คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

หนึ่งฤทัย หนูสวัสดิ์

เรื่อง/ภาพ

สภาพความวุ่นวาย บริเวณทุ่งนาบ้านปากคอก ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา คงบ่งบอกถึงความโกรธแค้นของชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ทำให้ชาวบ้านจำนวนหนึ่งฝ่าแนวกั้นของตำรวจ ฮือเข้ารุมประชาทัณฑ์หนุ่มร่างทรงสุดเหี้ยม ที่ตำรวจนำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีวางยาฆ่าขืนใจนักศึกษาสาว แล้วนำศพมาทิ้งบริเวณดังกลาว

เจ้าหน้าที่ต้องเร่งทำแผนฯ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาออกจากจุดเกิดเหตุทันทีเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ต้องหาและเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากอยู่นานอาจจะพลอยฟ้าพลอยฝนโดนลูกหลงไปด้วย

เรื่องราวคดีสะเทือนขวัญครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อมีชาวนารายหนึ่ง ใน ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พบศพหญิงสาวถูกทิ้งไว้บนคันนาของตัวเอง ในช่วงเย็นวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา เลยต้องโกยแนบไปแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ

เวลาผ่านไปไม่นาน พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อม พ.ต.อ.อภิชิต สุรพินิจ ผกก.สส. พ.ต.อ.วิสูตร สถิตย์ ผกก.สภ.ทุ่งคอก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์นิติเวช ร.พ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิเสมอกันสองพี่น้อง ก็รุดมาถึงที่เกิดเหตุ

สภาพแรกที่เจ้าหน้าที่เห็น เป็นศพถูกคลุมปิดด้วยถุงปุ๋ย มีก้อนอิฐวางทับอยู่ 1 ก้อน และรองเท้าผ้าใบสีขาววางอยู่บริเวณศีรษะ

เมื่อเปิดถุงปุ๋ยออกมาก็พบว่า เป็นศพ หญิงสาววัยรุ่นหน้าตาสะสวย เสียชีวิตอยู่ในสภาพน้ำลายฟูมปาก ตามร่างกาย มีบาดแผลถลอกทั่วตัว หญิงสาวสวม เสื้อโปโลของคณะวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคกลาง โดยเสื้อถลกขึ้นด้านบนจนเห็นเสื้อชั้นใน ส่วนกางเกงยีนส์ขายาวที่นุ่งอยู่ซิปถูกรูดลงมา

แพทย์ชันสูตรเบื้องต้นคาดว่าหญิงสาวเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ข้างศพพบขวดยาสีขาวไม่มีฉลาก วางอยู่ 1 ขวดจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร ชาวนาที่พบศพคนแรกระบุว่าไม่ใช่คนในละแวกบ้านดังกล่าว

จากสภาพศพที่พบเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า หญิงสาวอาจถูกฆ่าขืนใจจากที่อื่น แล้วนำศพมาทิ้งอำพรางคดี และคาดว่าอาจถูกวางยาพิษด้วยจากสภาพน้ำลายฟูมปาก จึงส่งศพให้แพทย์ผ่าชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

ต่อมามีเพื่อนร่วมสถาบันมายืนยันศพผู้ตาย พร้อมระบุว่าผู้ตายอายุ 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะและมหาวิทยาลัยเดียวกับเสื้อที่สวมขณะเสียชีวิต มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ก่อนกลายเป็นศพเจ้าตัวบอกว่าเดินทางมาร่วมพิธีครอบครู ที่สำนักทรงเจ้าไม่ห่างจากจุดที่พบศพ

เจ้าหน้าที่ตามไปตรวจสอบที่สำนักทรงดังกล่าวตามที่ได้เบาะแสมา พบว่าเป็นสำนักร่างทรงเจ้าพ่อเสือ มีนายกฤษฎา ใจเอื้อย อายุ 20 ปี เป็นเจ้าสำนักจึงเชิญตัวไปสอบสวน กระทั่งยอมเปิดปากสารภาพในที่สุด ว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุโหดครั้งนี้เอง

ร่างทรงหนุ่มสารภาพว่า หลงชื่นชอบผู้ตายมานานแล้ว แบบแอบรักข้างเดียว โดยรู้จักกันผ่านญาติที่เป็นเพื่อนร่วมสถาบันของผู้ตาย จนแลกเฟซบุ๊กพูดคุยกัน และชักชวนให้มาทำพิธีครอบครูเป็นประจำ โดยผู้ตายมาร่วมพิธีแล้วถึง 5 ครั้ง

ที่ผ่านมานายกฤษฎาพยายามจีบเป็นแฟน แต่ผู้ตายไม่ยอมตกลงปลงใจเป็นแฟนด้วย

กระทั่งวันเกิดเหตุสบโอกาส ที่ย่าซึ่งเป็นร่างทรงแป๊ะกง เข้ากรุงเทพฯ ไปทำธุระ เหลือ นายกฤษฎาเฝ้าสำนักเพียงลำพัง จึงโทรศัพท์ลวง ให้ผู้ตายมาหา อ้างว่าถึงกำหนดต้องทำ พิธีครอบครูแล้ว ทำให้ผู้ตายหลงเชื่อมาตามนัด

หลังประกอบพิธีเสร็จ นายกฤษฎาก็พยายามขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย แต่เหยื่อสาวปฏิเสธ และบ่นว่าปวดท้อง จึงนำชาโบราณมาให้ดื่มบรรเทาอาการปวดท้อง

หลังจากผู้ตายยอมดื่มน้ำชาไป 1 ถ้วย นายกฤษฎาก็นำชามาอีก 1 ถ้วยให้ดื่มซ้ำ แต่น้ำชาถ้วยนั้นมีส่วนผสมมรณะของยาฆ่าหญ้าที่นายกฤษฎาแอบเหยาะลงไป

ทันทีที่ดื่มจนหมดเหยื่อสาวก็เกิดอาการสะลึมสะลือ อาเจียนออกมาจนหมดแรง นายกฤษฎาเลยได้โอกาสขืนใจเหยื่อที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้ตอบ กระทั่งช็อกเสียชีวิตคาที่

เมื่อพบว่าเหยื่อสาวเสียชีวิตแล้ว จึงลากร่างเหยื่อสาวลงจากสำนักใส่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ขนไปทิ้งไว้ที่คันนาจุดพบศพซึ่งห่างจากสำนักไป 2 กิโลเมตร ก่อนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น กระทั่งถูกตำรวจบุกจับคาสำนักในที่สุด

ปิดฉากเรื่องราวพิศวาสฆาตกรรมไปอีกหนึ่งคดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน