ย้อนคดีจับ3โจรปล้นเพชร ทุบหัวเจ้าของร้านกวาด 5 ล. แต่เหยื่อจำกลิ่นน้ำหอมได้ : สดจากสนามข่าว

ย้อนคดีจับ3โจรปล้นเพชร ทุบหัวเจ้าของร้านกวาด 5 ล. – “หนึ่งในคนร้าย ที่ก่อเหตุใส่น้ำหอมมาด้วย ทำให้จำได้ว่าเคยมีลูกค้ารายหนึ่งมาดูของในร้าน แล้วใส่น้ำหอมกลิ่นเดียวกัน เลยเอากล้องวงจรปิดมาไล่ดูว่าลูกค้ารายนี้เป็นใคร” ข้อมูลเด็ดที่ นายศิริชัย อาศัยพานิชย์ อายุ 61 ปี เจ้าของร้านของสินค้าหลุดจำนำ ให้กับตำรวจ จนนำมาสู่การปิดคดีปล้นเครื่องเพชรมูลค่า 5 ล้านบาทลงได้ในเวลารวดเร็ว

ย้อนคดีจับ3โจรปล้นเพชร

ร้านที่เกิดเหตุ

ย้อนไปเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 พ.ค. ร.ต.อ.กิตติพงษ์ บุญเศรษฐ์ รอง สว. สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุปล้นเครื่องเพชรและทรัพย์สินมีค่า ภายในร้านศิริชัย บริเวณปากซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมพล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. พ.ต.อ.วุฒิชัย ไทยวัฒน์ ผกก.สน.เพชรเกษม พ.ต.ท.วัชรพัฒน์ เรืองอัครนนท์ รอง ผกก.ป.สน.เพชรเกษม และ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น เลขที่ 1547 ริมถนนเพชรเกษม ประกอบกิจการเป็นร้านจำหน่ายสินค้าหลุดจำนำ อาทิ แหวนเพชร พลอย พระเครื่อง และเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมถึงรับซื้อทอง

ภายในร้านพบ นายศิริชัย อาศัยพานิชย์ อายุ 61 ปี เจ้าของร้าน ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธปืนตีเข้าที่ศีรษะ สอบสวนทราบว่า ขณะกำลังจัดเรียงทรัพย์สินและเปิดร้าน มีคนร้าย 3 คน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ 1 คน และอีก 2 คนสวมหน้ากากอนามัย หนึ่งในนั้นในมือถืออาวุธปืนชนิดลูกโม่ ไม่ทราบขนาด และคนร้ายอีก 1 คน ถือมีดปลายแหลมความยาวประมาณ 1 คืบ เข้ามาก่อเหตุปล้นทรัพย์สิน

คนร้ายเข้าไปล็อกตัวลูกจ้างหญิงอีกคนพามาที่เคาน์เตอร์ ขณะที่นายศิริชัยพยายามขัดขืน คนร้ายจึงใช้อาวุธปืนตบเข้าที่ใบหน้าและศีรษะจำนวนหลายครั้งจนนายศิริชัยล้มลงคาเคาน์เตอร์เครื่องเพชร คนร้ายทั้ง 3 คนกวาดเอาแหวนเพชรในตู้ไปนับร้อยวง รวมถึงเงินสด 30,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปร่วม 5 ล้านบาท ก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน ที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียงกับร้านขี่หลบหนีไปบนถนนเพชรเกษมขาออกไปทาง จ.สมุทรสาคร

ขณะที่ นายศิริชัย อาศัยพานิชย์ อายุ 61 ปี เจ้าของร้าน ยังมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ โดยต้องเย็บที่บริเวณหลังใบหู 16 เข็ม

ตำรวจตรวจสอบภาพวงจรปิดบริเวณริมถนนใกล้ร้านดังกล่าว พบภาพคนร้ายมานั่งรออยู่บริเวณป้ายรถประจำทางเพื่อรอร้านเปิด ก่อนที่คนร้ายสวมหมวกกันน็อกเปิดประตูเข้ามาคนแรก มีลักษณะการเปิดประตูเข้ามาอย่างคล่องแคล่ว เหมือนเคยเข้ามาดูลาดเลาที่ร้านดังกล่าวแล้ว

หลังเกิดเหตุทั้งลูกจ้างหญิงและเจ้าของร้าน ให้การตรงกันว่า หนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุใส่น้ำหอมมาด้วย จำได้ว่าเคยมีลูกค้ารายหนึ่งมาดูของในร้าน แล้วใส่น้ำหอมกลิ่นเดียวกัน เลยเอากล้องวงจรปิดมาไล่ดูว่าลูกค้ารายนี้เป็นใคร

นายนพอนันต์ ภูษิตรุ่งโรจน์ จนมุม

ในที่สุดก็ทราบว่าคือ นายนพอนันต์ ภูษิตรุ่งโรจน์ อายุ 53 ปี โดยพบว่านายนพอนันต์เคยเข้ามาซื้อสมาร์ตทีวีแต่ใช้ไม่เป็น จึงให้พนักงานสอนอยู่เป็นเวลานาน จึงทำให้จดจำเสียงและกลิ่นน้ำหอมได้ นอกจากนี้ยังเป็นลูกค้าที่เคยนำแท็บเล็ตมาขายฝากกับทางร้าน จึงมีหลักฐานสำเนาบัตรประชาชนอยู่

ต่อมาวันที่ 25 เม.ย. ทำทีเข้ามาอ้างว่าใบฝากขายหาย และให้พนักงานค้นหาเอกสารให้ กระทั่งวันเกิดเหตุ นายนพอนันต์สวมหมวกกันน็อกเข้ามา โดยมีจุดสังเกตที่ทำให้จดจำได้คือ แววตา น้ำเสียง และกลิ่นน้ำหอม ทำให้รู้ว่าคนร้ายคือนายนพอนันต์

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติจนพบว่าเคยถูกจับกุมในท้องที่สน. หลักสองมาก่อน จึงตามแกะรอยจนสามารถติดตามไปจับกุมตัวได้ที่จังหวัดชัยภูมิ พร้อมของกลางที่ปล้นไปเป็นจำนวนมาก

ย้อนคดีจับ3โจรปล้นเพชร

คุมนายวุฒิชัย ล้านเหรียญทอง ทำแผนฯ

เมื่อจำนนทั้งพยาน หลักฐาน คำสารภาพก็พรั่งพรูออกมาจากปาก จนทราบว่าคนร้ายอีก 2 คนที่เหลือมี นายวุฒิชัย ล้านเหรียญทอง อายุ 32 ปี และ นายอาว จอ มู หรือ ต้นรัก อายุ 36 ปี ชาวพม่า

ต่อมาตำรวจติดตามจับกุมตัวนายวุฒิชัย พร้อมของกลางจำนวนหนึ่งได้ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อย่านอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ขณะที่นายอาว จอ มู ถูกจับกุมได้หลังหลบไปซ่อนอยู่แถบชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี

ย้อนคดีจับ3โจรปล้นเพชร

คุมนายอาว จอ มู ทำแผนฯ

สอบสวน นายอาว จอ มู สารภาพว่าเข้าเมืองไทยมารับจ้างเป็นคนงานตามไซต์งานต่างๆ ย่านกระทุ่มแบน และร่วมก่อเหตุปล้นร้าน ดังกล่าวจริง โดยทำหน้าที่กอดรัดผู้เสียหายให้ นายนพอนันต์ และนายวุฒิชัย ช่วยกันทำร้าย ก่อนจะช่วยกันโกยทรัพย์สินใส่กระเป๋าพากันหลบหนีออกมา

หลังก่อเหตุตนได้ส่วนแบ่งเป็นแหวน 5 วง นาฬิกา 1 เรือน นำไปฝากเพื่อนชื่อนายชาญไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า ได้เงินมา 12,000 บาท ใช้จ่ายระหว่างหลบหนีไปหมดแล้ว ก่อนถูกจับกุม

ทั้งสามถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์กระทำการโดยแสดงความทารุณเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป”

ย้อนคดีจับ3โจรปล้นเพชร

ขอบคุณตำรวจ

ส่วนของกลางที่ผู้เสียหายระบุเอาไว้ว่าถูกปล้นไปจำนวน 141 ชิ้น มูลค่าราว 4.7 ล้านบาทนั้น ตำรวจสามารถติดตามกลับมาได้แล้ว 108 ชิ้น ยังเหลือของกลางอีก 33 ชิ้น มูลค่าประมาณ 800,000 บาท ที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย อ้างว่าแบ่งกันนำไปขายแลกเงินมาใช้ระหว่างหลบหนี

อดิศร จิตตเสวี

อดิษัยต์ พรวนพิมพ์

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน