คอลัมน์ แฟ้มคดี

นับเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

สำหรับกรณีที่กลุ่มวัยรุ่น 18 คน บุกทำร้ายร่างกายนักศึกษาหนุ่มมหาวิทยาลัยดังถึงห้องพัก

แล้วใช้ไขควงปักเข้าไปที่หัว เสียชีวิตในเวลาต่อมา เพียงเพราะเรื่องโกรธแค้น หึงหวงเพื่อนของผู้ตาย

แต่เมื่อหาคู่อริไม่เจอก็เลยมาลงกับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่

แถมในกลุ่มฆาตกร ยังมีลูกชายนายตำรวจใหญ่ และญาติผู้มีอิทธิพลอีกมาก

ทำให้แม่ของนักศึกษาหนุ่มต้องเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน

ซึ่งก็สบายใจมากขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันทำหน้าที่ตรงไปตรงมา และออกหมายจับ 18 โจ๋ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

โดยทั้งหมดทยอยมามอบตัว และได้รับประกันตัวออกไปต่อสู้คดี

ย้อนนาทีไขควงฆ่าโหดน.ศ.

เหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของวันที่ 25 ก.พ. 2560 เมื่อมีกลุ่มวัยรุ่นนับสิบคน บุกเข้าไปในหอพักแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับ ม.ศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อตามล่าคู่อริ ทราบชื่อว่านายออฟ นักศึกษาม.ศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี

แต่ก็ไม่เจอ พบเพียงเพื่อนนักศึกษาที่จับกลุ่มอยู่ภายในห้องเพียง 5 คน ก่อนจะประกาศตามหา และร้องท้าทาย จนเพื่อนนักศึกษา 2 คนสามารถวิ่งหนีจากที่เกิดเหตุ

เหลือเพียง 3 คนที่ต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มวัยรุ่นนับสิบ!??

ต่อจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นก็ใช้กำลังที่มากกว่าเข้ากลุ้มรุมนักศึกษาทั้ง 3 จนบาดเจ็บ ก่อนที่วัยรุ่นอีกคนที่ชื่อ “ไบร์ท” ใช้ไขควงที่พกปักไปที่ศีรษะของนายธีรพงษ์ ฐิตะฐาน หรือปอนด์ อายุ 24 ปี จนไขควงปักคา

ก่อนพากันหลบหนีไปอย่างลอยนวล

ทิ้งให้เพื่อนของปอนด์ ช่วยกันพาร่างที่บาดเจ็บสาหัสส่งโรงพยาบาล ให้แพทย์ช่วยยื้อชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว ปอนด์สิ้นลมไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค.

การทำร้ายร่างกายกลายเป็นฆาตกรรมทันที!!!

โดยสาเหตุการลงมือโหดครั้งนี้ เกิดจากที่แฟนสาวของ นายไบร์ท ที่ลงมือแทงผู้ตาย ได้เลิกรากันไป แล้วไปคบกับ “ออฟ” หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ต่อมาก็เลิกกับ ออฟ และกลับไปคบกับ ไบร์ท

แต่ระหว่างที่คบกันแฟนสาวยังคงพูดถึงออฟให้ไบร์ทฟัง จนเกิดเหตุหึงหวงมีการพูดจากท้าทายกัน ก่อนเกิดเหตุ ไบร์ท พาพวกมาขับรถวนหา ออฟ หลายครั้ง แต่ไม่เจอ จนกระทั่งวันเกิดเหตุทั้งคู่ไปเจอกันที่งานมินิคอนเสิร์ตที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งนายออฟทำงานพิเศษอยู่

จึงยกพวกรวม 18 คนไปที่ร้าน หวังไปเจอนายออฟ แต่ก็ไม่พบ จึงบุกเข้าไปที่หอพัก แต่ก็เจอเพียงเพื่อนๆ ของนายออฟ จึงรุมทำร้ายแล้วหลบหนีไป

เมื่อเช็กจากกล้องวงจรปิดก็พบภาพกลุ่มผู้ก่อเหตุพากันมาที่ร้านอาหารดังกล่าว เมื่อไม่เจอก็ขับรถไปยังหอพักใกล้ ม.ศิลปากร โดยจอดรถเก๋งไว้ที่ทางเข้าหอพัก 1 คัน และขับเข้าไปในหอพัก 2 คัน จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องที่นายออฟกับเพื่อนอาศัยอยู่

ก่อนลงมือทำร้ายเพื่อนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยจนถึงแก่ความตาย

เป็นชนวนเหตุจากเรื่องหึงหวง

แม่ร้องสื่อ-หวั่นข่มขู่พยาน

หลังเกิดเหตุนางอารีรัตน์ ชมโลก แม่ของน้องปอนด์ ผู้เสียชีวิต ก็กังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นลูกนายตำรวจ และเป็นญาติกับผู้มีอิทธิพล จึงเข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว และขอความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากวัยรุ่นทั้ง 18 คนได้รับการประกันตัว ก็เกรงว่า จะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือข่มขู่พยาน

โดยนางอารีรัตน์ระบุว่า ครอบครัวยังรับไม่ได้กับการเสียชีวิตของน้องปอนด์ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่โหดร้ายทารุณ เพื่อนน้องปอนด์ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟัง ประกอบกับสภาพศพพบว่า มีการใช้ไขควงแทงที่หลัง เป็นแผลฉกรรจ์ถึง 4 รู

