ย้อนคดีพ่อค้าหัวร้อนยิงยกครัวคาตลาดนัดลูกดับ–พ่อแม่สาหัส!
ย้อนคดีพ่อค้าหัวร้อนยิงยกครัวคาตลาดนัดลูกดับ–พ่อแม่สาหัส! : แม้นจะเปิดแผงขายของ ทำมาหากินอยู่ใกล้ๆ ไม่ต่างกับคนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ นายสิทธิโชค โลสงฆ์ อายุ 24 ปี และครอบครัว กับนายเชิดชัย ดวงจิต อายุ 51 ปี พ่อค้ารุ่นใหญ่กลับไม่กินเส้นกัน ไม่ต่างกับขมิ้นกับปูน ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกปะทะคารมกันบ่อยครั้ง
ต่างฝ่ายต่างไม่ลดราวาศอกให้กัน ในที่สุดความรุนแรงก็ปะทุจนกลายเป็นเหตุสยอง!
เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 26 ม.ค. พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รอง ผบก. ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เขาย้อย ร.ต.ท.ยศพล พันธุ ร้อยเวร สภ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่สายตรวจ ชุดสืบสวน แพทย์เวร ร.พ.เขาย้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถานจังหวัดเพชรบุรี เข้าตรวจสอบเหตุคนถูกยิงภายในตลาดนัดหนองปรง หมู่ 5 ต.หนองปรง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ที่เกิดเหตุพบศพนายสิทธิโชค โลสงฆ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.4 ต.ห้วยท่าช้าง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี พ่อค้าขายเสื้อผ้าในตลาดนัด ถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกด้านซ้าย ด้านขวา และแขนขวา นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บริเวณกลางตลาด
สภาพศพนายสิทธิโชค โลสงฆ์
ห่างไปประมาณ 10 เมตร พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บน 3914 เพชรบุรี จอดอยู่ ใกล้เคียงกันพบกองเลือดขนาดใหญ่ 1 กอง และปลอกกระสุน ขนาด .38 ซูเปอร์ จำนวน 9 ปลอก ตกกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
นอกจากนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 2 ราย พลเมืองดีช่วยเหลือนำตัวส่ง ร.พ.พระจอมเกล้า อ.เมืองเพชรบุรี ไปก่อนหน้านี้แล้ว สอบสวนทราบชื่อต่อมาคือ นายอลงกรณ์ โลสงฆ์ อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นบิดาของนายสิทธิโชค ถูกยิงเข้าที่บริเวณกรามได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส และ น.ส.สุภัสรา ขำทิม อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นมารดาของนายสิทธิโชค ถูกยิงเข้าที่หน้าอกได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุชื่อนายหนุ่ย เป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้าที่ตลาดนัด มีที่ตั้งร้านคนละฟากถนน ห่างกันประมาณ 3 เมตรกับร้านของนายสิทธิโชคผู้ตาย ที่ผ่านมาทั้ง 2 คนมี ปากเสียงทะเลาะวิวาทกันมาแล้วหลายครั้ง ขณะเกิดเหตุ ผู้ตายและนายหนุ่ยได้มีปากเสียงทะเลาะกันเสียงดัง มีการแตะราวเหล็กแขวนเสื้อผ้าขาย โดยระหว่างทะเลาะวิวาท นายอลงกรณ์ และ น.ส.สุภัสรา ได้ร่วมมีปากเสียงด้วย
จากนั้นนายหนุ่ยได้ชักอาวุธปืนเดินเข้าไปยิงผู้ตายที่บริเวณใกล้ร้านค้า ผู้ตายได้วิ่งหนีออกมาประมาณ 20 เมตรแล้วล้มลงเสียชีวิต นายหนุ่ยได้เดินไปยิง น.ส.สุภัสรา มารดาผู้ตายที่ยืนอยู่บริเวณใกล้เคียง จากนั้นเดินไปที่รถกระบะอีซูซุ ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงใส่นายอลงกรณ์ซึ่งนั่งอยู่ในรถก่อนจะหลบหนีไป
พฐ.เก็บหลักฐาน
ต่อมาเวลา 08.30 น. นายหนุ่ยหรือนายเชิดชัย ดวงจิต อายุ 51 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โรงพักเขาย้อย พร้อมอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด .38 ซูเปอร์ และซองบรรจุกระสุนปืน
นายหนุ่ยให้การสารภาพกับ พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เขาย้อย ว่าสาเหตุที่ก่อเหตุยิงยกครัวครั้งนี้ เพราะตนกับนายสิทธิโชคแม้จะขายของอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ก็มักจะมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้ง ล่าสุดก่อนเกิดเหตุตนได้ทะเลาะกันอีก
แล้วนายอลงกรณ์ โลสงฆ์ ซึ่งเป็นบิดาของนายสิทธิโชค และ น.ส.สุภัสรา ขำทิม มารดาของนายสิทธิโชค เข้ามาช่วยรุมกันด่าทอตน จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงทั้ง 3 คนจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว หลังเกิดเหตุแล้วก็ขับรถไปสงบสติอารมณ์ ก่อนตัดสินใจเข้ามอบตัวดังกล่าว
ปลอกกระสุนเกลื่อน
หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแก่นายเชิดชัยพ่อค้าหัวร้อน ก่อนส่งตัวผู้ก่อเหตุไปเก็บร่องรอยเขม่าดินปืน พร้อมกับอาวุธปืนของกลางมาตรวจกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำผลการตรวจมาประกอบสำนวนการสอบสวนตามกฎหมาย
ขณะที่อาการของนายอลงกรณ์ โลสงฆ์ และ น.ส.สุภัสรา ขำทิม ล่าสุดยังสาหัส โดยเฉพาะ น.ส.สุภัสราอยู่ในอาการโคม่า และนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า อ.เมืองเพชรบุรี
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้งไป ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องสอบปากคำพยาน รอผลการตรวจพิสูจน์ ผลการชันสูตรพลิกศพ เพื่อมาประกอบสำนวนการสอบสวนตามกฎหมาย
สอบนายเชิดชัย ดวงจิต
โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายในการรวบรวมพยานหลักฐาน และนำตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้รวดเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ
พร้อมกันนี้ยังได้กำชับให้การดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทุกคดีด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม ตามหลักกฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ และต้องสามารถนำผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็ว เพื่อเยียวยาความเสียหาย และสร้างความ เชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและสังคม
กัมปนาท ขันตระกูล
เรื่อง/ภาพ
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
