แฟ้มคดี : ย้อนคดีฟันหัวอริถึงรพ.2ผกก.ไม่รอด–เด้งทันทีผวาลามหนัก–เกิดถี่ยิบจี้หามาตรการล้อมคอก
ย้อนคดีฟันหัวอริถึงรพ.2ผกก.ไม่รอด : เป็นอีกเหตุที่เริ่มลุกลามบานปลาย จนหวั่นว่าจะกลายเป็นแฟชั่นตามสมัยนิยม
สำหรับกรณีการบุกทำร้ายคู่อริถึงห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เกิดจากความอารมณ์ค้าง เมื่อมีเรื่องกันข้างนอก แล้วคู่อริ หรือเพื่อนที่บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล ก็ตามมากันจนเจอแล้วเกิดวิวาทขึ้นอีกรอบ
แม้จะเข้าใจได้ในอารมณ์ที่ขุ่นมัว แต่ในเรื่องสถานที่ต้องยอมรับว่าไม่มีความเหมาะสม ซึ่งนอกจากการบังคับใช้กฎหมาย จำเป็น อย่างยิ่งที่จะต้องถามหาถึงจิตสำนึก
ตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ยิ่งเหตุการณ์ล่าสุดที่ จ.อุบลราชธานี นอกจากบุกทำร้ายร่างกาย ฟันหัวเหวอะเป็นแผลแล้ว ยังส่งผลถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่มูลค่าสูงถึงกว่า 2 แสนบาท ต้องเสียหายไปด้วย
นอกจากกระทบกับตัวเองแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะลามไปถึงการเด้งผกก.สภ.ในพื้นที่ รวมทั้งที่ยโสธรที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน
ได้แต่หวังว่านอกจากลงโทษตำรวจเจ้าของพื้นที่แล้ว
จะมีมาตรการอื่นๆ ล้อมคอกไม่ให้เกิดเช่นนี้อีก
หนุ่มฟันหัวอริถึงห้องฉุกเฉิน
สำหรับเหตุความรุนแรงในโรงพยาบาล ที่เกิดขึ้นล่าสุดจนส่งผลให้ผกก.สถานีตำรวจที่รับผิดชอบ นั่นก็คือ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน แต่คนละสถานที่ โดยเหตุนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล เหล่าเสือโก้ก อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี
โดยเมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 19 พ.ค. เกิดเหตุชายฉกรรจ์คนหนึ่ง บุกเข้าใช้มีดอีโต้ ฟัน นายปรีดา ดวงเพชร อายุ 27 ปี ที่เข้ามาทำแผลในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
เครื่องมือแพทย์พังยับ
โดยชายฉกรรจ์คนดังกล่าวใช้มีดฟันศีรษะนายปรีดา ถูกเข้าที่หน้าและหัว รวม 3 แผล ยาวประมาณ 12 เซนติเมตร ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเงื้อมมือฟันอีกครั้ง แต่ทีนี้นายปรีดา ใช้เครื่องวัดการเต้นของหัวใจ และวัดความดันออกซิเจน ที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน เข้ามาบัง มีดอีโต้จึงไปถูกเครื่องพังเสียหาย ขณะที่ชายคนที่ก่อเหตุ หลังจากพังเครื่องมือแพทย์ ก็หยุดเข้าไปทำร้ายนายปรีดา และเดินออกไปรอข้างหน้าห้องฉุกเฉิน เพื่อรอมอบตัวกับตำรวจ
ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่าชายที่ก่อเหตุคือ นายธนกฤติ มุ้งพร อายุ 41 ปี ชาวบ้านโพนเมือง ต.โพนเมือง อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี
ซึ่งก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันกับนายปรีดา ผู้บาดเจ็บนั่นเอง
สำหรับสาเหตุที่แค้นเคืองถึงขั้นบุกเข้ามาก่อเหตุ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ที่หมู่บ้านโพนเมือง จัดให้มีงานประจำปี ว่าจ้างหมอลำซิ่งมาแสดง ระหว่างการแสดง กลุ่มนายปรีดาไปมีเรื่องกันวัยรุ่นในหมู่บ้านเดียวกัน จนเกิดการชกต่อยกันขึ้น
ตะลุมบอนที่เลิงนกทา