จากนั้นผู้ก่อเหตุขึ้นคร่อมหลัง ใช้ไขควงแทงเข้าไปที่ศีรษะลูกชาย จนเหล็กปักคา ก่อนใช้เท้ากระทืบจนเหล็กฝังเข้าไปมิดด้าม ถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณเกินกว่าที่จะรับไหว

และเชื่อว่ายังมีบุคคลอื่นนอกจาก 18 วัยรุ่นอยู่เบื้องหลัง และร่วมขบวนการ นี้ด้วย

“ลูกชายเป็นเด็กดี ขยันเรียนตั้งแต่เด็กๆ ชอบช่วยแม่ทำงาน กำลังจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในเทอมนี้ เหลือเพียง 2 เดือนเท่านั้น ส่วนตัวกังวลที่คู่กรณีเป็นญาติผู้มีอิทธิพล ดิฉันเป็นแค่แม่ค้า ไม่มีปัญญาสู้รบตบมือ อย่างไรก็ตามจะไม่เผาศพลูกจนกว่าคนร้ายจะเข้าสู่กระบวน การยุติธรรมชั้นศาล”

“หากจับคนร้ายได้ไม่หมด หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะขนศพไปประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลด้วย”

ขณะที่เพื่อนน้องปอนด์ที่อยู่ในเหตุการณ์ และถูกทำร้ายด้วยนั้น เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ มีวัยรุ่นจำนวนมากมาตามหานายออฟ แต่ตนบอกไม่อยู่ กลุ่มวัยรุ่นจึงเข้ามาในห้องรุมทำร้าย มีทั้งมีด ขวด เหล็กแหลม หลังก่อเหตุก็เดินออกไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ส่วนสาเหตุไม่น่าจะเกิดจากเรื่องชู้สาว เพราะก่อนหน้านี้ออฟ เข้าไปห้ามนักศึกษารุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยเดียวกันไม่ให้มีเรื่องกัน

ที่สำคัญเพื่อนที่เสียชีวิตไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ต้องมาจากไปทั้งที่เหลืออีกเพียงเทอมเดียวก็จะจบการศึกษา จึงขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา นำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีทั้งหมด

ประกัน18โจ๋-โอนคดีให้ป.

ส่วนฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนยันไม่ได้ปล่อยปละละเลย โดย พ.ต.อ.ภคิน ศิวเมธากุล ผกก.สภ.ชะอำ เปิดเผยว่า คดีนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ และติดต่อแม่ของผู้เสียชีวิตไปตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ เพื่อให้ความมั่นใจว่าคดีนี้จะได้รับความเป็นธรรม

ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นลูกหรือหลานคนมีสีก็ไม่สน!!

โดยในวันแรกได้ขออนุมัติหมายจับนายกรกนก หรืออาร์ท วรัญญสาธิต อายุ 23 ปี ตามหมายจับศาลเพชรบุรีที่ 53/2560 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันบุกรุกเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนในเวลากลางคืน

ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ที่บ้านพักเมื่อวันที่ 1 มี.ค. และจะออกหมายจับทุกคนที่อยู่ในภาพวงจรปิด รวมทั้งหมด 18 คน

ทั้งนี้ก่อนแจ้งดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด ได้ตรวจเช็กกล้อง วงจรปิดโดยละเอียด และมาร์กจุดตำแหน่งของผู้ต้องหาไว้อย่างชัดเจน เพื่อระบุถึงพฤติกรรมของแต่ละบุคคลว่าใครทำอะไร แม้ผู้ต้องหาจะปฏิเสธ แต่ภาพจะฟ้องว่าใครทำอะไรไปบ้าง

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเก็บหลักฐานลายนิ้วมืออย่างละเอียดจากรถเก๋งทั้ง 3 คันที่ผู้ก่อเหตุใช้เป็นยานพาหนะ

“พฤติกรรมที่เกิดขึ้นไม่ใช่การทำร้ายผิดตัว แต่เป็นการจงใจ แม้จะรู้ว่านายออฟที่เป็นผู้ขัดแย้งไม่ได้อยู่ที่บ้านก็ยังลงมือทำ ถือว่ามีเจตนาชัดเจน ข้อหาที่แจ้งคือร่วมกันทำร้ายร่างกาย และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน เนื่องจากผู้ก่อเหตุไล่ติดตามมาตั้งแต่ร้านอาหารและสถานที่ต่างๆ แสดงให้เห็นว่าจงใจกระทำความผิดอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย” ผกก.ชะอำ กล่าว

หลังจากแจ้งข้อกล่าวหาและเตรียมออกหมายจับ ทั้ง 18 โจ๋ ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็ทยอยเดินทางเข้ามอบตัว

บางส่วนให้การภาคเสธ และขอประกันตัว ซึ่งพนักงานไม่คัดค้าน และอนุมัติให้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดี

ขณะที่พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. ที่ลงมาจี้คดีนี้ด้วยตัวเอง เพราะถือเป็นคดีที่ส่งผลถึงภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมายรวมทั้งที่อนุญาตให้ประกันตัว เพราะผู้ต้องหาทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว

แต่หากประกันตัวออกไปแล้ว ไปยุ่งกับพยานหลักฐานในคดี ก็ถอนประกันได้

ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำให้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามญาติของน้องปอนด์ก็ยังไม่มั่นใจ จนต้องร้องต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ซึ่งมีคำสั่งให้โอนคดีจากบช.ภาค 7 มาอยู่ในความดูแลของกองปราบปราม

จึงเป็นเรื่องที่สังคมต้องจับตามองว่าคดีนี้จะลงเอยเช่นใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน