คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

บัวภา เจิมนาค

อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล

เรื่อง-ภาพ

กลายเป็นคดีที่คนในสังคมให้ความสนใจกันอย่างกว้างขวาง สำหรับคดีที่ลุงวิศวกรก่อเหตุยิงน.ร.ม.4 เสียชีวิต คาท้องถนนย่านอ่างศิลา ชลบุรี โดยมีต้นเหตุจากการ มีปากเสียงกันแค่เรื่องจอดรถขวาง ลามไปจนถึงการขับรถไล่ตาม และลงมาชกต่อย สุดท้ายก็รุนแรงถึงขั้นยิงกันจนเสียชีวิต

เพราะนอกจากรายละเอียดที่เกิดขึ้น ยังมีคลิปทั้งช่วงก่อนและระหว่างเกิดเหตุ จนกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ถึงความเหมาะสมในการใช้อาวุธป้องกันตัว

หรือการบรรลุแก่โทสะจนกลายเป็นเหตุสูญเสียอย่างไม่คาดฝัน ตอกย้ำให้สังคมเรียนรู้ เพื่อเอาไว้เป็นบทเรียน

ย้อนไปเมื่อค่ำวันที่ 4 ก.พ. พ.ต.ท.จิรวัฒน์ จันทร์สีเพชร พนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันที่บริเวณถนนสายอ่างศิลา ใกล้กับตลาดอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่สายตรวจ

ที่เกิดเหตุพบนายนวพล ผึ่งผาย หรือปอนด์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .380 เข้าที่ราวนมซ้ายกระสุนฝังใน นอนหายใจรวยริน อาการสาหัส

เจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมรัศมี ชลบุรี ได้ช่วยกันปฐมพยาบาลใน เบื้องต้นและรีบนำส่งโรงพยาบาลชลบุรีทันที แต่อาการของเด็กหนุ่มสาหัสนัก จนสุดที่แพทย์จะยื้อชีวิตเอาไว้ได้ เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ขณะที่ในที่เกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ ในสภาพสะบักสะบอม ทราบชื่อ นายสุเทพ โภชน์สมบูรณ์ อายุ 50 ปี อาชีพวิศวกร อยู่บ้านเลขที่ 152/268 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. พร้อมของกลางอาวุธปืนยี่ห้อรูเกอร์ ขนาด .380 ที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนคุมตัวไปสอบปากคำ

จากการสอบสวนเพื่อนนักเรียนที่มาด้วยกันเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้เช่ารถตู้มาเที่ยวที่บางแสน และกำลังจะกลับบ้าน จึงแวะหาซื้ออาหารทะเลที่สะพานปลาอ่างศิลา

คนขับรถตู้นำรถไปจอดข้างถนนเนื่องจากไม่มีที่จอด จึงทำให้รถตู้ไปขวางทางรถเก๋งมาสด้า สีเทา ทะเบียน ฌต 5057 กทม. ก่อนเกิดมีปากเสียงกัน โดยคนในรถได้ใช้โทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพกลุ่มนักเรียน พร้อมทั้งนายสุเทพคนขับยังเอาปืนออกมาข่มขู่ ทำให้ทั้งหมดไม่พอใจ

จากการสอบปากคำหลังเกิดเหตุนายสุเทพได้ความว่า ตนพร้อมด้วยครอบครัวมีแม่ ภรรยา และลูกชายมาเที่ยวชายหาดบางแสน และจะเดินทางกลับจึงมาแวะซื้อของที่ระลึก และมีเหตุทะเลาะกับวัยรุ่นเพราะจอดรถขวางที่สะพานปลาอ่างศิลา

ขณะที่ขับรถมาตามถนนสายอ่างศิลา-สุขุมวิท มีรถเก๋งวีออสกับ รถตู้คันดังกล่าวขับตามมา ทั้งยังบีบแตรและเปิดไฟสูงใส่ เมื่อขับมาถึงบริเวณตลาดอ่างศิลาเห็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิจอดรถอยู่ จึงได้จอด ที่ข้างทางและให้ภรรยาไปขอความช่วยเหลือ

