ตร.ปิดคดี ฆ่าเผาสาว 18 หาย 4 วันเป็นศพริมถนน ‘ไอ้ฤทธิ์’เพื่อนผัว–ลงมือ
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
เรื่อง/ภาพโดย สุรชัย ส้มเกลี้ยง, ธนภัทร ชีระจินต์
ตร.ปิดคดีฆ่า–เผาสาว 18 – ภายหลังครอบครัวพยายามตามหา อยู่นาน 4 วัน ในที่สุดก็พบ น.ส.จรินยา ช่วยพยัคฆ์ อายุ 18 ปี แต่ก็เป็นการพบเพียงร่างไร้วิญญาณ ซ้ำยังอยู่ในสภาพชวนสยอง
ย้อนไปเมื่อวันที่ 17 พ.ค. พ.ต.ท.ไพฑูรย์ อินวงศ์ สว.(สอบสวน) สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุพบศพพร้อมรถจยย.ถูกไฟไหม้ อยู่ในป่าข้างทางถนนสายควนราชา–ห้วยโศก หมู่ 12 ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8
ที่เกิดเหตุพบศพ น.ส.จรินยา ช่วยพยัคฆ์ หรือ น้องปลา อายุ 18 ปี ชาว ต.ทุ่งกง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เสียชีวิตในลักษณะถูกไฟเผาไหม้เกรียมทั้งตัว ขา–แขนด้านซ้ายหัก และกะโหลกด้านซ้ายมีรอยร้าว ด้านบนมีรถจยย.ฮอนด้าเวฟ ทะเบียน กบษ 382 สุราษฎร์ธานี ถูกไฟไหม้ทั้งคันทับร่างผู้ตายอยู่
นายวิทยา ปานรินทร์ อายุ 50 ปี มีศักดิ์เป็นอาของผู้ตาย ทราบว่าหลานสาวแต่งงานได้ 5 เดือน และมาอยู่ที่บ้านสามีทำอาชีพรับซื้อน้ำยาง ก่อนหายออกจากบ้านสามี ซึ่งอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่าน หลังจากที่หลานหายไป ญาติได้ออกตามหาและได้โพสต์เฟซบุ๊กตามหา รวมทั้งสอบถาม นายสรายุทธ คงคล้าย อายุ 35 ปี สามีผู้ตาย ทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะกัน แต่ตัวสามีกลับบอกว่าไม่ต้องไปแจ้งความคนหาย ก่อนที่ญาติ ได้เดินทางไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.กาญจนดิษฐ์
พ.ต.อ.สมบัติกล่าวว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานและลักษณะ การเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ให้น้ำหนักไปทางถูกฆาตกรรมมากกว่า เพราะมีรถจยย.ทับร่างผู้ตายอยู่และถูกเผาทั้งคัน เหมือนจะเป็นการเผา อำพราง ภายหลังพบศพตำรวจกาญจนดิษฐ์ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 คน มาสอบปากคำ โดยคนแรกเป็นสามี ส่วนอีกรายเป็นเพื่อนบ้านอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน แต่ทั้ง 2 รายให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ
คดีนี้ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดผู้ตาย จึงพยายามรวบรวมพยานหลักฐานอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้คนร้ายไหวตัว
กระทั่งเมื่อวันที่ 25 พ.ค. พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติออกหมายจับ นายพีระพล นวลเสน่ห์ หรือฤทธิ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 223 หมู่ที่ 8 ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ ข้อหา “ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายและทำให้เสียหายทำลายซึ่งศพโดยไม่มีเหตุอันสมควร” รวม 3 ข้อหา หลังพบว่าตามร่างกายมีบาดแผลเป็นรอยข่วนหลายแห่ง ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเกิดจากการไล่จับตัวตะกวดในสวนยางพารา แต่เมื่อส่งตัวไปตรวจดีเอ็นเอ พบว่าตรงกับในที่เกิดเหตุ
อีกทั้งกล้องวงจรปิดในร้านทองพื้นที่ สภ.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จับภาพนายพีระพล ขณะนำสร้อยทอง ของเหยื่อประกอบด้วยสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท และแหวนทองคำ น้ำหนัก 1 สลึง ไปขายที่ร้านทองดังกล่าว
นายพีระพลยอมจำนนต่อหลักฐาน เปิดปากให้การรับสารภาพว่า เป็นเพื่อนกับนายสรายุทธสามีคนตายและเป็นลูกค้าขายน้ำยางให้ด้วย วันเกิดเหตุวันที่ 13 พ.ค. ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากจุดรับซื้อน้ำยางที่น.ส.จรินยา รับซื้ออยู่ โดยขับรถตามหลังรถจักรยานยนต์ของน.ส.จรินยา ที่ขับไปส่งหลานชาย และตนขี่รถไปจอดไว้ที่บ้านแล้วออกมาดักรอน.ส.จรินยาขับรถกลับมา เพื่อหวังชิงทรัพย์สร้อยทอง
ตนตรงเข้าทำร้ายด้วยการบีบคอและใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของน.ส.จรินยา จนทั้งรถทั้งคนตกลงไปในคูน้ำข้างถนน จากนั้นเข้าบีบคอซ้ำจนแน่นิ่งไป แล้วปลดทรัพย์ ได้สร้อยคอทองคำ กับแหวนทองคำ และช่วงกลางคืนประมาณ 5 ทุ่ม ก็ย้อนกลับไปเผาทำลายศพโดยลงมือทำเพียงคนเดียว
พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำตัว นายพีระพล มาแถลงข่าว พร้อมเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ขณะที่เจ้าหน้าที่นำตัวนายพีระพลมาสอบสวนเพิ่มเติมนั้น พ่อนายพีระพลเดินทางมาติดตามเฝ้าดูการสอบสวน หลังทราบว่าบุตรชายเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าน.ส.จรินยา ถึงกับร่ำไห้เป็นลมเข่าทรุด ญาติต้องหามขึ้นรถกระบะพากลับบ้าน
ด้านนางจรรยา สังข์ทอง อายุ 38 ปี มารดาของน.ส.จรินยา กล่าวว่า ยังไม่เชื่อว่านายพีระพลเป็นผู้ก่อเหตุคนเดียว เชื่อว่าต้องมีคนอื่นอีก เนื่องจากยังมีอีกหลายอย่างที่ยังติดคาใจอยู่เกี่ยวกับพฤติกรรมของคนใกล้ชิด เพราะหลังจากลูกสาวหายไป มีแต่ญาติของตนเท่านั้นที่ออกตามหา และมีแต่ข้ออ้างมาแจ้งญาติว่าเห็นลูกสาวตนตามที่ต่างๆ หรืออ้างว่าไปกับบุคคลอื่นโดยไม่มีเหตุผล จึงอยากให้ตำรวจสอบสวนอย่างละเอียด ซึ่งทางญาติสงสัยว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นด้วย
การจับกุมต้องอาศัยพยานหลักฐาน เชื่อว่าหากมีหลักฐานพาดพิงถึงตำรวจไม่ละเว้นแน่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง