ย้อนคดีสยองพรหมพิราม ลูกจ้างโหดฆ่า–เผาผัวเมีย จับทันควัน–ซ่อนบนต้นไม้
คอลัมน์ – สดจากสนามข่าว
ลูกจ้างโหดฆ่า-เผาผัวเมีย – ควันไฟที่คุกรุ่นภายในร้านซ่อมท่อ สูบน้ำแห่งหนึ่งใน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ทำให้ชาวบ้านใกล้เคียงต้องรีบรุดมาดูด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าเจ้าของร้าน 2 ผัวเมียนั้นอายุมากแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าควันดังกลายเป็นที่มา ของคดีสยองพรหมพิราม
วันที่ 18 พ.ค. พ.ต.ท.ชูชีพ พุ่มเฉี่ยว สว.(สอบสวน) สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งมีเหตุฆาตกรรมเผาโหดเจ้าของร้านซ่อมท่อสูบน้ำ เลขที่ 212 หมู่ 15 บ้านทุ่งสาน ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ. สรกฤษณ์ น่วมด้วง ผกก.สภ.พรหมพิราม กำลังตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่วิทยา การศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวร โรงพยาบาลพรหมพิราม และเจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพา
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว หน้าบ้านเปิดเป็นร้านรับซ่อมท่อสูบน้ำ จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต 2 รายสภาพถูกเผาด้วยถ่านยัดอยู่ในอ่างน้ำภายในห้องน้ำหลังบ้าน ทราบชื่อต่อมาคือ นางประเสริฐ พันสง่า อายุ 83 ปี และ นายสำเริง แก้วปาน อายุ 61 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของอู่ดังกล่าว โดยศพทั้งคู่นอนทับกันไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโก และยังมีกลุ่มควันคละคลุ้งทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบของแพทย์และพฐ. พบนายสำเริงมีบาดแผลถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะจนยุบ โดยพบค้อนและมีดเปื้อนเลือดพร้อมกับน้ำมันที่ใช้สำหรับเผาอำพรางศพอยู่ภายในอู่
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุมีชายแปลกหน้ามาพักอาศัยอยู่ 1 อาทิตย์ แต่หลังเกิดเหตุได้หายตัวไป
พ.ต.อ.นฤชากล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้คือ นายประเสริฐ บัวไพรจิตร อายุ 61 ปี ชาว จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นลูกจ้างที่มาขออาศัยอยู่ภายในร้านกับผู้เสียชีวิตได้ไม่นาน คาดว่าอาจเข้ามาอาศัยด้วยเพื่อขอทำงาน
โดยชาวบ้านบอกว่าเคยเห็นรูปร่างหน้าและลักษณะเป็นชายร่างเล็ก ผิวขาว ส่วนจะเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆาตกรรมหรือไม่ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาสอบปากคำโดยเร็วที่สุด เนื่องจากหลังเกิดเหตุหายไปอย่างปริศนา
ตำรวจคาดว่าฆาตกรโหดรายนี้ยังคงหลบหนีไปได้ไม่ไกลโดยดูจากภาพกองไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ ชุดสืบสวนจึงกระจายกำลังสกัดจับตามเส้นทางการหลบหนีไว้ทุกเส้นทาง
ขณะที่ นางอินทวี พันสง่า อายุ 53 ปี ลูกสาวของนางประเสริฐ เปิดเผยว่า แม่ได้อยู่กินกับนายสำเริง ซึ่งเป็น พ่อเลี้ยงมาหลายปีแล้ว ทั้งคู่รักใคร่กันดีช่วยกันทำงานที่ร้านแห่งนี้มานานแล้ว ส่วนตนก็จะแวะเวียนมาหาบ้างเพราะมีครอบครัวไปอาศัยอยู่คนละแห่งกัน ทราบว่าไม่นานมีชายแปลกหน้ามาขออยู่กับแม่และพ่อเลี้ยงด้วย แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
กระทั่งวันนี้มีชาวบ้านมาบอกว่าที่บ้านมีกลุ่มควันและกลิ่นเหม็นเหมือนเนื้อไหม้ลอยออกมา ตนจึงรีบมาดูพร้อมเข้าไปตรวจสอบ ก่อนพบภาพอันน่าสลดหดหู่ พบศพถูกฆ่าเผาด้วยถ่านอยู่ในอ่างน้ำหลังบ้าน คาดว่าน่าจะเป็นแม่และพ่อเลี้ยงของตนอย่างแน่นอน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
เย็นวันเดียวกันนั้นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ก็สามารถควบคุมตัวนายประเสริฐได้ หลังพยายามหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่สภ.พรหมพิราม
พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.ภ. จว.พิษณุโลก พร้อม พ.ต.อ.สรกฤษณ์ น่วมด้วง ผกก.สภ.พรหมพิราม และ พ.ต.ท.ชูชีพ พุ่มเฉี่ยว สว.(สอบสวน) สภ.พรหมพิราม เจ้าของคดี ร่วมสอบปากคำ
นายประเสริฐให้การรับสารภาพโดยอ้างว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านายจ้างสองผัวเมียจริง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาได้นั่งดื่มเบียร์กับนายจ้างแล้วมีการทวงถามเรื่องค่าจ้างเป็นเงิน 2,500 บาท แต่กลับถูกนายสำเริงต่อว่าและด่าทอ แล้วใช้ท่อแป๊บตีเข้าที่คอตนอย่างแรง ด้วยความโมโหจึงใช้ค้อนปอนด์ที่วางอยู่ในอู่ตีศีรษะนายสำเริงไป 1 ครั้งจนล้มลง แล้วตีซ้ำอีก 1 ครั้ง จนร่างแน่นิ่งไป ส่วนนางประเสริฐ ภรรยาของเจ้าของร้าน เห็นตน ใช้ค้อนปอนด์ฆ่าสามี ก็จะเข้ามาช่วยตัวเองจึงใช้ค้อนปอนด์ตี ที่ศีรษะจนตายตามไปอีกคน
ลูกจ้างโหดเล่านาทีเผาทำลายศพว่า หลังใช้ค้อนทุบจนทั้งคู่เสียชีวิต จากนั้นได้อุ้มศพนายสำเริงไปใส่ไว้ในอ่างอาบน้ำหลังบ้าน แล้วนำศพ นางประเสริฐไปวางทับซ้อนกัน
เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่จึงออกไปหาถ่านมาทำเป็นฟืน แล้วใช้น้ำมันราดจุดไฟเผากะจะทำลายศพให้หมด แต่มีชาวบ้านละแวก ใกล้เคียงได้กลิ่นเหม็นไหม้พากันออกมาดู
ตนจึงหลบหนีไปกลางทุ่งนาที่อยู่ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 1 ก.ม. แล้วปีนขึ้นไปหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นคางที่สูงจากพื้นกว่า 3 เมตร รอจนเย็นจึงลงมาและจะหนีออกนอกพื้นที่ แต่ก็ไม่รอดสายตาของตำรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่า ผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมในคดีชิงทรัพย์ในพื้นที่ จ.เชียงราย และมีคดีลักทรัพย์ที่ จ.อุดรธานี นอกจากนี้ยังมีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวชเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งของ จ.อุดรธานี เพิ่งไปรับยามาเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งจะต้องนำตัวไปตรวจหาสารอื่นๆ ในร่างกายใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี
เบื้องต้นลูกจ้างโหดถูกแจ้งข้อหาฆ่า ผู้อื่นโดยเจตนาและอำพรางซ่อนเร้นศพก่อนคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป