เกาะติดตร.ล็อก‘ตี๋’โหด ฆ่า‘อาม่า’ล้างหนี้ 5 แสน เผ่นล่องใต้-จนมุมสมุย
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่แสดงถึงศักยภาพของตำรวจไทย ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ปิดคดีหนุ่มมังกรจีนฆ่าโหด ‘อาม่า’ ผู้มีพระคุณชาวไทย หมกคอนโดมิเนียมกลางกรุง แม้จะเผ่นหนีไปกบดานห่างไกลนับพันกิโลเมตรถึง ‘เกาะสมุย’
คดีนี้เกิดขึ้นในเวลา 01.30 น. วันที่ 12 ก.พ. เมื่อ ร.ต.ท.พิเชฐศักดิ์ ปิยรัตนสถิตย์ รอง สว.สอบสวน สน.บางเขน รับแจ้งเหตุมีหญิงถูกฆาตกรรม ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 52 ถนนพหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ
จนมุมบนเกาะสมุย
จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก. พ.ต.ท.นิรุชพล โยธามาตย์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ปรเมษฐ โพยนอก รองผกก.สส. พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี สว.สอบสวน พ.ต.ท.นิเวศน์ นิลวดี สว.สส. พ.ต.ต.เข็มกล้า มั่นพลับ สวป. ร.ต.อ.พรชัย หว่องประเสริฐการ รองสว.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์นิติเวช ร.พ.ภูมิพลฯ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดฯ สูง 4 ชั้น อาคาร 4 ชั้น 2 ที่ห้องเลขที่ 564/38 พบ น.ส.อารยา ทรัพย์สวรรค์ อายุ 70 ปี สภาพสวมเสื้อแขนยาวลายดอก กางเกงขายาวสีดำ นอนหงายลิ้นจุกปากบนเตียงนอน บริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำ เบื้องต้นแพทย์ระบุเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 9 ช.ม.
เบื้องต้นคาดว่าถูกฆ่าชิงทรัพย์ เนื่องจากทรัพย์สินของผู้ตายหายไป ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท สร้อยข้อมือน้ำหนัก 2 บาท แหวนน้ำหนัก 1 สลึง นอกจากนี้ภายในห้องยังพบร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สิน
ห้องที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของ คอนโดฯ ดังกล่าว พบภาพคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี เข้าไปในห้องดังกล่าวพร้อมกับผู้ตาย เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. จากนั้นชายคนดังกล่าวเดินออกมาจากห้องเพียงคนเดียว เมื่อเวลา 15.00 น. ในมือกำเชือกและถุงพลาสติกใส่ของบางอย่างออกมาด้วย
สอบถามลูกชาย-ลูกสาวของผู้ตาย ยืนยันว่า ชายดังกล่าวเป็น ชาวจีนทราบเพียงชื่อเล่นว่า ‘กุ๊กกู๋’ มาท่องเที่ยวในประเทศไทยหลายครั้งและติดต่อขอเช่าห้องที่เกิดเหตุจากผู้ตายพักอาศัยทุกครั้ง
คุมทำแผนฯ
แต่เมื่อ 2 ปีก่อน นายกุ๊กกู๋เคยหยิบยืมเงินผู้ตายไป 120,000 บาท และขโมยบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายและนำไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม 8 ครั้ง รวม 400,000 บาท ก่อนจะหลบหนีกลับประเทศจีนและขาดการติดต่อไป
กระทั่งไม่กี่วันที่ผ่านมา นายกุ๊กกู่กลับเข้ามาประเทศไทยอีกครั้ง พร้อมขอเช่าห้องพักตามเดิม โดยอ้างว่าจะใช้หนี้สินที่ติดค้างไว้ทั้งหมด
ทรัพย์สินผู้ตาย
ผู้ตายจึงยอมตกลง โดยตั้งใจว่า หลังจากได้เงินคืนทั้งหมดจะแจ้งตำรวจให้จับกุมตัว แต่เมื่อ 2 วันก่อน นายกุ๊กกู๋อ้างว่าไฟในห้องเสีย ให้ผู้ตายไปช่วยเปลี่ยน กระทั่งลูกๆ ติดต่อผู้ตายไม่ได้จึงไปตรวจสอบที่คอนโดฯ จึงพบว่าแม่กลายเป็นศพไปแล้ว
แค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังพบศพของอาม่า พ.ต.อ.วันชนะ บวรบุญ ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี นำกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับตำรวจ สภ.เกาะสมุย ก็จับกุม นายกุ๊กกู่ หรือ นายอู๋ จัวหมิง อายุ 29 ปี ขณะเดินออกจากโรงแรมแห่งหนึ่งไปหาของกินริมถนนบริเวณท่าเทียบเรือบ้านหน้าทอน ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย เมื่อช่วงสายวันที่ 13 ก.พ.
เมื่อพาไปค้นในห้องพักก็พบเงินสดจำนวนหนึ่ง พร้อมสร้อยทองรูปพรรณของผู้ตาย ก่อนควบคุมตัวส่งกลับกรุงเทพฯ เพื่อดำเนินคดี
‘บิ๊กโจ๊ก’พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ไปร่วมสอบปากคำนายกุ๊กกู่ทันทีที่ถูกนำตัวไปถึง สน.บางเขน
บิ๊กโจ๊กโชว์ภาพจับหนุ่มมังกรโหด
นายกุ๊กกู่สารภาพว่า รู้จักมักคุ้นกันกับ ผู้ตายมานานกว่า 7 ปีแล้ว และจะเรียกผู้ตายว่า ‘อาเจ๊’ หรือพี่สาว เคยรับเสื้อผ้าและผ้าซิ่นจากผู้ตายไปขายตามแคมป์คนงานก่อสร้างและตามบ้านชาวบ้านในย่านสะพานใหม่ เขตสายไหม อีกทั้งยังเคยนำไปเร่ขายตามแคมป์คนงานในจังหวัดทางภาคใต้ ที่ผ่านมาเคยขอยืมเงินจากผู้ตายบ่อยครั้ง สูงสุดถึง 120,000 บาท
วันเกิดเหตุเอ่ยปากขอยืมเงินเพิ่มอีก 1 แสนบาท แต่ผู้ตายยืนยันว่าต้องจ่ายหนี้ค้างเก่าก่อน จนเกิดทะเลาะกันจึงลงมือบีบคอเสียชีวิต จากนั้นก็รื้อค้นทรัพย์สินที่ติดตัวผู้ตาย และภายในห้อง ขึ้นรถทัวร์ที่ขนส่งสายใต้ ไปถึงเกาะสมุยในตอนเช้า
เพราะคิดว่าอยู่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ไม่น่าติดตามจับกุมได้ แต่สุดท้ายก็ไม่รอด
โดย ณเดช โรจนประดิษฐ์/ พนม คงเจริญ/ พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี/ สิทธิพงษ์ เจริญใจ/ อดิศร จิตตเสวี
