล่าช้า ก็ย่อมต้องไถ่ถามทวงกันเป็นเรื่องปกติ คงไม่มีใครคิดหรอกว่าแค่ทวงเงินค่าแรง จะกลายเป็นต้นเหตุคดีสยองขวัญขึ้นมาได้
ย้อนไปเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 20 พ.ย. พ.ต.ท.พนัส หมุนวงค์ สารวัตรเวร พนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากคนงานสวนปาล์มในพื้นที่ ว่าพบศพมีผู้เสียชีวิตลอยอืดมาติดที่ต้นไม้ บริเวณสะพานรับร่อ หินแก้ว พื้นที่ ม.12 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
เมื่อได้รับแจ้ง จึงรีบรายงานให้ พ.ต.อ. ขนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.ท่าแซะ รับทราบ จากนั้นจึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าหน้าที่กู้ภัยสายชลเขตท่าแซะ แพทย์เวรโรงพยาบาลชุมพร และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน
มาถึงที่เกิดหตุพบมีชาวบ้านมุงดูนับร้อยคน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าก่อนหน้านี้เกิดภัยธรรมชาติจนมีคลองแต่โคลนเลนที่มากับน้ำป่า ทำให้ยากลำบากต่อการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นเป็นศพเพศชาย สวมเกงกางขายาวสีกากี เสื้อไม่สามารถระบุได้ ตรวจสอบตามร่างกาย พบบาดแผลโดนแทงด้วยของแหลมจนทะลุหัวใจ และทะลุสีข้างด้านซ้าย
เมื่อพลิกดูด้านหลัง มีรอยโดนฟันด้วยของมีคมที่บริเวณต้นคอ บาดแผลยาวประมาณ 12 ซ.ม. สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วกว่า 5 วัน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบสาเหตุการตาย ดังกล่าวมีผู้หญิงอายุประมาณ 45 ปี ได้เข้ามาเห็นแล้วแสดงตัว ว่าเป็นร่างของสามีที่หายออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. ทราบชื่อผู้ตายคือนายวินัย สหธุระ อายุ 52 ปี บ้านอยู่ห่างจากจุดที่พบศพ กว่า 50 ก.ม. ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างผู้ตายไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลอีกครั้ง จากนั้นได้เชิญตัวภรรยาผู้ตายไปสอบสวน
จากการสอบสวนหญิงคนดังกล่าวให้การว่าก่อนหน้าที่ผู้ตายจะหายตัวไป ได้นั่งดื่มกินอยู่กับนายวันชัย สุวรรณพานิช หรือแปะ อายุ 54 ปี และนายอัครเดช หรือเอ็ม สุวรรณพานิช อายุ 29 ปี สองพ่อลูก ซึ่งมีอาชีพทำสวนทุเรียนมากกว่า 50 ไร่ เป็นคนมีฐานะดีระดับเศรษฐีในหมู่บ้าน โดยนายวันชัย ว่าจ้างให้สามี ตัดแต่งกิ่งทุเรียนให้
แต่เมื่อไปสอบถามทั้งสองพ่อลูกกลับปฏิเสธ อ้างว่าไม่รู้ว่าสามีหายไปไหน จนกระทั่งมาพบเป็นศพลอยน้ำดังกล่าว
ทั้งนี้ภรรยาผู้ตายสงสัยว่าพ่อลูกจะลงมือฆ่าสามี แล้วนำศพใส่รถมาทิ้งน้ำอำพรางคดี อีกทั้งเชื่อว่าระหว่างก่อเหตุน่าจะมีพยานเห็นเหตุการณ์แต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ เนื่องจากเกรงกลัวอันตราย
ต่อมาเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ออกหาข่าวและรวบรวมพยานหลักฐาน จนแน่ใจว่าผู้ลงมือสังหารนายวินัยอย่างโหดเหี้ยม แล้วนำศพมาโยนทิ้งคลองเพื่ออำพรางคดี น่าจะเป็น 2 พ่อลูกจริงๆ ตามที่ภรรยาผู้ตายสงสัย
ตํารวจนำหลักฐานไปขออนุมัติศาล ออกหมายจับนาย วันชัยและนายอัครเดช 2 พ่อ–ลูก ที่บ้านเลขที่ 209 หมู่ที่ 23 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนไทย–เมียนมา เจ้าหน้าที่นำตัวไปสอบสวนอย่างเคร่งเครียด
นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ สีเขียว ทะเบียน บต 45 ชุมพร คันที่เชื่อว่าใช้บรรทุกศพไปโยนทิ้งในคลอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝงและรอยคราบเลือด ซึ่งยังเหลือติดอยู่ที่กระบะหลังหลายจุด และเก็บดีเอ็นเอของผู้ตาย กับสองพ่อลูกผู้ก่อเหตุจากรถยนต์คันดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
แม้จะปฏิเสธในตอนแรก แต่เมื่อจำนนด้วยหลักฐาน 2 พ่อลูกโหดก็เปิดปากยอมรับสารภาพ ว่าได้ร่วมกันก่อเหตุฆ่านายวินัยผู้ตายจริง โดยให้ข้อมูลว่าผู้ตายมีบ้านอยู่ห่างกันประมาณ 200 เมตร และเป็นเพื่อนสนิทที่ไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุได้ว่าจ้างให้มาช่วยขุดบ่อเลี้ยงปลาในสวนข้างบ้าน โดยตกลงกันในราคา 1,500 บาท
ต่อมาช่วงเย็นของวันที่ 16 พ.ย. นายวินัยไปขอค่าจ้างอ้างว่าจะให้ลูกชายเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปขึ้นทะเบียนทหารตามเกณฑ์อายุ ที่ที่ว่าการอำเภอท่าแซะ ทำให้นายวันชัยผู้เป็นพ่อไม่พอใจที่ถูกทวงค่าจ้าง และบอกว่ายังไม่มีให้ แต่นำเหรียญบาทออกมาจ่ายประชดให้ไปก่อนจำนวน 200 บาท จนนายวินัยไม่พอใจหาว่าดูถูกเหยียดหยาม จนเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง
นายวันชัยกับนายอัครเดช 2 พ่อลูกจึงรุมทำร้ายนายวินัย แล้วใช้มีดปลายแหลมฟันแทงไม่ยั้ง จนฟุบลงกับพื้นหน้าบ้าน จากนั้นจับเชือดคอซ้ำจนเกือบขาด แล้วลากศพไปซ่อนไว้ ข้างบ้าน กระทั่งช่วงค่ำได้ช่วยกันนำศพใส่รถกระบะพาไปโยนทิ้งบริเวณสะพานมิตรภาพรับร่อ–หินแก้ว สูงจากผิวน้ำประมาณ 10 เมตร และอยู่ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุราว 70 กิโลเมตร เพื่ออำพรางคดี
หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและเคลื่อนย้ายอำพรางศพ” ก่อนคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ชูศักดิ์ ตระหง่าน
เรื่อง/ภาพ