ตร.ปิดคดีชิงทองห้างดัง หนุ่มควงบีบีกันกวาด1ล. จนมุมชายแดนกาญจน์
ตร.ปิดคดีชิงทองห้างดัง – ร้านทองตามห้างสรรพสินค้า นับเป็น เป้าหมายที่ง่ายต่อการถูกลงมือก่อเหตุร้าย แม้จะพยายามป้องกันเพียงไร ก็มีช่องโหว่มากมายให้คนร้ายถือโอกาสลงมือก่อเหตุได้
ย้อนไปเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี รับแจ้งว่าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ ห้างทองเยาวราช ภายในห้างบิ๊กซี สาขาอ่างศิลา จึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ. 14 สืบสวนจังหวัดชลบุรี ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุตั้งอยู่บริเวณชั้นสองของห้าง โดยพนักงาน 3 คนของร้านให้การว่า คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ผอมสูงผิวดำแดงตัดผมรองทรงใส่เสื้อยืดสีเทาคาดดำกางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าผ้าใบ สีดำ สะพายกระเป๋า สีน้ำตาล เดินถืออาวุธปืนแม็กกาซีนสีดำ เดินตรงเข้ามาหาพนักงานชายที่เดินอยู่หน้าร้านก่อนจะใช้อาวุธปืนทุบไปที่ศีรษะหนึ่งครั้ง ทำให้แม็ก กาซีนกระเด็นหลุดออกไปตกอยู่บริเวณที่ตู้กระจก
จากนั้นคนร้ายก็ปีนตู้กระจกข้ามไปคว้า เอาสร้อยทองคำรูปพรรณไปจำนวนทั้งหมด 53 บาท มูลค่า 1,060,000 บาท ก่อนจะปีนตู้กระจกกลับออกทางเดิมและวิ่งหลบหนีลงมายังชั้นล่าง โดยมีพนักงานชายที่ถูกอาวุธปืนทุบหัววิ่งตามคนร้ายไปอยู่บริเวณลานจอดรถจักรยาน ยนต์ คนร้ายถอดหน้ากากอนามัยโยนทิ้งและขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสกูปี้ไอ สีชมพูไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมุ่งหน้าหลบหนีไปยังถนนสุขุมวิท
ตำรวจรีบวิทยุสกัดจับคนร้ายตามรูปพรรณที่ได้จากกล้องวงจรปิด แต่ไม่พบตัว จึงเก็บ ลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
หลังเกิดเหตุพล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต. นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรเสม็ด เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนเผยว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้วคนร้ายไม่น่าใช่มืออาชีพ อาวุธปืนที่ใช้ก็เป็นอาวุธปืนบีบีกัน สิ่งเทียมอาวุธ แต่ใช้เวลาก่อเหตุเพียงหนึ่งถึง 2 นาทีเท่านั้น ตอนนี้ได้สั่งการให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คิดว่าคนร้ายน่าจะหลบหนี
ชุดสืบสวนไล่เช็กภาพจากกล้องวงจรปิด ย้อนตามเส้นทางคนร้ายจนในที่สุดก็ทราบว่า คือนายประเสริฐ รอดคง อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 480/72 หมู่ 10 ตำบลบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยหลังเกิดเหตุ นายประเสริฐขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางประตูหลัง หลังจากนั้นก็เปลี่ยนรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กษ 8601 ชลบุรี ขับรถมุ่งหน้าไปจังหวัดกาญจนบุรี
ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานไปขอศาลออกหมายจับนายประเสริฐ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. โดยจากการไล่ติดตามพบว่า นายประเสริฐขับรถไปจอดซุกไว้บริเวณแนวชายแดน ใกล้ด่านน้ำพุร้อน จังหวัดกาญจนบุรี คาดว่าอาจจะข้ามเข้าไปยังเมืองทวาย ประเทศเมียนมา ที่เจ้าตัวทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง
ขณะที่จากการตรวจค้นภายในรถเก๋งนิสสัน พบซองใส่ทองสีแดง ของร้านทองเยาวราช อยู่เบาะหลัง พร้อมกับพบกระดาษที่คนร้ายนำเอาทองไปจำนำกับร้านทองอีก 2 แห่งก่อนหลบหนี
ในที่สุดก็ไม่รอดมือ เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายประเสริฐได้ ขณะพยายามข้ามชายแดนเพื่อเข้าไปเมืองทวาย ประเทศเมียนมา ก่อนนำตัวกลับมาสอบสวนที่ สภ.เสม็ด
พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภาค 2 พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี สอบปากคำนายประเสริฐ รับว่าสาเหตุที่ต้องชิงทองในครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากต้องการเงินไปไถ่ถอนบ้าน ซึ่งไปจำนำกับนายทุนคนหนึ่งในราคา 4 แสนบาท และขาดส่ง จนนายทุนบอกว่า ในต้นปี จะเอาบ้านไปขายทอดตลาด หากไม่มีเงินมาไถ่ถอน และยังติดหนี้พนันฟุตบอลอีกจำนวนหนึ่ง จึงทำให้คิดไม่ออกว่าจะหาเงินมาใช้หนี้อย่างไร จึงตัดสินใจชิงทองดังกล่าว แล้วก็หลบหนีไปทวายแต่มาถูกจับได้ เสียก่อน
ส่วนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ช่วงแรกนายประเสริฐขับรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน สีขาวมาจอดเอาไว้ที่หน้าศาลากลาง หลังจากนั้นก็โทรศัพท์ให้ลูกสาวเอารถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีชมพูขาว มาส่งที่หน้าศาลากลาง แล้วให้ลูกรอ ตนเองก็ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ ห้างบิ๊กซี สาขาอ่างศิลา เพื่อไปดูลาดเลา
จนกระทั่งเวลาใกล้ 20.00 น. จึงลงมือชิงทอง หลังจากนั้นก็วิ่งลงไปชั้นล่างขี่รถจักรยานยนต์กลับไปที่หน้าศาลากลาง และให้ลูกสาวขี่รถจักรยานยนต์กลับไปบ้าน โดยไม่ได้บอกลูกสาวว่าไปทำอะไรมา หลังจากนั้นก็ขับรถเก๋งมุ่งหน้าไปที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อข้ามไปยังฝั่งทวาย
จากการสอบสวนทราบว่า ในวันที่ 7 ธ.ค. นายประเสริฐได้เอาทองรูปพรรณไปจำนำที่ร้านทองเยาวราช ในจุดเกิดเหตุแล้วครั้งหนึ่ง ในจำนวนเงิน 7 พันบาท และวันที่ 8 ธ.ค. นายประเสริฐก็ย้อนกลับมาที่ร้านทอง เพื่อเอาทองมาจำนำอีกครั้ง และเป็นการดูลาดเลาก่อนลงมือ ก่อเหตุ ตำรวจจึงพาตัวไปเอาของกลางยังจุดต่างๆ ก่อนคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป
บัวภา เจิมนาค
เรื่อง/ภาพ