นายธนกฤติ ในฐานะรุ่นใหญ่ของหมู่บ้าน และเป็นผู้จัดงาน จึงขึ้นเวทีประกาศให้เลิกทะเลาะวิวาทกัน เพราะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน หากอยากชกต่อยให้มามีเรื่องกับตนแทน หลังจากประกาศนาย ธนกฤติก็เดินลงมาจากเวทีหมอลำ แต่แทนที่เรื่องจะสงบ นายปรีดา ที่ยังอารมณ์ขึ้น กระโดดเตะเข้าที่สีข้างซ้าย 1 ครั้ง ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นที่เป็นลูกน้องนายธนกฤติจะเข้ามาตะลุมบอนกันต่อ
เหตุการณ์ที่หมู่บ้านจบลงด้วยนายปรีดา ถูกขวดเบียร์ตี ศีรษะแตก จึงนำตัวส่งไปเย็บแผลที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ
ฝั่งนายธนกฤติ ที่โมโหเพราะถูกลูบคม และหยามหน้ารุ่นใหญ่ ก็ขับรถกระบะตามมา แล้วตรงเข้ามาในห้องฉุกเฉิน สั่งสอนว่าเป็นรุ่นน้องกล้าทำร้ายรุ่นพี่ แล้วใช้อีโต้ฟันบาดเจ็บ สุดท้ายเมื่อหายโกรธก็ยืนรอมอบตัว
ส่วนเครื่องมือแพทย์มูลค่า 2.2 แสนบาท ก็พร้อมจะชดใช้ให้
เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นจริงๆ
บานปลายสั่งเด้งด่วน 2 ผกก.
อีกเหตุหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลาตี 3 เช่นเดียวกัน ที่โรงพยาบาลพระยุพราช เลิงนกทา อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร โดยผู้ก่อเหตุครั้งนี้คือนายคณิน คูพรรคสกุล อายุ 26 ปี ซึ่งลงมือทำร้ายนายแสนชัย จันดี อายุ 59 ปี ชายพิการ ซึ่งไม่ได้เป็นคู่กรณีอะไรด้วยเลย เพียงแต่นาย แสนชัยมารอรับญาติ ที่ทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่มวัยรุ่นภายในงานบั้งไฟประจำปี
โดยก่อนเกิดเหตุมีเหตุทำร้ายร่างกายกันขึ้นภายในงานประเพณีบุญบั้งไฟบ้านโคกสูง ต.สามัคคี อ.เลิงนกทา โดยมีชายอายุ 39 ปี ถูกตีที่ศีรษะเป็นแผลยาว เจ้าหน้าที่กู้ภัยเลยนำตัวส่งโรงพยาบาลพระยุพราชเลิงนกทา
แต่ขณะที่ผู้บาดเจ็บรักษาตัวในห้องฉุกเฉิน ก็มีกลุ่มวัยรุ่นกว่า 10 คน ตามมาถึงที่โรงพยาบาล และเมื่อเจอกับกลุ่มญาติ ก็ลงมือตะลุมบอนกัน จนเป็นเหตุให้นายแสนชัยบาดเจ็บ
เมื่อเช็กวงจรปิด ก็พบภาพนายคณิน เป็นคนทำร้ายนายแสนชัย ด้วยการต่อยเข้าที่ใบหน้า ก่อนที่จะหลบหนีไป ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่อยู่บริเวณดังกล่าวจะสกัดจับ แต่ก็ไม่เป็นผล ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้
ต่อมาวันที่ 20 พ.ค. นายคณิน เข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ
ทำแผนที่อุบล
และไม่จบเพียงแค่นั้น พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 ยังมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.อุดร มณีสาย ผกก.สภ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี ไปประจำการที่ ศปก.ภาค 3 เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.นี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ยังมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ฆนรพ รัตนไกร ผกก.เลิงนกทา ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ภ.จว.ยโสธร เป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากไม่สามารถระงับเหตุได้ทันท่วงที
ส่วนการป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้จะต้องมีการประชุมบูรณาการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อน
ขณะที่พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ขอฝากเตือนไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่มักใช้ความคึกคะนองและอารมณ์ในการตัดสินแก้ไขปัญหา ไม่เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง และฝากผู้ปกครองช่วยใส่ใจดูแลอบรมบุตรหลาน ปลูกฝังการตระหนักคิดให้รอบคอบและหาทางออกอย่างสันติวิธี เพราะหากได้กระทำลงไปโดยไม่ทันยั้งคิดแล้วย่อมมีความผิดและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด
ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่มีมาตรการในการป้องกันเหตุในลักษณะนี้ การออกตรวจตรา การบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทุกคดี ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม ตามหลักกฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ และต้องสามารถนำผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็ว เพื่อเยียวยาความเสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและสังคม
ต้องหามาตรการไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ย้อนเหตุรุนแรงในโรงพยาบาล
ทั้งนี้ 2 กรณีนี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรก แต่มีมาตลอด โดยเฉพาะช่วงเทศกาล ทั้งงานบุญ สงกรานต์ และปีใหม่ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อกลางดึกวันที่ 10 เม.ย. 2562 ก็เกิดเหตุวัยรุ่นที่ไปเที่ยวงานฉลองชัยชนะของท้าวสุรนารี ที่หน้าที่ว่าการอำเภอห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ก็เกิดชกต่อยกัน แล้วนำตัวผู้บาดเจ็บมารักษาที่โรงพยาบาลห้วยแถลง
แต่ก็เกิดเหตุตะลุมบอน เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายมาเจอกันอีกที่หน้าห้องฉุกเฉิน จนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต้องหลบหนีลูกหลงกันจ้าละหวั่น
ผลของเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่จับกุม 4 หัวโจกที่นำพวกรุมทำร้ายกับเยาวชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวให้การว่าเขม่นกันภายในงาน แล้วมีเรื่องวิวาทกัน จนบาดเจ็บพาพวกมาที่โรงพยาบาล เมื่อมาถึงก็เกิดมองหน้ากันอีก และพยายามให้พยาบาลและแพทย์มาดูแลช่วยเหลือพวกของตนที่บาดเจ็บ จนเกิดกระทบกระทั่งเพราะควบคุมอารมณ์ไม่ได้
อาวุธมีดของกลาง
นอกจากนี้เมื่อคืนวันที่ 15 เม.ย.2562 ก็เกิดกลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกัน ภายในงานสงกรานต์ ในพื้นที่อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบ คีรีขันธ์ ก่อนจะพาผู้บาดเจ็บมารักษาที่โรงพยาบาลบางสะพานน้อย และก็เกิดเหตุเช่นเดียวกัน เมื่อวัยรุ่น 2 กลุ่มมาเผชิญหน้ากันอีก คราวนี้มีการใช้พระพุทธรูปที่ทางโรงพยาบาลวางไว้ให้ประชาชนสรงน้ำพระ เป็นอาวุธทำร้ายร่างกาย คดีนี้จับกุมดำเนินคดีได้ทั้งหมด 9 ราย
และเป็นเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์เช่นเดียวกัน แต่คราวนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เมื่อกลุ่มวัยรุ่นเกิดมีเรื่องกันในงานสงกรานต์ และตามมาวิวาทกันถึงโรงพยาบาล งานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ 11 รายดำเนินคดี
อีกเหตุหนึ่งเกิดขึ้นที่ร.พ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 13 เม.ย. เมื่อ 2 วัยรุ่นที่เป็นเยาวชน รุมทำร้ายคู่อริจนเลือดคั่งในสมอง โดยก่อเหตุในโรงพยาบาล เนื่องจากวัยรุ่นอายุ 17 ปี โกรธแค้นที่แฟนสาวเลิกราไปคบกับหนุ่มอื่น จึงไปดักทำร้ายที่ตลาดนัด ก่อนตามไปทำร้ายร่างกายอีกครั้งที่โรงพยาบาล พร้อมพวกอีก 1 คน งานนี้ตร.จับกุมได้ทั้ง 2 คน
นี่เป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้นที่เกิดความรุนแรงขึ้นในโรงพยาบาล
ซึ่งเป็นปัญหาว่าจะหามาตรการป้องกันอย่างไร
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
