ถอดรหัสไฟใต้โหม รัวดับ‘โต๊ะอิหม่าม’ ถึงวิสามัญฯจะแนะ หวั่นสงครามศาสนา : สดจากสนามข่าว

สดจากสนามข่าว : ลุกโชนขึ้นมาทันที สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ที่นอกจากจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงถี่ยิบ ตามด้วยการตอบโต้กันไปมาระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ก่อการ

เหตุการณ์ยังลุกลามถึงขั้นพุ่งเป้าหมายไปยังสถานที่อ่อนไหว อย่างโรงเรียน และโรงพยาบาลและรุนแรงถึงขั้นบุกเข้าวัดกราดยิง จนมีพระสงฆ์มรณภาพ 2 ราย บาดเจ็บอีก 2 รูป

ตรวจกุฏิที่คนร้ายบุกโจมตี

ดีที่หลายฝ่ายพยายามออกมาแสดงท่าที ทั้งจากสมเด็จพระสังฆราช และท่านจุฬาราชมนตรี ไม่ให้ความไม่สงบนี้รุนแรงบานปลายถึงขั้นสงครามศาสนา

กลายเป็นคำถามว่าเพราะเหตุใดปัญหาถึงไม่คลี่คลาย และทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเพราะปมละเอียดอ่อนในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในภาคใต้ ที่ขาดความเข้าใจในสภาพปัญหา

จนทำให้เกิดเงื่อนไขที่นำไปสู่ความรุนแรง

❐ สลดบุกยิงพระคากุฏิ

สำหรับเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดผวาให้กับสังคมอย่างสูง และกังวลว่าภาคใต้จะทวีความรุนแรง ก็คือเหตุคนร้ายบุกยิงพระสงฆ์ถึงในวัดเมื่อค่ำวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา

บาตรพระถูกยิงพรุน

โดยเมื่อเวลา 20.30 น. คนร้าย 5-6 คน พร้อมอาวุธครบมือ ขี่จักรยานยนต์ บุกเข้าไปในวัดโคกโก หรือวัดรัตนานุภาพ บ้านโคกโก หมู่ที่ 2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ขณะที่พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาส และเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และพระลูกวัดรวม 3 รูป นั่งฉันน้ำชาอยู่หน้ากุฏิ เพื่อรอเวลาเข้าไปปฏิบัติกิจสงฆ์ภายในพระอุโบสถ

เมื่อพระครูประโชติรัตนานุรักษ์เห็นคนทั้งหมดขี่จักรยานยนต์เข้ามาจอด ก็สอบถามว่าโยมเข้ามาทำไมไม่แจ้งให้วัดทราบก่อน เพราะเป็นยามวิกาล

แทนที่จะมีคำตอบ กลุ่มชายฉกรรจ์กลับสาดกระสุนเข้าใส่ เป็นเหตุให้พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ และพระสมุห์อรรถพร ขุนอำไพ มรณภาพในที่เกิดเหตุ พระธนโชติ ชุมเลิศ ที่นั่งฉันน้ำชาอยู่ด้วยได้รับบาดเจ็บ

ยิงโต๊ะอีหม่าม

พร้อมยิงใส่กุฏิที่อยู่ข้างๆ เป็นเหตุให้พระประเวศ สุขแก้ว ที่อยู่ในกุฏิหลังดังกล่าวบาดเจ็บ ก่อนจะหลบหนีออกไปทางหน้าวัด และปะทะกับชรบ. ที่มาตรวจสอบเหตุหลังได้ยินเสียงปืน แต่คนร้ายก็หลบหนีไปได้ทั้งหมด

เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวพระที่บาดเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก

หลังจากเกิดเหตุพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4 รุดมาที่เกิดเหตุในทันที และพักค้างแรมที่วัด เพื่อปลอบขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่กว่า 200 คนที่กำลังขวัญเสียเพราะเหตุการณ์ที่รุนแรงเกินกว่าจะคาดคิด

วิสามัญที่จะแนะ

หลังเกิดเหตุ สำนักจุฬาราชมนตรี ออกแถลงประณามการสังหารพระสงฆ์ และกระทำอันเหี้ยมโหดและไร้มนุษยธรรมของผู้ก่อความไม่สงบ ที่พยายามบ่อนทำลายความสงบสุขและกระบวนการสันติภาพในพื้นที่

การใช้ความรุนแรงอย่างไร้ขอบเขต โดยไม่คำนึงถึงประชาชน ผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น เด็ก สตรี ผู้สูงวัย และผู้นำศาสนา เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และละเมิดกับหลักธรรมคำสอนของทุกศาสนาอย่างร้ายแรง สำหรับศาสนาอิสลามนั้นถือเป็นบาปใหญ่ที่พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษผู้กระทำการเยี่ยงนี้ก่อนสิ่งอื่นใดในวันพิพากษา

ขณะที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาโปรดให้รับการศพของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ พร้อมพระภิกษุอีก 1 รูปที่ถึงมรณภาพไว้ในพระสังฆราชานุเคราะห์โดยตลอด

ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ร่วมงานศพ

พร้อมประทานกำลังใจแก่พระภิกษุสามเณรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการบำเพ็ญศาสนกิจเพื่อความมั่นคงแห่งพระบวรพุทธศาสนา ด้วยปณิธานอันแกล้วกล้าและอดทน เพื่อเป็นหลักชัยของพุทธศาสนิกชนและเพื่อความไพบูลย์แห่งพระสัทธรรม แม้ในพื้นที่และในช่วงเวลาอันยากลำบาก

เป็นการแสดงออกไม่ให้ลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามศาสนา

❐ เปิดปมเหตุไฟใต้โหม

ทั้งหมดทำให้เกิดคำถามว่าทำไม ‘ไฟใต้’ ถึงโหมกระพือขึ้นมาในเวลานี้

ก็ต้องย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงปลายปี 2561 โดยเมื่อเวลา 20.45 น. วันที่ 24 ธ.ค. 2561 เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกยิงนายสะมาแอ เจะมะ อายุ45 ปี เสียชีวิตหน้ามัสยิดบ้านท่าราบ หมู่ 1 ต.กะมิยอ อ.เมือง จ.ปัตตานี

โดยก่อนเกิดเหตุนายสะมาแอกำลังเดินทางกลับบ้านพัก หลังจากที่นำละหมาด และสอบกีตาบให้กับสัปปุรุษของมัสยิด โดยมีคนร้ายไม่ทราบจำนวน แต่งกายคล้ายทหารบุกใช้อาวุธปืนสงครามกระหน่ำยิงใส่หลายนัด กระสุนถูกลำตัว และใบหน้า ก่อนหลบหนีลอยนวล

เรื่องนี้จึงเป็นเหตุของความไม่ไว้วางใจ เพราะคนร้ายแต่งกายคล้ายทหาร จนคนในพื้นที่เกิดข่าวลือว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ไม่มีคำชี้แจงใดๆ จากฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ และไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้

อีกเรื่องที่สร้างกระแสร้อนแรงในพื้นที่ ก็คือการวิสามัญฆาตกรรมในพื้นที่อ.จะแนะ จ.นราธิวาส

โดยรุ่งเช้าวันที่ 18 ม.ค. หน่วยฉก.ทพ.ที่ 45 สนธิกำลังทพ.ที่ 11 และตำรวจภูธรสภ.จะแนะ เข้าตรวจสอบสวนยางพาราบ้านตือกอ หมู่ 7 ต.จะแนะ ห่างจากโรงเรียนบ้านตือกอ 2 กิโลเมตร กระจายกำลังโอบล้อม พบชายฉกรรจ์ 5 คนผูกเปลสนามติดกับสวนยางพารา

ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกันนานกว่า 30 นาที เจ้าหน้าที่ขอกำลังสนับสนุนจากเฮลิคอปเตอร์บินกดดัน จากนั้นกลุ่มคนร้ายใช้ปืนยิงเบิกทางเพื่อหลบหนีไปยังเทือกเขา ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ไล่ตามจนวิสามัญฯชายฉกรรจ์ 1 คน ที่เหลืออีก 4 คนหลบหนีไปได้

จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตคือ นายฮาซัน มะลี มีหมายจับป.วิอาญาในคดียิงทหารพรานเมื่อปี 2559 ยิงถล่มชคต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดยยึดสถานีอนามัยเป็นฐานถล่ม อส. เมื่อ วันที่ 28 ธ.ค. 2561

โดยเหตุการณ์วิสามัญฯนี้ยังส่งผลให้นักเรียนโรงเรียนบ้าน ตือกอ ต้องหลบหนีอย่างหวาดผวา ตลอดเวลาปะทะเดือด

แถมหลังการวิสามัญฯยังมีการเผยแพร่ภาพศพจนนายฮาซัน ที่ถูกยิงเข้าที่เบ้าตา ว่อนไปทั่วโซเชี่ยล จนเกิดเสียงร่ำลือไปในทางร้ายแรง

ทั้งหมดจึงเหมือนโหมไฟให้กับกลุ่มขบวนการ จนถึงขั้นลงมือ บุกยิงพระสงฆ์ในวัด

ที่น่าผวาจะลุกลามบานปลายขึ้นไปอีก

❐ บิ๊กตู่ชี้หวังตปท.แทรก

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ออกแถลงการณ์ เรื่อง ‘สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้’ ระบุว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในระยะนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามในการสร้างสถานการณ์เอื้อประโยชน์ต่อตนเอง

พยายามดึงเข้าสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง อันจะทำให้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยไปสู่สากล ให้เกิดการรับรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยใช้การเสนอข่าวของสื่อมวลชน และสื่อโซเชี่ยล เป็นเครื่องมือ ในขณะที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้

กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามใช้เหตุการณ์ความรุนแรงที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ทำลายขวัญกำลังใจ ความอดทนในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีของไทย

มุ่งหวังจะให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างเต็มรูปแบบเพื่อเข้าสู่เงื่อนไขสากล นำไปสู่การปฏิบัติการขององค์การระหว่างประเทศดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายพื้นที่ในหลายประเทศ สังคม สื่อมวลชน สื่อโซเชี่ยล และสื่อต่างๆ ควรเข้าใจในประเด็นนี้ และช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มการเฝ้าระวัง แจ้งข่าวสารไม่สนับสนุนความพยายามดังกล่าว

ประชาชนซึ่งถือเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เช่น ครู นักเรียน พระสงฆ์ ผู้นำศาสนา ประชาชนทั่วไป รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ล้วนแต่ได้รับการดูแลและเฝ้าระวังอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่า จากจำนวนและความกว้างขวางของพื้นที่ รวมถึงห้วงเวลาในการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนนั้น ทำให้ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง

หากพื้นที่ใดต้องการให้มีการดูแลเป็นพิเศษ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ได้โดยตรง ตลอดจนขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังและให้ข้อมูลข่าวสารกับ เจ้าหน้าที่ด้วย

ขอให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เคารพกฎระเบียบ กติกาที่ฝ่ายความมั่นคงกำหนด เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เช่น การตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ การตรวจยานพาหนะการตรวจค้นสถานที่ ฯลฯ

ขอให้สื่อมวลชน สื่อโซเชี่ยล เสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง และพรรคการเมือง นักการเมือง หาเสียงด้วยความระมัดระวัง เช่นกัน

เจ้าหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ รัฐบาลและคสช.ยังคงบังคับใช้กฎหมาย และบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ

ส่วนของการพูดคุยสันติสุข ยังคงดำเนินการต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้ประชาคมโลกได้ทราบว่าเราได้ทำทุกมาตรการ ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว

เป็นการแสดงออกจากฝ่ายรัฐบาล

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน