คำสารภาพพ่อเลี้ยงโหด

ค้อนทุบ-ฆ่าสาวท้อง7ด.

สำนึกผิดขอให้ประหาร

สดจากสนามข่าว

คำสารภาพพ่อเลี้ยงโหด ค้อนทุบ-ฆ่าสาวท้อง7ด. สำนึกผิดขอให้ประหาร – “วันที่ลงมือก่อเหตุ ผมเหน็บค้อนไว้ข้างหลัง เข้าไปคุยกับผู้ตายแล้วเกิดทะเลาะกัน จึงโมโห เลยตัดสินใจฆ่าเลย เพราะปล่อยไว้นานจิตใจสงบจะฆ่าไม่ได้ พอสามีเขาออกไป ผมถือค้อนติดมือไปเคาะห้อง ออกอุบายว่าจะขอยืมเงิน 2,000 บาทเพื่อให้เปิดประตูห้อง พอประตูเปิดผมก็ใช้ค้อนทุบไปที่หัวหลายครั้ง จนแน่นิ่งไป จากนั้นก็ใช้ค้อนทุบไปที่ท้องอีก 3 ครั้ง” คำให้การชนิดไม่สะทกสะท้านของ นายภูมิใจ เหลืองทอง อายุ 57 ปี ภายหลังเกิดเหตุฆ่าลูกเลี้ยงสาวตายทั้งกลมพร้อมลูกวัย 7 เดือนในท้อง

น.ส.นันทชยา หรือนุ่น จันทร์โมคา ผู้ตาย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 11 เม.ย. พ.ต.ท.ชูชัย จับเทียน สารวัตร (สอบสวน) สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิต ที่ทาวน์เฮาส์ เลขที่ 668/64 ซอยรามอินทรา 109 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว พ.ต.ท.สุพิสุทธิ์ พิสุทธิ์ปกรณ์ รอง ผกก.สส.สน.คันนายาว และฝ่ายสืบสวน

ที่เกิดเหตุเป็นทาวส์เฮาส์ 3 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านเสริมสวย ชื่อ “พิมพา บิวตี้” ส่วนชั้น 2 และชั้นที่ 3 เป็นที่พักอาศัย จาก การตรวจสอบภายในห้องนอนชั้น 2 พบศพ น.ส.นันทชยา หรือนุ่น จันทร์โมคา อายุ 29 ปี ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด มีบาดแผลถูกตีด้วยค้อนเข้าที่ศีรษะ และลำตัว ในที่เกิดเหตุพบค้อนเปื้อนเลือดตกอยู่ และมีร่องรอยการรื้อค้นภายในห้อง เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบ

จากการสอบปากคำ นายธนวัตร แก้วคำสอน อายุ 29 ปี สามีของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยดังกล่าว โดยทำอยู่กับ นางพิม ซึ่งเป็นป้าแต่ก็เลี้ยงผู้ตายมาเหมือนเป็นลูก ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายภูมิใจ เหลืองทอง อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นสามีของนางพิม หรืออีกนัยหนึ่งก็เป็นพ่อเลี้ยงของผู้เสียชีวิตนั่นเอง

ส่วนสาเหตุจากเมื่อวานที่ผ่านมา นายภูมิใจมีปากเสียงกับนางพิมอย่างรุนแรง สาเหตุเพราะหึงหวงจนกระทั่งนางพิม ทนไม่ไหวหนีกลับบ้านที่จ.อำนาจเจริญ นายภูมิใจก็โทร.ไปขู่นางพิมว่า ถ้าไม่กลับมาจะฆ่าน.ส.นันทชยาลูกเลี้ยงให้ตาย จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว แล้วขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟหลบหนีไป

นายภูมิใจ เหลืองทอง

ขณะที่กล้องวงจรปิดที่หน้าห้องพักใกล้เคียง สามารถจับภาพนายภูมิใจไว้ได้ โดยพบว่าก่อนก่อเหตุได้เดินเข้าไปในบ้านพักด้วยสีหน้าเรียบเฉย และหลังก่อเหตุเสร็จก็เดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยเดินออกไปช้าๆ จนชาวบ้านที่พบเห็นไม่พบสังเกตมีพิรุธแต่อย่างใด

หลังเกิดเหตุสยอง ตำรวจระดมกำลัง ไล่ล่ากระชั้นชิด กระทั่งวันที่ 13 เม.ย. มีพลเมืองดีพบนายภูมิใจนอนดิ้นทุรนทุราย ตรงอู่รถเมล์สาย 122 ถนน แฮปปี้แลนด์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ หลังกินยาเบื่อหนูเข้าไป 4 ซอง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พยานให้การว่า ได้ยินเสียงร้องโหยหวน เมื่อเดินไปดูพบนายภูมิใจนองดิ้นทุรนทุรายอยู่ จึงสอบถามว่า เมาเหรอ แต่ชายดังกล่าวบอกว่า เปล่า กินยาเบื่อหนูเข้าไป เมื่อถามว่ากินทำไม ก็บอกว่าไปฆ่าลูกสาวมา เมื่อถามว่าใช่คนที่เป็นข่าวหรือไม่ ก็ตอบใช่ ก่อนชายดังกล่าวจะหมดสติไป ก่อนที่จะโทร.หาเจ้าหน้าที่พ่อเลี้ยงโหดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนพรัตน์ฯ เพื่อช่วยชีวิตทันที

ซดยาเบื่อหนูหนีผิด

หลังล้างท้องจนพ้นขีดอันตราย พ่อเลี้ยงโหดถูกคุมตัวมาสอบสวนพร้อม ทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่โรงพักคันนายาว โดยเจ้าตัวรับว่าทำไปเพราะความโมโห ส่วนสาเหตุที่ลงมือฆ่าลูกเลี้ยงเพราะรู้ว่าภรรยารักมาก และขอให้ตำรวจบอกศาล ให้ลงโทษประหารชีวิตตนเองซะให้จบๆ ไป

ด้านสามีของผู้ตายได้ร้องขอต่อเจ้าหน้าที่ว่า อยากเข้าไปถามนายภูมิใจว่าฆ่าเมียทำไม และเข้าไปชี้หน้านายภูมิใจด้วยความโกรธแค้นอย่างยิ่ง พร้อมพูดว่า สีหน้าไม่สำนึกผิดเลยสักนิด ซึ่งนายภูมิใจได้กล่าวแต่เพียงว่า ไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นสามีผู้ตายได้เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตนจะไม่ให้อภัยนายภูมิใจ พร้อมอยากขอให้เจ้าหน้าที่ลงโทษให้ถึงประหาร

ขณะที่นายภูมิใจกล่าวผ่านห้องขังหลังเสร็จสิ้นการจำลองเหตุการณ์ว่า อยากจะบอกผ่านสื่อไปถึงญาติของผู้เสียชีวิตว่าตนเองรู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ยอมรับว่าตอนนั้นโมโหขาดสติ เพราะตนรักแม่ของผู้ตายมาก จนลืมนึกไปว่าผู้ตายตั้งครรภ์อยู่

เชื่อว่าสิ่งที่ตนเองพูดไปคงไม่สามารถเปลี่ยนใจญาติคนตายได้ จึงอยากจะขออโหสิกรรมกับสิ่งที่ทำลงไป และอยากขอศาล หรือกระบวนการยุติธรรมให้ตัดสินประหารชีวิต หาก 1 ชีวิตแลกกับ 2 ชีวิตได้ก็ยอม