คอลัมน์ แฟ้มคดี

นับเป็นคดีอุกอาจอย่างยิ่ง สำหรับกรณีที่คนร้ายบุกยิงนักธุรกิจหนุ่มชาวอังกฤษ เสียชีวิตคา ซูเปอร์คาร์สุดหรู ในเวลากลางวันแสกๆ

ท่ามกลางคนจำนวนมากในย่านท่องเที่ยวสำคัญของประเทศอย่างพัทยา

และต้องถึงกับตะลึง เมื่อวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจนปรากฏว่าคนร้ายเป็นชาวต่างชาติด้วยกัน

เรื่องนี้จึงเข้าเค้าการขัดแย้งธุรกิจกันเอง

แล้วใช้เมืองไทยเป็นสถานที่ประกอบอาชญากรรม ฆ่าล้างแค้น

จึงเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งคลี่คลายและจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

ไม่ให้ภาพลักษณ์ความปลอดภัยในสถานที่ท่องเที่ยวต้องเสื่อมเสีย

และส่งผลเสียหายให้กับประเทศ

อุกอาจยิงดับหนุ่มอังกฤษคาปอร์เช่

สำหรับเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ต.จีรศักดิ์ แอบแฝง ร้อยเวรสภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุชาวต่างชาติถูกยิง เหตุเกิดด้านหน้าสานิตย์ สปอร์ตคลับ

ที่เกิดเหตุพบรถสปอร์ตปอร์เช่ คาเยน จีทีเอส สีแดง ทะเบียน 4 กน 311 กทม. ภายในพบร่าง นายโทนี่ เคนเวย์ อายุ 39 ปี ชาวอังกฤษ ถูกยิงเข้าที่ขมับขวา 1 นัด หายใจรวยริน เจ้าหน้าที่เข้าปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่ไม่สามารถยื้อไว้ได้ เสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากการตรวจสอบยังพบปลอกกระสุนตกอยู่ 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายเป็นชายลักษณะอ้วน สวมเสื้อยืดสีขาว มีแจ๊กเกตสีดำสวมทับ นุ่งกางเกงวอร์มสีดำ สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า สวมรองเท้ากีฬา ยืนอยู่ที่ศาลาหน้าฟิตเนส

พอผู้ตายออกกำลังที่ฟิตเนสดังกล่าวเสร็จ ขณะเดินออกจากฟิตเนสขึ้นไปบนรถ คนร้ายเดินตามมาแล้วใช้มือเปิดประตูรถ แล้วชักอาวุธปืนออกมายิงใส่แบบเผาขน 1 นัด จากนั้นจึงวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มีคนขับติดเครื่องรออยู่ ขับหนีหายไป

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและบริเวณโดยรอบ พบว่าคนร้ายเดินตามนายโทนี่มาจากด้านหลัง เมื่อนายโทนี่ขึ้นรถ แล้วปิดประตู คนร้ายก็ดึงประตูให้เปิดออกแล้วใช้ปืนยิง ก่อนขึ้นจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีขาว ทะเบียน 7992 ไม่ทราบหมวดตัวอักษรหนีไป

โดย นางสมพร เคนเวย์ อายุ 32 ปี ภรรยาผู้ตายให้การว่า สามีเปิดบริษัทรับเขียนเว็บไซต์ บริษัทตั้งอยู่ที่ย่านชายหาดจอมเทียน ปกติไม่มีเรื่องกับใคร แต่พักหลังไปมีความขัดแย้งทางธุรกิจกับอดีตหุ้นส่วนของบริษัท

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะฐานะทางการเงินของนาย โทนี่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรู และรถซูเปอร์คาร์ราคาแพง ดูจะร่ำรวยกว่าแค่ทำธุรกิจเขียนเว็บไซต์ทั่วไป

และเมื่อตรวจสอบลึกลงไปก็พบว่านายโทนี่ มาอยู่ในประเทศไทยนานกว่า 7 ปีแล้ว แต่งงานกับนางสมพร เมื่อ 4 ปีก่อน ธุรกิจเบื้องหน้าคืองานด้านคอมพิวเตอร์

แต่เบื้องหลังเชื่อมโยงกับธุรกิจประเภทคอลเซ็นเตอร์ จนมีชื่ออยู่ในกลุ่มเป้าหมายจับตาดูของดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรม

สุดท้ายแม้ยังไม่มีข้อมูลเชื่อมโยงไปถึง ก็ถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีฐานเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

จึงเชื่อว่าเรื่องความขัดแย้งทางธุรกิจ น่าจะเป็นเหตุของใบสั่งตายในครั้งนี้

เร่งล่า 2 มือปืน-เผ่นซุกเขมร

ขณะที่การติดตามตัวคนร้ายยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่ติดอยู่บนรถปอร์เช่ของผู้ตาย เพื่อตรวจสอบว่ามีฐานข้อมูลตรงกับของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่

นอกจากนี้ยังพบหัวกระสุน 1 นัด ลักษณะคล้ายกับที่ใช้กับปืนพกออโตเมติก ที่ผลิตในรัสเซีย เพราะลักษณะกระสุนที่ส่วนหัวเรียวเล็กกว่าส่วนท้าย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ ก็จับภาพผู้ต้องสงสัยเป็นชาย 2 คน ขี่จักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก ทะเบียน 1 กฬ 7994 ชลบุรี ไว้ได้ และพบว่าหน้าตาออกแนวเป็นชาวต่างชาติ

จึงเริ่มแกะรอยจากจักรยานยนต์ที่เป็นพาหนะ จนพบจอดทิ้งไว้ใกล้ที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบเป็นรถเช่าจากเต็นท์แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา

เมื่อตรวจสอบเอกสารเช่ารถ พบว่าผู้เช่าคือหนุ่มชาวอังกฤษ ชื่อ ไมลส์ ดิกเคน เทอร์เนอร์ ซึ่งเป็นคนขี่จักรยานยนต์ที่เห็นในวงจรปิด

จากนั้นจึงนำชื่อนี้ไปตรวจสอบตามโรงแรมต่างๆ ในพัทยา เพียงไม่นานก็พบแหล่งกบดาน เป็นห้องพักแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเข้าตรวจสอบพบว่านายไมลส์ไม่อยู่ที่ห้อง โดยเก็บข้าวของเผ่นออกไปแล้ว จึงประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศให้ช่วยสกัดจับ

ในที่สุดก็ได้ข้อมูลว่านายไมลส์เดินทางออกจากไทยไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านด่านตม.คลองใหญ่ จ.ตราด เมื่อเวลา 15.04 น. ของวันที่ 24 ม.ค. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ ขณะที่ผู้ร่วมก่อเหตุซึ่งเป็นมือปืน พบว่าชื่อ นายอาเบล คาลเดย์รา โบนิโต ชาวแอฟริกาใต้ ที่ออกจากประเทศไทยผ่านจุดดังกล่าวในเวลาเดียวกัน

หมายความว่าหลังก่อเหตุทั้งคู่ก็เดินทางมาที่ด่านตม.คลองใหญ่เพื่อหลบหนีทันที

เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากตม.พบอีกว่าทั้งคู่เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 19 ม.ค.

คาดเป็นการเตรียมการมาเป็นอย่างดี

เปิดปมหักธุรกิจสูญ 20 ล้าน

ด้วยความเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา (สบ10) รุดคุมคดีด้วยตัวเอง

ในที่สุดทีมสืบสวนก็ได้พยานสำคัญ ซึ่งก็คือ นายเลิศ ลายหมื่นไว อายุ 48 ปี คนขับรถตู้ ที่ทำหน้าที่ขับรถรับส่ง 2 คนร้าย

โดยนายเลิศเผยว่า นายไมลส์ และนายอาเบล เหมารถจากบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ให้มาส่งที่รีสอร์ต ใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยบอกว่าจะเช่ารถตู้แบบเหมา 6 วัน วันละ 2,500 บาท

ระหว่างจอดรถรอ ก็จะให้เงินอีกวันละ 500 บาท เพื่อไม่ให้ไปรับงานที่ไหน

จนกระทั่งวันที่ 24 ม.ค. เวลา 10.30 น. ทั้งคู่โทรศัพท์เรียกให้มารับไปส่งที่จุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างอยู่บนรถสังเกตเห็น นายไมลส์โกนหนวดโกนเคราออกหมด และยังขอสูบบุหรี่ในรถ เมื่อถึงที่หมายก็ให้ทิปอีก 5 พันบาท

ขณะที่พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งขออนุมัติหมายจับ และให้กองการต่างประเทศประสานทางการกัมพูชาให้ช่วยติดตามไล่ล่าคนร้าย ซึ่งคาดว่ายังกบดานอยู่ ทั้งนี้ จากการสอบสวนพบว่าทั้งคู่เคยเข้าออกประเทศไทยมาแล้ว 2 ครั้ง โดยประเด็นสังหารยังให้น้ำหนักเรื่องความขัดแย้งทางธุรกิจ

ทั้งนี้ ผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่ามาจากการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กว่า 20 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ผู้ตายรู้จักนักธุรกิจชาวอังกฤษคนหนึ่ง และไปขอให้มาร่วมลงทุน แต่ผู้ตายกลับบ่ายเบี่ยง จนเกิดมีปากเสียง เจรจาหลายครั้งก็ไม่เป็นผล

ประกอบกับผู้ตายมีความสัมพันธ์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งล่อลวงชาวต่างชาติแถบยุโรปมาร่วมลงทุน จนมีเหยื่อหลายรายสูญเสียเงินหลายล้านบาท

จึงเป็นปมให้เกิดใบสั่งตาย!??

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน