คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อนุวัสส์ ศิวราศักดิ์

เรื่อง/ภาพ

04.30 น. วันที่ 3 ก.พ. ชาวบ้านที่พักอยู่ใกล้กับทางเข้าสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ต่างแปลกใจกับรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง หมายเลขทะเบียน มฉ 8215 กรุงเทพมหานคร ที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนมาจอดอยู่ริมถนน

เมื่อเข้าไปส่องดูภายในรถกลับต้องพบภาพสยดสยอง เมื่อมีศพชายในสภาพเลือดท่วมตัว ถูกยัดอยู่ที่พื้นรถด้านหลัง

พ.ต.อ.สาโรจน์ คุ้มทรัพย์ ผกก.สภ.บางบ่อ พ.ต.ท.กฤติน ตปสีโล รอง ผกก.สส. พ.ต.ท. ประเมศฐ์ มหาศิรธนโรจน์ สว.สอบสวน พ.ต.ท.ประเสริฐ อินทร์สุข สว.สส.และฝ่ายสืบสวน รีบรุดไปตรวจสอบทันทีที่รับแจ้ง เหตุร้าย

ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพชายสภาพศพสวมเสื้อสีฟ้า ใส่กางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าแตะ มีบาดแผลถูกปาดคอและถูกแทงตามร่างกายหลายแห่ง บริเวณเบาะหลังมีคราบเลือดกระจายอยู่เต็มที่นั่ง

ตรวจสอบป้ายบัตรประจำตัวผู้ขับขี่ระบุชื่อ นายบัญญัติ ประเสริฐสุข เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจึงทราบว่าเป็นเจ้าของรถแท็กซี่ คันดังกล่าวและเป็นบิดาของผู้เสียชีวิต ขณะที่ผู้เสียชีวิตชื่อ นายศักดิ์ชัย ประเสริฐสุข อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 6 ต.สามขา อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งขับรถในกะกลางคืนสลับกับนายบัญญัติผู้เป็นพ่อที่ขับในช่วงกลางวัน

นายบัญญัติ พ่อของผู้ตาย ให้การว่าพักอยู่กับบุตรชายที่บ้านเช่าย่านวงเวียน22 โดยจะสลับกันขับแท็กซี่กับบุตรชายตนจะขับช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายบุตรชายจะเป็นคนขับ

เจ้าตัวให้การอีกว่า พบเห็นบุตรชายครั้งสุดท้ายเมื่อวานนี้เวลาประมาณบ่าย 2 ขณะขับรถเข้าบ้านไปเปลี่ยนให้ลูกชายออกมาขับต่อ จนกระทั่งตี 4 ตื่นมาไม่เห็นรถและบุตรชาย จึงโทร.เข้ามือถือแต่ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ กระทั่งตำรวจโทร.มาแจ้งว่าบุตรชายถูกฆ่าตาย

ต่อมานายบัญญัติเดินทางมาที่โรงพักบางบ่อ เพื่อยืนยันตัวผู้เสียชีวิตและสอบปากคำเพิ่มเติม โดยให้การว่าบุตรชายเป็นคนเงียบๆ จึงไม่น่าจะมีเรื่องทะเลาะกับใครขณะที่จากการตรวจสอบทรัพย์สินกับญาติผู้ตาย เบื้องต้นพบว่าโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 4 และกระเป๋าเงินของผู้ตายหายไป

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ก่อนเผยว่าคดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เนื่องจากคนร้ายมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก

ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน ทั้งของภาค 1 บก.ภ. สมุทรปราการและของทีมสภ.บางบ่อ เร่งลงพื้นที่สืบหาข้อมูลคนร้าย ว่าลงมือก่อเหตุกี่คน

รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามถนนสายหลักที่คาดว่า จะเป็นเส้นทางที่ผู้ตาย ขับมา จนมาถึงที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุของการฆ่านั้นตั้งไว้หลายประเด็นทั้งชิงทรัพย์ ชู้สาว หรือเรื่องส่วนตัว

ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ตายเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดออกมาจากเรือนจำจังหวัดปทุมธานีเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ได้ให้ พฐ.เข้าเก็บหลักฐานที่รถแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ชุดสืบสวนไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่ารถแท็กซี่ของผู้ตายไม่ได้วิ่งบนทางด่วนเพราะไม่พบรถที่ผ่านด่านทางด่วนบูรพาวิถี ที่มาลงตรง ก.ม.23 ในช่วงเวลา 01.00-04.00 น.

เมื่อตรวจสอบกล้องในซอยที่มุ่งหน้าไปสนามกอล์ฟซึ่งเป็นจุดพบศพ ก็พบเห็นรถแท็กซี่ของผู้ตายวิ่งผ่านเข้าไปในช่วงเวลาดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าผู้ตายอาจจะใช้เส้นทางถนนบางนา-ตราด เลี้ยวเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ

ข้อมูลเบื้องต้นพบเห็นผู้ตายบริเวณ ซอยสุขุมวิท 64/1 ในช่วงเวลาเที่ยงคืนของคืนเกิดเหตุ จึงเป็นไปได้ว่าอาจรับคนร้ายมาจากย่านดังกล่าว

ไม่กี่วันต่อมาตำรวจได้ข้อมูลสำคัญ เมื่อมีคนขับรถแท็กซี่คนหนึ่งเข้าให้การกับตำรวจว่า ในเช้าวันเกิดเหตุได้รับตัวชายต้องสงสัยรายหนึ่งจากแถวๆ จุดที่พบศพ

พยานปากสำคัญให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า วันที่เกิดเหตุตนเองจอดรถอยู่ที่วินรถหน้าหอพักแห่งหนึ่งภายในซอยดังกล่าวซึ่งห่างจากจุดพบศพประมาณ 3 กิโลเมตร

ในช่วงเวลาประมาณ 03.10น.มีชายไทยหนึ่งคนอายุประมาณ 25-30 ปี รูปร่างหน้าตาดี ตัดผมรองทรง ผิว สีแทน สูงประมาณ 170 เซนติเมตร สวมเสื้อยืดคอกลมสีเขียวคล้ายเสื้อทหาร สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ มีเสื้อแจ๊กเกตสีเทาครีมคุมปิดไหล่ข้างซ้ายตลอดเวลา เดินเข้ามาหาตนเองในสภาพเสื้อผ้าเปียกน้ำทั้งตัว

ชายดังกล่าวอ้างว่าตัวเปียกน้ำเนื่องจากมาหาแฟนสาวภายในซอยดังกล่าวแล้วเกิดมีปากเสียงกันและถูกแฟนสาวใช้น้ำสาดใส่ตัวจนตัวเปียก สามารถขึ้นนั่งในรถได้หรือไม่ เนื่องจากจะต้องรีบเดินทางกลับบ้านพักและไม่มีรถแล้ว

ตนเองเห็นว่าเป็นช่วงเวลาเช้ามืดอยู่และยังไม่มีเพื่อนร่วมอาชีพออกมาวิ่งรับส่งผู้โดยสารจึงตอบตกลง โดยชายคนดังกล่าวได้สอบถามตนเองว่าระหว่างบางนากับสนามบินสุวรรณภูมิที่ไหนใกล้กว่ากันตนจึงแจ้งว่าสนามบินใกล้กว่า ชายคนดังกล่าวจึงให้ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ระหว่างทางตนยังได้กลิ่นเหม็นสาบคาวเลือดฟุ้งกระจายเต็มรถแต่เนื่องจากเห็นว่าถูกแฟนสาวสาดน้ำใส่จึงไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งมาทราบจากข่าวว่าชายคนที่ตนเองรับไปส่งสนามบินนั้นอาจเป็นผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุฆ่าปาดคอเพื่อนร่วมอาชีพก็เป็นได้จึงเดินทางมาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่

ชุดสืบสวนไม่รอช้ารีบประสานขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบริเวณสนามบินจุดที่คนขับแท็กซี่ให้การว่าไปส่ง จนได้ภาพใบหน้าของชายต้องสงสัย ขณะปรากฏตัวที่อาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ

เจ้าหน้าที่เร่งนำภาพใบหน้าของชายผู้ต้องสงสัยรายนี้ไปตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ทราบว่าชายต้องสงสัยรายนี้เป็นใครมาจากไหนชื่ออะไรเพื่อติดตามตัวมาสอบปากคำว่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่ รวมทั้งประสานด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศรวมถึงสนามบินหลัก เพื่อเฝ้าระวังการหลบหนีออกนอกประเทศ

คดีนี้การติดตามคนร้ายอาจต้องใช้เวลานาน แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วไม่พ้นฝีมือตำรวจไทยแน่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน