คำสารภาพเมีย-ฆ่าอบต.เย๋ จ่อยิงตอนหลับ-อุ้มฝังดิน ลูกบุกร้อง‘บิ๊กอวบ’คลี่คดี
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
คำสารภาพเมีย-ฆ่าอบต.เย๋ : สดจากสนามข่าว – เป็นเวลาเกือบเดือนที่ครอบครัวพยายามติดตาม หาตัว นายทรงศักดิ์ เพิ่มสุข อายุ 46 ปี หรือ อบต.เย๋ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลวังใหม่ อ.นายายอาม จ.จันทบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมาด้วยความร้อนใจ ภายหลังเจ้าตัวไปพักอยู่ที่บ้านภรรยาอีกคน ที่อยู่กินมาเกือบ 10 ปี ที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
กระทั่ง นายปฤษฎางค์ เพิ่มสุข ลูกชาย ตัดสินใจเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. เพื่อให้ช่วยติดตามค้นหาพ่อ ความจริงที่น่า สะพรึงกลัวจึงปรากฏขึ้น
นางเบญจวรรณ ไทยเจี่ย มือฆ่า
ภายหลังการหายตัวไปของอบต.เย๋ นายปฤษฎางค์ลูกชายได้เข้าแจ้งตำรวจ สภ.ท่าใหม่ พร้อมออกตามหาผู้เป็นพ่อ ร่วมทั้งประกาศในโลกโซเชี่ยลช่วยเป็นเบาะแส นอกจากนั้นยังได้ไปสอบถามกับนางเบญจวรรณ ไทยเจี่ย ภรรยาใหม่ของพ่อ ที่อ้างว่ามีชายขับรถกระบะ 4 ประตูมารับ อบต.เย๋ ออกไปกลางดึกวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยบอกว่าจะไปดูงาน จากนั้นก็หายตัวไปติดต่อไม่ได้อีกเลย
ขณะที่ตำรวจตรวจสอบภาพวงจรปิด พบว่าช่วงบ่ายวันที่ 15 เม.ย. อบต.เย๋ขับรถฟอร์จูนเนอร์มาจอดหน้าบ้าน โดยนางเบญจวรรณลงจากรถมาเปิดประตูรั้ว แล้วขับถอยเข้าบ้าน จนถึงช่วงค่ำวันเดียวกันไม่มีรถใครขับมารับตามที่นางเบญจวรรณอ้าง แต่พบภาพนางเบญจวรรณขับรถออกไปคนเดียว โดยอ้างว่าไปนอนค้างกับลูกที่เกิดกับสามีเก่า และยังยืนยันว่ามีคนมารับตัว อบต.เย๋ ออกไป แต่ไม่ทราบว่าทำไมกล้องไม่สามารถบันทึกภาพได้
ขุดศพส่งชันสูตร
ตำรวจยังได้ข้อมูลอีกว่า ทราบว่าบ้านหลังดังกล่าว รถ รวมถึงทรัพย์สมบัติอื่นๆ นางเบญจวรรณได้นำไปขายโดยไม่ได้บอกครอบครัวของฝ่ายชายทราบมาก่อนด้วย
ชุดสืบสวนฟันธงว่าที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถ จับภาพชายที่มารับอบต.เย๋ไป ก็มาจากสาเหตุเดียว คือไม่มีคนมารับตัวไปตามที่กล่าวอ้าง ฉะนั้นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งจึงหนีไม่พ้นนางเบญจวรรณ ซึ่งอยู่กับอบต.เย๋ เป็นคนสุดท้ายนั่นเอง
16.00 น. วันที่ 14 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน ผบก.ภ.จว.จันทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพทูรย์ ปาปะคัง ผกก.สภ.ท่าใหม่ นำกำลังพร้อมรถ แบ๊กโฮ เดินทางไปที่บริเวณแปลงปลูกทุเรียน พื้นที่ซอยฟาร์มไก่ ม.2 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จนพบศพของอบต.เย๋ ถูกฝังอยู่ใต้ดินตามคำให้การของนางเบญจวรรณ
พล.ต.ต.วัฒนา เผยว่าหลังสอบปากคำนานหลายชั่วโมง นางเบญจวรรณยอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุ เนื่องจากมีปัญหาระหองระแหงหลายเรื่องกับผู้ตาย ทั้งเรื่องปัญหาการเงิน ที่ดินแปลงนี้ ที่นำเงินมาซื้อเก็บไว้ ประมาณ 10 ไร่ พื้นที่ซอยฟาร์มไก่ หมู่ 2 ต.ทุ่งเบญจา และเกรงจะไปมีคนใหม่จึงชิงลงมือก่อน จากนั้นจึงร่วมกับนายวัชรพงศ์ ไทยเจี่ย อายุ 36 ปี น้องชาย นำศพมาฝังที่ที่ดิน ดังกล่าว ก่อนใช้รถแบ๊กโฮตักดินกลบ