ช่วงนั้นรถตู้ขับมาจอดขวางหน้ารถมีกลุ่มวัยรุ่นหลายคนกรูมาล้อมรถตะโกนโวยวาย พยายามเปิดประตูรถซึ่งในรถมีทั้งแม่-เมียและ ลูกอยู่ ตนพยายามเจรจาแต่พวกนั้นไม่ฟัง ซ้ำยังเปิดประตูชกต่อยที่ใบหน้าตนหลายครั้ง ตนจึงหยิบปืนที่วางข้างลำตัวยิงไป 1 นัด ไม่รู้ว่าถูกใครเพราะจำหน้าไม่ได้ จนกระทั่งมารู้ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงนั่งรอตำรวจมาจับกุม

ขณะที่พยานที่อยู่แถวนั้นเล่าว่าเห็นกลุ่มวัยรุ่นรุมคนที่อยู่ในรถเก๋งเหมือนกับกำลังชกต่อยกัน หลังจากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และมีวัยรุ่นวิ่งหนีออกไปและล้มฟุบลงกับถนน ส่วนสาเหตุทราบแต่เพียงว่ามีการทะเลาะกันมาก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ

พ.ต.ท.จิรวัฒน์ ดำเนินคดีกับนายสุเทพในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยเจ้าตัวให้การภาคเสธ อ้างว่าเป็นการป้องกันตัว หลังถูกจับนาย สุเทพมีอาการเบาหวานกำเริบ และมองว่านายสุเทพไม่มีเจตนาหลบหนี ตำรวจจึงให้ประกันตัวออกไปโดยวงเงิน 200,000 บาท

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากคดีความ กรณีดังกล่าวตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ว่ากรณีดังกล่าว แม้จะอ้างว่าเป็นการป้องกันตัว แต่ก็เกิดคำถามว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ ส่วนอีกฝ่ายกลับมองว่าเหมาะสมแล้ว ด้วยพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นที่ดูรุนแรง จึงเป็นเหตุสมควรที่จะต้องปกป้องครอบครัวและทรัพย์สินตัวเอง

มารดาของนายนวพล ผู้ตาย ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย พร้อมกับตั้งคำถามว่า อยากถามโลกโซเชี่ยลว่าทำไมถึงมาด่าลูกตนว่าไปรังแกคนแก่ก่อน ทั้งที่ลูกตนมีเพียงมือเปล่า สิ่งเหล่านี้เหมือนราดน้ำมันลงไปในกองไฟ ทำให้บรรดาดารา ผู้มี ชื่อเสียง ต่างออกมาให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำตัวเป็น ผู้พิพากษาออนไลน์ ตัดสินทันทีว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ถูกยิงเสียชีวิตนั้น เป็นฝ่ายผิดอย่างแน่นอน

ยิ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีคลิปเหตุการณ์จากกล้องหน้ารถที่ยืนยันคำให้การของนายสุเทพออกมา กลุ่มวัยรุ่นก็ถูกสังคมรุมกระหน่ำทันที กระทั่งมีการเผยแพร่คลิปที่สอง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุตอนที่รถตู้มาจอดกีดขวาง แล้วเกิดปะทะคารมกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตัวนายสุเทพเองก็ใจร้อนไม่ได้ต่างกับวัยรุ่นคู่กรณี

พ.ต.ท.จิรวัฒน์เรียกตัวกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี 3 คน มาแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ขณะที่คนขับรถตู้ก็โดนข้อหาเนื่องจากมีส่วนสนับสนุน

หากรู้ล่วงหน้าว่าเรื่องราวจะบานปลายเช่นนี้ ทั้งนายสุเทพและนายนวพลกับกลุ่มเพื่อนๆ คงยอมลดราวาศอกให้กัน แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขณะที่คน ในสังคมก็ควรเรียนรู้ นำมาเป็นอุทาหรณ์เตือนสติ ทั้งเรื่องการระงับอารมณ์โกรธเกรี้ยวบนท้องถนน และเรื่องการด่วนตัดสินคน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน