สดจากสนามข่าว : ย้อนคดีสลดส่งท้ายปี’61 จับ5โจ๋ทรชน รุมโทรมด.ญ. พลังโซเชี่ยลจับตา-กดดัน
สดจากสนามข่าว : เหตุการณ์แก๊งโจ๋สระบุรีรุมขืนใจเด็กหญิงวัย 12 ปี นับเป็นเหตุสะเทือนใจที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านพ้นมา ยิ่งเมื่อพ่อของด.ญ.โพสต์เล่าเหตุการณ์ รวมทั้งมีคลิปเหตุการณ์ที่มีชายอ้างตัวเป็นสมาชิก อบต. คนหนึ่ง พยายามเจรจาต่อรองให้ญาติด.ญ.รับเงินค่าเสียหาย เพื่อแลกกับการไม่เอาเรื่อง และคลิปที่นั่งพูดคุยกับกลุ่มโจ๋ที่ก่อเหตุ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ปลอยตัวโจ๋ทั้ง 5 รายไป ก็ไม่ต่างกับเอาน้ำมันไปราดกองไฟ สร้างกระแสความไม่พอใจไปทั่วจังหวัด
คลิปที่เผยแพร่ทางเน็ต
ด้านพ่อของเด็กหญิงผู้เสียหายเปิดเผยว่า ไม่ทราบรายละเอียดในวันเกิดเหตุ รู้เพียงว่าลูกสาวเดินอยู่ข้างถนน แล้วถูกฉุดเข้าไปกระทำชำเราในร้านที่เกิดเหตุ ประมาณเวลา 23.00 น. ของวันที่ 15 ธ.ค. ขณะนั้นตนทำธุระอยู่ที่กรุงเทพฯ มีเพื่อนโทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกสาวถูกกลุ่มวัยรุ่น 5 คนขืนใจ และจับตัวคนทั้ง 5 ไว้ได้หมดแล้ว
ตอนกำลังเคลียร์กับพ่อแม่ของเด็กที่ก่อเหตุทั้งหมด มีชายคนหนึ่งเป็นญาติของเด็กอ้างว่าตัวเองเป็น อบต. จะมายัดเงินให้เพื่อให้เรื่องจบ ไม่ต้องแจ้งความไม่ต้องถึงโรงพัก จากตอนแรกบอกให้ 30,000 บาท คุยไปคุยมาต่อรองเหลือ 10,000 บาท
ตอนนั้นไม่อยู่ในเหตุการณ์ ก็โทร.คุยกับเพื่อน ก็บอกว่าให้แจ้งความเลย ไม่เอาเงิน จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ต่อมาประมาณตี 2 เมื่อไปถึงเห็นเด็ก 5 คน ที่กระทำนั่งเรียงกันอยู่บนโต๊ะหินอ่อน ก็ควบคุมความโมโหของตัวเองไม่ได้ เตะเด็กคนหนึ่งสลบ อีกคนคิ้วแตก พ่อเด็กโดนตบหน้าไปทีหนึ่ง ข้อหาไม่สั่งสอนลูก ส่วนคนที่อ้างตัวว่าเป็น อบต. ก็กระทืบไปอีกชุดหนึ่ง
พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง รองผบช.ภาค 1 ประชุมชุดทำคดี
หลังจากนั้นพาตัวทั้งหมดส่งตัวขึ้นโรงพัก และส่งลูกสาวไปตรวจร่างกายที่ร.พ.สระบุรี หลังจากเรื่องจบ ตำรวจโทร.มาว่า พ่อแม่เด็กที่โดนตนกระทืบไปไม่ยอมแจ้งความกลับข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งก็เข้าใจยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา แต่ล่าสุดมีคนอ้างเป็นตำรวจโทร.มาหา คุยประมาณว่าเป็นห่วงอนาคตทั้ง 5 คน เหมือนจะให้ไม่เอาเรื่อง
เมื่อถามกลับไปว่า ทำไมถึงปล่อย ตำรวจบอกว่า ไม่มีหน้าที่ที่จะจับกุม ทำให้กลัวว่าคดีของลูกสาว จะไม่รับความเป็นธรรมด้านคดีความ จึงนำโพสต์คลิปและเรื่องดังกล่าวขึ้น เพื่อเป็นการเตือนภัย ในตัวเท่านั้นเอง
ขณะที่พ.ต.อ.เรืองยศ โสภาพล ผกก.สภ.เมืองสระบุรี ชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรับคดีไว้ตั้งแต่ที่มาแจ้งความแล้ว แต่ที่ไม่สามารถควบคุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาไว้ได้ เนื่องจากไม่ใช่เหตุซึ่งหน้า หากจับกุมก็ไม่มีอำนาจการสอบสวน เบื้องต้นจึงส่งตัวผู้เสียหายและกลุ่มผู้ก่อเหตุไปตรวจร่างกาย เพื่อเก็บหลักฐานก่อนจะนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนคดีเยาวชนที่จะต้องมี สหวิชาชีพเข้าร่วมสอบปากคำด้วย
พฐ.ตรวจจุดเกิดเหตุ
ก่อนที่กระแสความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นจากการแชร์เรื่องราวตามสื่อสังคมออนไลน์ จะบานปลายออกไป พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภาค 1 พร้อมพล.ต.ต. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง รองผบช.ภาค 1 รีบลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที
ขณะเดียวกันพล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ก็ออกคำสั่งให้พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง เตรียมไว้ หากพ่อเด็กเข้าร้องเรียน ก็จะดำเนินการได้โดยเร็ว
ส่วนพ่อของเด็กหญิงผู้เสียหายให้การว่า เด็กหญิงที่ถูกกระทำอีกคนเล่าให้ฟังว่า ในคืนเกิดเหตุแฟนมารับ ตัวเธอและลูกสาวของตนไปปล่อยไว้ที่หน้าร้านขายของทุกอย่าง 10 บาทที่เกิดเหตุ ตั้งอยู่ตรงข้ามอาชีว ศึกษาสระบุรี ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในร้านก็กรูกันออกมาฉุดตัวทั้งคู่เข้าไปรุมโทรม
ชาวบ้านรอดูหน้าแก๊งโจ๋
โดยผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 7 คน และมีอีก 1 คน นั่งเล่นเกมอยู่ไม่ได้ร่วม ก่อเหตุด้วย ก่อนชายที่เด็กหญิงราย ดังกล่าวระบุว่าเป็นแฟนจะย้อนกลับมารับทั้งคู่พาไปส่งบ้าน จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นขบวนการทั้งหมด 9 คน คือน่าจะเป็นขบวนการ คือผู้ชายไปรับเด็กผู้หญิงทั้งคู่มารุมข่มขืน พอข่มขืนเสร็จผู้ชายคนนั้นกลับมารับไปส่งบ้าน ผู้ก่อเหตุ 7 คน และคนที่นั่งเล่มเกมขณะเพื่อนๆ กำลังก่อเหตุ
พล.ต.ท.อำพลสั่งดำเนินการทันที โดยนำตัวโจ๋ 5 คนที่ถูกกล่าวหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดย 4 คนรับว่า ได้ร่วมก่อเหตุจริง ขณะที่ 1 คนยังให้การภาคเสธ อ้างว่าใช้แค่นิ้วเท่านั้น หลังสอบสวนต่อหน้า เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา และส่งตัวทั้งหมดไปควบคุมในสถานพินิจ เพื่อรอดำเนินการ ตามกฎหมาย
ขณะที่ฝ่ายคู่กรณีที่ถูกพ่อเด็กทำร้าย ก็เข้าแจ้งความเอาผิดฝ่ายพ่อเด็กด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านสมาชิก อบต.ที่เป็นข่าว ก็ถูกกระแสสังคมกดดัน จนต้องตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกไป
คดีนี้เป็นที่จับจ้องของคนในสังคม พอมีความคืบหน้าอะไร ก็จะรีบโพสต์แจ้งให้คนในสังคมโซเชี่ยลได้รับรู้ ตร.จึงออกมายืนยันหนักแน่น ว่าจะให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ส่วนผลคดีจะออกมาเช่นไร คงต้องจับตาดูกันต่อไป