นางเบญจวรรณสารภาพว่า ชนวนสาเหตุที่ลงมือฆ่า มาจากเรื่องที่ตนแอบไปซื้อที่ดินจำนวน 3 ไร่เศษ (จุดฝังศพ) พร้อมปรับสภาพเตรียมสร้างแปลงปลูกทุเรียน โดยหวังว่า เมื่อปลูกทุเรียนเสร็จเรียบร้อย จะหวังเซอร์ไพรส์สามี ว่าตนเองเก่ง สามารถทำสวนผลไม้ได้เอง
แต่กลับถูกบุคคลที่ 3 โทรศัพท์ไปฟ้องนายทรงศักดิ์ ว่าตนแอบขายทรัพย์สินที่สร้างร่วมกันมา เช่น บ้าน แอบไปซื้อที่ดินเก็บไว้เอง หลังสามีทราบเรื่องจึงเกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน เพราะระแวงว่าตนเอาเงินไปให้ชายอื่น จนถึงขั้นขู่ฆ่าตนพร้อมกับลูกชายวัยเพียง 9 ขวบ ทำให้ตนเองรับไม่ได้
กระทั่งวันที่ 15 เม.ย. หลังกลับมาจากกินข้าวนอกบ้าน ขากลับได้แวะซื้อเบียร์มากิน จนเวลาประมาณ 21.00 น. ตนอาศัยช่วงที่นายทรงศักดิ์นอนหลับอยู่บนโซฟา จึงเอาหมอนมารองที่ท้ายทอย ซึ่งนายทรงศักดิ์ ที่นอนหงายหนุนหมอนบนพนักพิงแขนของโซฟา แล้วไปหยิบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด.38 ไม่มีทะเบียน ซึ่งตนเองซื้อเก็บไว้ป้องกันตัว จากในห้องนอน ออกมาจ่อยิงผ่านหมอน
แต่นัดแรกนัดกระสุนด้าน ครั้งที่ 2 ปืนก็ยังไม่ลั่นเนื่องจากติดผ้า จึงเดินไปยกมือขึ้นอธิษฐานต่อรูปหน้าพ่อตัวเองที่เสียชีวิตไปแล้ว พร้อมกล่าวว่า หากครั้งที่ 3 ยังไม่สามารถฆ่านายทรงศักดิ์ได้ คนที่ตายคือตนเองกับลูกชาย ก่อนตัดสินใจจ่อปืนลั่นกระสุนผ่านหมอนอีกครั้ง นัดนี้สำเร็จ กระสุนเจาะทะลุศีรษะ ทำให้นายทรงศักดิ์เสียชีวิตคาโซฟา ซึ่งขณะก่อเหตุ ลูกชายนอนหลับอยู่ในห้องด้วย
ทำแผนฯร่วมฝังศพ
นางเบญจวรรณรับสารภาพอีกว่า หลังก่อเหตุแล้ว ประมาณเที่ยงคืน ได้พาลูกชายที่นอนหลับอยู่ไปนอนบ้านของลูกชายคนแรกที่เกิดจากแฟนคนเก่า ที่หมู่บ้านการเคหะ 2 อ.เมืองจันทบุรี โดยทิ้งศพนายทรงศักดิ์ไว้ในบ้าน พร้อมเปิดแอร์ปรับอุณหภูมิเพื่อรักษาสภาพศพ ก่อนที่ในเช้าของวันที่ 16 เม.ย. ได้โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากนายวัชรพงศ์ น้องชาย ให้โทรศัพท์ไปหาพี่ชายอีกคนที่ประกอบธุรกิจรับเหมา เพื่อขอยืมรถแบ๊กโฮเล็ก อ้างว่าจะนำมาฉุดลากรถที่ติดหล่มในที่ดินที่เกิดเหตุ จากนั้นนายวัชรพงศ์นำรถแบ๊กโฮมาขุดหลุมรอไว้
จนเวลาประมาณ 24.00 น. คืนวันที่ 16 เม.ย. จึงนำศพผู้ตายใส่รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ของผู้ตาย ขับไปยังที่ดินที่ขุดหลุมเตรียมไว้ ก่อนช่วยกันลากศพโยนทิ้งลงไปในหลุมที่ลึกกว่า 3 เมตร และนายวัชรพงศ์ขึ้นขับรถแบ๊กโฮฝังศพ แล้วก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งถูกตำรวจเข้าจับกุม
พล.ต.ต.วัฒนากล่าวอีกว่า ชนวนการก่อเหตุ ทางตำรวจยังไม่ตัดประเด็นเรื่องชู้สาว เนื่องจากการสืบสวนในเชิงลึกพบว่าต่างฝ่ายต่างจับได้ว่าแอบคบซ้อนทั้งคู่ โดยหากพบว่ายังมีผู้ที่ส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
สดจากสนามข่าว โดย อธิคม สิงขรณ์ เรื่อง/ภาพ
..อ่าน..
