คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

แม้ประเทศไทย จะเปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการที่ต้องการใช้แรงงานต่างด้าว จดทะเบียนแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายมานานหลายปี

เนื่องด้วยความจำเป็นในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ เพราะชาวไทยสมัยนี้ไม่นิยมทำงานประเภทใช้แรงงานหนัก จึงต้องหันไปพึ่งพาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านแทน

แต่ก็ยังปรากฏการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเถื่อนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็พยายามกวดขันจับกุม แต่ดูเหมือนขบวนการค้ามนุษย์ประเภทนี้ยังไม่มีวันหมดไปเสียที

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ม.ค. เจ้าหน้าที่ใน 2 จังหวัด 2 ภูมิภาค ก็ยังจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อน 2 ราย ช่วยแรงงานต่างด้าวเถื่อนที่ต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ครั้งนี้ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันกว่า 30 ชีวิต

คดีแรกเกิดขึ้นที่หัวเมืองปักษ์ใต้ นครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ต.ท.ปิยะพันธุ์ วนอุกฤษฏ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 7 (สว.ส.ทล.4 กก.7) นครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้นำกำลังตำรวจทางหลวงตั้งด่านตรวจอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน บริเวณหน่วยบริการตำรวจทางหลวงทุ่งสง ฝั่งขาล่อง ม.8 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง

ต่อมามีรถเก๋งโตโยต้าวีออส สีขาว ทะเบียน 4 กญ 5763 กรุงเทพมหานคร ขับเข้าด่านมา

แต่ขณะกำลังจะปล่อยให้ผ่านไป เจ้าหน้าที่ก็เห็นสิ่งผิดปกติ เนื่องจากเป็นรถเก๋งขนาดเล็กไม่ได้แต่งซิ่ง แต่ท้องรถกลับต่ำเกือบติดพื้นเหมือนกับบรรทุกของหนักมา จึงเรียกขอตรวจค้น

เมื่อคนในรถเปิดประตูออกมา เจ้าหน้าที่แทบต้องผงะ เพราะภายในอัดแน่นไปทั้งชายหญิงรวม 8 คน และมีเด็กเล็กที่ยังแบเบาะอีก 1 คน

สอบสวนนายผาติยะ น้อยคำ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.1 ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี คนขับ สารภาพว่า ผู้โดยสารทั้งหมดเป็นแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย

โดยรับจ้างจากเอเยนต์รายหนึ่ง ไปรับตัวมาจากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อไปส่งที่สะพานลอยที่แยกคลองหวะ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วจะมีผู้มารับต่ออีกทอดหนึ่ง

เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งสง ดำเนินคดี และสอบสวนขยายผลหาตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังต่อไป

คดีที่สอง เหตุเกิดในคืนเดียวกัน เมื่อตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ขับรถไล่ล่ารถตู้โตโยต้า สีขาวคันหนึ่ง ที่ขับหลบหนีเจ้าหน้าที่ไปตามถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ

ช่วงเวลาดังกล่าวยังมีรถสัญจรบนถนนจำนวนมาก ด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่จึงวิทยุแจ้งให้ตำรวจในพื้นที่ข้างเคียงช่วยปิดถนน ทำให้รถตู้คันดังกล่าวไปจนมุมในพื้นที่ ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูห้องโดยสารเข้าไปดูก็พบว่าอัดแน่นไปด้วยผู้คนทั้งชายหญิง เมื่อทั้งหมดทยอยลงจากรถก็พบว่ามีทั้งสิ้น 24 คน ในจำนวนนั้นมีเด็กแบเบาะรวมอยู่ด้วย 1 คน

ตรวจสอบพบว่า ทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชา บางรายมีบัตรแรงงานต่างด้าวสีชมพู และบางรายก็มีพาสปอร์ต ให้การว่าเหมารถตู้มาจากตลาด โรงเกลือ ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จุดหมายปลายทางอยู่ ที่ตลาด สี่มุมเมือง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

บางรายจะมีรถมารับต่อเพื่อไปยังจุดหมายที่ตนเองมีสถานที่พักพิงหรือสถานที่ทำงาน

ส่วนนายนริชา บุญสา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 เสรีไทย 38 แยก 2 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ โชเฟอร์รถตู้ให้การว่า ขับรถให้กับเจ้าของรถชื่อเจ๊วัน ภายในตลาดโรงเกลือ พาแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไปส่งที่ตลาดสี่มุมเมือง โดยอาศัยขับลัดเลาะไปตามเส้นทางในชุมชน หลบเลี่ยงเส้นทางสายหลักเพื่อหลบด่านตรวจ

ส่วนสาเหตุที่ขับหลบหนีตำรวจ เพราะเสพยาบ้ามาจึงกลัวถูกจับ แต่ก็หนีไปไหนไม่รอดในที่สุด เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไว้ดำเนินคดี

ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้งหมดเจ้าหน้าที่ เชิญตัวทั้งหมดไปสอบสวนขยายผลว่าเอกสารทั้งหมดถูกต้องหรือไม่

รวมถึงการเดินทางกลับภูมิลำเนาไปยังประเทศกัมพูชาของแรงงานกลุ่มนี้ได้รับอนุญาตหรือเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และการเข้ามาได้ดำเนินการเข้ามายังประเทศไทยใหม่ได้ดำเนินการถูกต้องหรือไม่

หากถูกต้องทั้งหมดก็จะพาส่งไปยังจุดหมายปลายทาง แต่ถ้าเข้าเมืองมาอย่าง ผิดกฎหมาย ก็ต้องผลักดันออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน