แฟ้มคดี : พลิกคดีบึ้มกปปส.ปี57 บรรทัดทอง-อนุสาวรีย์ ล่า 4 ปี-จนมุมชายแดน ‘โลนวูล์ฟ’ทำคนเดียว

แฟ้มคดี : พลิกคดีบึ้มกปปส.ปี57 – ป็นคดีความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปี 2557

ขณะที่กลุ่มกปปส. ก่อม็อบไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯ

พร้อมเดินขบวนไปทั่วกรุง แม้จะมีการ์ดมืออาชีพมาคอยอารักขา แต่ก็เกิดเหตุรุนแรงขึ้นบ่อยครั้ง

ที่รุนแรงและเป็นที่รับรู้ มีภาพวงจรปิดคนร้ายชัดเจน ก็คือเหตุการณ์ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเหตุภาพชายสวมหมวกปาระเบิดเข้าใส่เวที ก่อนที่จะวิ่งหลบหนีไป

แฟ้มคดี : พลิกคดีบึ้มกปปส.ปี57

ช่วยคนบาดเจ็บ

เป็นระเบิดแบบอาร์จีดี 5 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเคยใช้ก่อเหตุที่ย่านบรรทัดทองเช่นกัน

เพราะการลงมือที่หวังผลถึงตัวแกนนำ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง

นำมาซึ่งการออกหมายจับผู้ก่อเหตุ

ในที่สุดผ่านไป 4 ปี เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมตัวได้สำเร็จ

เมื่อสอบสวนได้รับคำสารภาพก็ต้องตกตะลึง

เพราะไม่ได้เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองใดๆ แต่เป็นการลงมือคนเดียว หรือที่เรียกว่าโลนวูล์ฟ

โดยมีต้นเหตุจากความคับแค้น!??

แฟ้มคดี : พลิกคดีบึ้มกปปส.ปี57

มือบึ้มสารภาพ

จับแล้วปาบึ้มกปปส.ปี 57

ค่ำวันที่ 14 .. พล...สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ พล...สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะผอ.ศปอส.ตร. และ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา หน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมจับกุมนายกฤษดา ไชยแค อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 660/5 .ท่าม่วง .ท่าม่วง .กาญจนบุรี

ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 20 .. 2557 ฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กระทำให้เกิดการระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล ทรัพย์สิน ของผู้อื่น มีและใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้มี และให้ใช้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนและวัตถุระเบิด ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน

แฟ้มคดี : พลิกคดีบึ้มกปปส.ปี57

วงจรปิดชัด

ฝ่าฝืนประกาศ ข้อกำหนดที่ห้ามนำอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิดออกนอกเคหสถาน ตามพ...การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ..2551

โดยจับกุมได้ที่ชายแดนไทย ใกล้กับด่านจ.สระแก้ว ขณะพยายามหลบหนีเข้าเมือง

ทั้งนี้นายกฤษดา เป็นผู้ต้องหาก่อเหตุปาระเบิดใส่เวทีผู้ชุมนุมกปปส. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 19 .. 57 ขณะที่นายถาวร เสนเนียม อดีตส..พรรคประชาธิปัตย์คุมเวทีอยู่ เป็นเหตุให้ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย

โดยหลังก่อเหตุหลบหนีการจับกุมไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ต่อมาเจ้าหน้าที่พบความเคลื่อนไหวจึงประสานตำรวจกัมพูชา ประสานความร่วมมือ เมื่อนายกฤษดา ทนแรงกดดันไม่ไหว จึงตัดสินใจข้ามกลับมายังฝั่งไทย และถูกจับใกล้ด่านตม.สระแก้ว .คลองลึก

จนมุมหลังหลบหนีนาน 4 ปี

แฟ้มคดี : พลิกคดีบึ้มกปปส.ปี57

ตรวจที่เกิดเหตุบึ้มอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

สารภาพลงมือคนเดียว

โดยนายกฤษดา ให้การรับสารภาพว่า ช่วงปี 2557 ที่มีม็อบกปปส. ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ออกมาขับไล่ รัฐบาลน..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มาจากการเลือกตั้ง

ประกอบกับความชื่นชอบนายทักษิณ ชินวัตร และน..ยิ่งลักษณ์ เป็นทุนเดิม จึงรู้สึกว่าถูกข่มเหงจนทนไม่ไหว จึงรวมกลุ่มกันตั้งเป็น กลุ่มฮาร์ดคอร์ขึ้นมาก่อเหตุ โดยลงมือปาระเบิดเอง 2 ครั้ง คือที่บรรทัดทอง เมื่อวันที่ 17 .. 2557 ขณะที่ขบวนนายสุเทพ เดินผ่าน

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บกว่า 30 ราย

อีกครั้งที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 19 .. 2557 ขณะที่นายถาวร เสนเนียม คุมเวทีอยู่ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 28 คน

ซึ่งทั้ง 2 ครั้งมีผู้ถ่ายคลิปวิดีโอไว้ได้ รวมทั้งมีกล้องวงจรปิดที่จับภาพไว้ได้เช่นกัน

โดยวันก่อเหตุ นายกฤษดารับสารภาพว่า นำระเบิดไปที่จุดดังกล่าว ก่อนที่จะดึงสลัก แล้วเขวี้ยงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม แล้ววิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามองข้างหลังว่ามีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แล้วจึงหลบหนีไปกบดานยังประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ปี 2557 โดยมีบุคคลให้ความช่วยเหลือ ทางการเงินเดือนละ 3 หมื่นบาท แต่ต่อมาเงินที่ได้ก็น้อยลงเรื่อยๆ เหลือเดือนละ 9 พันบาท ซึ่งไม่พอใช้จ่าย

ประกอบกับถูกตั้งค่าหัวถึง 7 แสนบาท ซึ่งหลังจากหลบหนีออกมา ได้ติดตามข่าว 13 หมูป่าอะคาเดมี ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน .แม่สาย .เชียงราย เห็นความสามัคคีกันมากขึ้นของคนไทย

จึงรู้สึกสำนึกผิด ตัดสินใจหลบหนีกลับ เข้ามาในประเทศ เพื่อหวังจะมอบตัวกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ

เป็นคำสารภาพของผู้ก่อเหตุ

ย้อนนาที 2 เหตุระทึก

สำหรับเหตุการณ์ระเบิดที่ถนนบรรทัด ทองนั้น เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.00 . ของวันที่ 17 .. 2557 ขณะที่นายสุเทพ เลขาฯ กปปส. เดินขบวนมาที่ถนนบรรทัด ทอง มุ่งหน้าแยกเจริญผล ก็เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องที่รถเครื่องเสียงนำขบวน ทำให้นายประคอง ชูจันทร์ เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 38 คน

ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบใช้ระเบิดแบบ อาร์จีดี 5

ก่อนหน้านี้มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเกิดจากคนร้าย หรือเป็นการจัดฉากของกปปส.ด้วยกันเอง เนื่องจากก่อนเดินเข้าถนนบรรทัดทอง มีการเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน แตกต่างจากที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น แต่เมื่อสืบสวนจากคลิปวิดีโอ จับภาพชายต้องสงสัยไว้ได้

ซึ่งคนร้าย ก็คือนายกฤษดา ลักลอบปะปนเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุม เดินมาข้างรถเครื่องเสียง เมื่อสบโอกาส ก็ปาระเบิดเข้าใส่รถเครื่องเสียงจนมีผู้บาดเจ็บ

ส่วนเหตุการณ์ที่อนุสาวรีย์ชัย หน้า โรงพยาบาลราชวิถี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 .. 2557 โดยนายกฤษดาปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุม นุมกปปส.2จุด เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 28 ราย

โดยหลังก่อเหตุวิ่งหลบหนีไปยังท้ายซอยราชวิถี 14 ซึ่งเป็นทางตัน ก่อนพังรั้วสังกะสี แล้ววิ่งหลบหนีไปตามทางเดินเลียบคลองสามเสน ทะลุออกใต้ทางด่วนวัดมะกอก แล้วขึ้นจยย.รับจ้าง ไปสะพานซังฮี้

เมื่อถึงสะพานซังฮี้ ก็หนีต่อไปยังวัดรวกบางบำหรุ แล้วหายเข้าไปในซอยวัดดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตามไปพบเสื้อและหมวกของคนร้ายที่ใส่ก่อเหตุ ตามที่วงจรปิดจับภาพได้

ตรวจสอบที่เกิดเหตุจุดที่ 1 พบกระเดื่องที่ถนน ใกล้เต็นท์หลังเวทีปราศรัย จุดที่ 2 พบสลักระเบิด 1 ชิ้น และกระเดื่องอยู่ในกองเสื้อผ้าที่วางขาย ห่างจากจุดแรก 3 เมตร พบระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นระเบิดแบบอาร์จีดี 5 เหมือนกับที่บรรทัดทอง

สันนิษฐานได้ว่าคนร้ายจาก 2 เหตุนี้เป็น กลุ่มเดียวกัน

ศาลอาญายกฟ้องจำเลยอื่น

สำหรับคดีระเบิดเมื่อปี 2557 หลังจากที่เกิดรัฐประหารโดยคสช. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย ประกอบด้วยนายรัฐพรรณ์ หลุ่มบางล้า และนาย อภิชาติ พวงเพ็ชร และส่งฟ้องศาลอาญาในคดีระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 .. 2561 โดยคดีระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ศาลอาญายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา โดยข้อหาครอบครองระเบิด เห็นว่าฟ้องซ้อนกับคดีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลมี คำพิพากษาไปแล้ว

ส่วนข้อหาร่วมกันทำให้เกิดเหตุระเบิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โจทก์มีประจักษ์พยานยืนยันว่าคนร้ายมีเพียงคนเดียว และไม่มีใครช่วยหลบหนี ประกอบกับภาพจากวงจรปิด และสารพันธุกรรมที่เก็บได้จากเสื้อแจ๊กเกตที่คนร้ายทิ้งไว้ ชี้ว่าคนร้ายคือนาย กฤษดา เพียงคนเดียว

ตรวจที่เกิดเหตุบึ้มอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ส่วนที่จำเลยทั้งสองถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับระเบิดมาส่งให้นายกฤษดา ก็เป็น คำให้การของนายพีรพงษ์ สินธุสนธิชาติ และ คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเป็นหลักฐานเท่านั้น

แต่นายพีรพงษ์ เบิกความต่อศาลว่า ไม่เคยให้การตามบันทึกคำให้การ แต่ถูกให้ลงชื่อในเอกสารที่ไม่ได้อ่าน ที่ยอมลงชื่อเพราะถูกคุมตัวโดยทหารตามกฎอัยการศึกนานกว่า 7 วัน เกินที่กฎหมายกำหนด และถูกทำร้ายร่างกายเพื่อให้ทำตามคำสั่ง

แม้จำเลยทั้งสองจะรับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นศาล บันทึกคำให้การจำเลยก็มีพิรุธ เพราะคำให้การสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน 3 คน มีเนื้อหาเหมือนกัน โจทก์ไม่มีหลักฐานอื่นแสดงว่าจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับคดี ข้อเท็จจริงจึงไม่แน่ชัด

หลังรัฐประหาร คสช.ถูกร้องเรียนว่าซ้อมทรมานบุคคลระหว่างควบคุมตัวในค่ายทหาร โดยพล..วิจารณ์ จดแตง ให้การต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าที่ไม่ให้ ผู้ถูกควบคุมพบทนายเพราะกลัวไม่ได้ข้อเท็จจริงจากการซักถาม และฝ่ายทหารติดกล้องวงจรปิด รวมทั้งให้แพทย์มาตรวจร่างกายผู้ถูกควบคุมตัว เพื่อป้องกันข้อครหา

แต่คดีนี้ ไม่มีภาพวงจรปิดขณะซักถามในค่ายทหาร และไม่มีใบรับรองแพทย์ ทนายไม่ได้อยู่ร่วมขณะเจ้าหน้าที่ซักถามจำเลย และไม่มีการอ้างส่งบันทึกซักถามเข้ามาในสำนวน

นอกจากนี้โจทก์ยังไม่นำอดีตภรรยาของนายณัฐพรรณ์ ที่อ้างว่าไปรับระเบิดกับนายณัฐพรรณ์ มาเบิกความ บันทึกคำให้การของจำเลย ก็ไม่ปรากฏว่ามีพยานปากดังกล่าวไปรับระเบิด บันทึกคำให้การของนายสมเจตน์ ที่ซัดทอดถึงจำเลยทั้งสอง ก็ขัดแย้งกันเอง

ทั้งคู่ยังอ้างว่าถูกทำร้ายและข่มขู่ให้รับสารภาพขณะถูกควบคุมตัว ศาลต้องรับฟังพยานหลักฐานอย่างหนักแน่น พยานโจทก์นำสืบยังมีความสงสัย จึงยกประโยชน์ให้จำเลย

พิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา สั่งขังจำเลยทั้งสองระหว่างอุทธรณ์คดี

รอฟังคำพิพากษาจากศาลอุทธรณ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน