ผ่าปมฆ่าสยองเมืองน่าน มือปืนจ่อยิงแม่ลูกคาบ้าน ตร.แกะรอย-จับ2ผัวเมีย : สดจากสนามข่าว

ผ่าปมฆ่าสยองเมืองน่าน มือปืนจ่อยิงแม่ลูกคาบ้าน ตร.แกะรอย-จับ2ผัวเมีย : สดจากสนามข่าว – การสืบสวนคลี่คลายคดีฆาตกรรม ประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุนับว่าเป็นเบาะแสสำคัญที่ทำให้ทราบตัวคนร้ายและติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็ว แต่บางคดีที่ขาดประจักษ์พยาน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุ และฝีมือการสืบสวนเป็นสำคัญ

เช่นคดีสยองที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.วุฒิชัย แช่มช้อย ผกก.สภ.เชียงกลาง นำกำลังตำรวจ พร้อมแพทย์เวร โรงพยาบาลเชียงกลาง จนท.ตร.พฐ.จ.น่าน ไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 52 บ้านผาน้ำย้อย หมู่ที่ 5 ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว

ภายในห้องนอน พบผู้เสียชีวิต 2 ราย คือนางศรีวรรณ ยอดอ่อน อายุ 45 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้า ใส่เสื้อสีเทา สวมกางเกงนอน มีผ้าห่มสีชมพูปกคลุมร่าง บริเวณใบหน้า ศีรษะ ถูกกระแทกด้วยของแข็ง และข้างที่นอนพบศพ ด.ญ.พิชญยดา พรหมเกษา หรือน้องแพม อายุ 7 ขวบ สภาพศพนอนหงาย ใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงนอนขายาว คลุมผ้าห่มสีแดงครึ่งตัว บริเวณศีรษะถูกกระแทกด้วยของแข็งเช่นกัน คาดว่าทั้ง สองเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง จึงให้ทางกู้ชีพ กู้ภัย อบต.พญาแก้ว นำศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ศพ นำส่งผ่าชันสูตรที่โรงพยาบาลจังหวัดแพร่ให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

จากการสอบถามนายสนั่น บุญตัน ผู้ใหญ่บ้านผาน้ำย้อย ให้การว่าผู้ตายเป็นครูอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านผาน้ำย้อย โดยพักอยู่กับลูกและสามีชื่อนายพรหมพิพัฒน์ พรมเกษา อายุ 43 ปี ชื่อเล่นพัด อาชีพช่างไฟฟ้า อดีตเคยเป็นทหารพรานอยู่ปัตตานี ลาออกได้ประมาณ 2 ปี ซึ่งหายตัวไป

ต่อมาจากการผ่าชันสูตรโดยละเอียด แพทย์พบว่านอกจากร่องรอยถูกทุบที่ศีรษะแล้ว เหยื่อทั้ง 2 รายยังถูกยิงด้วยกระสุนขนาด .22 พบมีกระสุน .22 ฝังอยู่ในศีรษะทั้งคู่

คดีนี้ไม่มีพยานที่เห็นว่าใครเป็นคนร้าย เบาะแสแรกจึงพุ่งเป้าไปที่สามีที่หายตัวไป ชุดสืบสวนออกติดตามหาตัวจนในที่สุดก็สามารถควบคุมตัวได้ พร้อมอาวุธปืนแก๊ปและกระสุนปืน .22 หลายนัด จึงแจ้งข้อหามีอาวุธปืนเถื่อนไว้ในครอบครอง ก่อนนำตัวมาสอบสวนในคดีที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าเมียและลูก

คุมตัวนายอนันต์ คชสาร ผู้ต้องหา

แม้จะสอบเค้นอย่างหนัก แต่นายพรหมพิพัฒน์ก็ยืนยันปฏิเสธว่าไม่ใช่คนร้ายที่ฆ่าเมียและลูก โดยอ้างว่าวันเกิดเหตุไปทำงานอยู่ที่อำเภอเมือง มีพยานยืนยันที่อยู่ได้ ทำให้คดีที่เหมือนจะปิดลงได้ง่ายๆ กลับผิดคาด ชุดสืบสวนจึงต้องกลับมาเริ่มตรวจสอบหลักฐานกันใหม่

พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.สัณห์ โพธิ์รักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.น่าน ลงมาควบคุมการสืบสวน สั่งเร่งติดตามคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ตำรวจตามแกะรอยจนพบว่าหลังเกิดเหตุ คนร้ายนำโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปทิ้งอยู่ในห้องน้ำปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ใน ต.ทุ่งโฮ้ง อ.เมือง จ.แพร่ จึงตามไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนพบผู้ต้องสงสัยเป็น 2 คนขับรถกระบะมาสด้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียนป้ายแดง ก-1574 ระยอง ซึ่งผู้ครอบครองคือ น.ส.จรัสพร กลิ่นหอม อายุ 36 ปี ชาว ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี

จากพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย เทียบเคียงกับเส้นทางการใช้รถของ น.ส.จรัสพร มีเส้นทางและระยะเวลาที่ตรงกัน ประกอบกับการสืบสวนพยานแวดล้อม เห็น น.ส.จรัสพรกับชายอีกคนเข้ามาให้พื้นที่ อ.เชียงกลาง จ.น่าน และมีการเข้าพักใน อ.ท่าวังผา ในวันที่ 17 เม.ย. ก่อนวันเกิดเหตุฆาตกรรม

เวลา 14.30 น. วันที่ 10 พ.ค. ชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรจังหวัดน่าน นำกำลังบุกจับกุมตัว น.ส.จรัสพร และ นายอนันต์ คชสาร อายุ 54 ปี ชาว ต.พระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ที่ห้องพักเลขที่ 4 หอพักแห่งหนึ่งใน ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระบุรี ตามหมายจับของศาลจังหวัดน่าน (สาขาปัว) หมายจับที่ 21/2562 ลงวันที่ 7 พ.ค. 2562

พร้อมตรวจยึดของกลาง 15 รายการ ทั้งโน้ตบุ๊ก สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์ บัตรเอทีเอ็ม ที่สำคัญคือหนังสือสัญญาจ้างก่อสร้างบ้าน ระหว่าง น.ส.จรัสพร กับนางศรีวรรณ ผู้ตาย ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงความเชื่อมโยงกันของทั้งสองคน

บ้านที่เกิดเหตุ

เมื่อจำนนต่อหลักฐาน น.ส.จรัสพรสารภาพว่าเป็นคนลงมือเหนี่ยวไก สังหาร 2 แม่ลูกด้วยตนเอง สามีแค่ขับรถให้เท่านั้น ส่วนสาเหตุมาจากเคยมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง โดยรับจ้างก่อสร้างบ้านให้ผู้ตายเมื่อปี 2557 แต่ถูกผู้ตายตำหนิว่างานก่อสร้างไม่ดี ไม่เรียบร้อย จนทะเลาะกันรุนแรง ผู้ตายไม่พอใจจึงโพสต์ข้อความต่อว่าผ่าน สื่อโซเชี่ยล

เป็นเหตุให้ตนขาดความน่าเชื่อถือไม่มีผู้ว่าจ้างงานอีก ตนตกอับเลยก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง จนถูกจับกุมเข้าเรือนจำ ส่วนนายอนันต์ที่ติดคุกข้อหาฆ่าคนตาย เห็นข่าวได้เขียนจดหมายมาให้กำลังใจขณะอยู่ในคุก หลังพ้นโทษจึงออกมาจึงมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ส่วนแผนการทั้งหมดตนเป็นคนคิดเนื่องจากแค้นที่ ผู้ตายทำให้ชีวิตต้องพังลง

ทบทวนดูให้ดีๆ ใครกันแน่ที่ทำให้ ชีวิตพัง ถ้ามัวแต่โทษคนอื่นก็ไม่มีวันเห็นความจริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน