ปิดคดีฆ่าสยองเมืองสตูล ผัวโหดขวานจามหัวเมีย หนี-จนมุมที่คลองท่อม : สดจากสนามข่าว
ปิดคดีฆ่าสยองเมืองสตูล ผัวโหดขวานจามหัวเมีย หนี-จนมุมที่คลองท่อม – บ่ายวันที่ 28 พ.ค. ตำรวจ สภ.มะนัง จ.สตูล นำกำลังร่วม 20 นายนำตัวนายอนันต์ หมิดแสล้ อายุ 47 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายหลังก่อเหตุใช้ขวานสังหารโหดนางฟาตีม๊ะ (มุหย๊ะ) นาคกระวัศ อายุ 52 ปี ภรรยา เมื่อ 6 วันก่อน ท่ามกลางเสียงตะโกนสาปแช่งของญาติผู้ตายและชาวบ้านที่โกรธแค้น ทั้งยังพยายามฮือเข้ารุมประชาทัณฑ์
ย้อนไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค. พ.ต.ท.นุวัฒน์ ชัยเดช สารวัตรสอบสวน สภ.มะนัง จ.สตูล รับแจ้งเหตุผู้หญิง ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร โรงพยาบาลมะนัง และชุดสืบสวน
ภายในบ้านที่เกิดเหตุพบศพนางฟาตีม๊ะ (มุหย๊ะ) นาคกระวัศ อายุ 52 ปี เจ้าของบ้าน มีบาดแผลถูกทำร้ายที่ศีรษะ ใกล้ศพพบขวานตกอยู่ 1 ด้าม เต็มไปด้วยคราบเลือด คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จึงตรวจยึดเอาไว้ เป็นของกลาง ก่อนนำศพส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อให้แพทย์ชันสูตรศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนญาติผู้ตายทราบว่า บ้านหลังเกิดเหตุผู้ตายพักอาศัยอยู่กับสามี ชื่อ นายอนันต์ หมิดแสล้ อายุ 47 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน โดยนายอนันต์ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ซ้ำยังมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยาเสพติด ถ้าหากวันไหนไม่มีเงินซื้อยามาเสพก็มักจะขอเงินจากผู้ตาย ถ้าไม่มีให้ก็จะทำร้ายร่างกายเป็นประจำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่านายอนันต์น่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าภรรยาในครั้งนี้
ลูกชายผู้ตายกล่าวว่า พ่อเป็นคนอารมณ์ร้อนชอบทำร้ายร่างกาย ทำร้ายลูกด้วย อาจเป็นเพราะไม่มีเงินซื้อยาเสพติด กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแม่นั้นรู้สึกเสียใจมาก ไม่อยากให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแบบนี้ ขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ที่บ้าน อยู่บ้านนี้ไม่ได้เพราะพ่อจะทำร้าย จึงไปอยู่บ้านญาติมาได้ 4-5 เดือนแล้ว อยากให้พ่อเข้ามอบตัว โทษหนักจะได้เป็นเบา จริงๆ คิดไม่ถึงว่าพ่อจะก่อเหตุ
พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนแน่ชัดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นนายอนันต์ โดยจากการสืบสวนทราบว่าหลังก่อเหตุแล้วพบว่านายอนันต์ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปที่บ้านเพื่อนในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยบอกว่าจะมาขอพักอาศัยอยู่ด้วย เนื่องจากมีความจำเป็น
แต่เมื่อชุดสืบสวนติดตามไป เจ้าตัวหลบหนีต่อไปแล้ว จึงคลาดกันอย่างน่าเสียดาย
วันที่ 27 พ.ค.พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีหอบสำนวนไปขอศาลจังหวัดสตูลออกหมายจับ ขณะที่ชุดสืบสวน ภ.จว.สตูล และสภ.มะนัง สืบสวนจนทราบพิกัดที่นายอนันต์หลบหนีไป ว่าอยู่ในพื้นที่ สภ.คลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ โดยผู้ต้องหาไปหลบซ่อนตัวภายในบ้านญาติ จึงนำกำลังติดตามกดดันจนจับกุมตัวได้ในที่สุด
หลังการจับกุมตัวนายอนันต์ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าได้ลงมือสังหารภรรยาของตัวเอง จริงตามเป็นข่าว แต่ให้การปฏิเสธข่าวที่ว่าขณะลงมือตนเมาคลั่งยาเสพติด และให้การว่าแรงจูงใจเกิดจากถูกภรรยาขับไล่อย่างกับหมูกับหมา จึงลงมือทำร้าย
ตํารวจนำตัวนายอนันต์ ผู้ต้องหาลงทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 2 จุด คือจุดเกิดเหตุบ้านที่ลงมือทำร้ายภรรยาตัวเอง และจุดทิ้งรถจักรยานยนต์ก่อนหลบหนีต่อ ท่ามกลางญาติพี่น้องผู้ตาย และบุตรชายคนเดียวของผู้ตายและผู้ต้องหา มารอดูด้วยความโกรธแค้นที่พ่อได้ลงมือทำร้ายแม่จนเสียชีวิตได้ลงคอ
รวมทั้งญาติได้แสดงอาการโกรธพยายามจะเข้ามารุมประชาทัณฑ์ ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบต้องคอยกันไม่ให้เกิดการรุมประชาทัณฑ์ได้ โดยตำรวจได้ให้ผู้ต้องหาสวมใส่ไอ้โม่งและเสื้อเกราะป้องกันอันตรายระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ขณะที่คู่เขยของผู้ต้องหาเผยว่าเห็นหน้าผู้ต้องหาแล้วรู้สึกโกรธมากไม่คิดว่าจิตใจจะโหดร้ายทำคนใกล้ตัวได้ขนาดนี้ และเชื่อว่าสิ่งที่ผู้ต้องหาทำได้วางแผนไว้ก่อนแล้ว เพราะก่อนลงมือก่อเหตุได้เคยข่มขู่ไว้ตลอดเวลาว่าจะฆ่าเอาชีวิตภรรยาตัวเอง และจะเผาบ้าน เคยประกาศไว้แล้วว่าหากมีเหตุเกิดขึ้นไม่ต้องไปโทษใครเพราะเขาเองเป็นคนลง มือทำ
ด้านชาวบ้านที่มาเฝ้าดูหลายคนยอมรับว่ารู้สึกโล่งใจที่ตำรวจจับได้ เพราะหลายคนกังวลใจและหวาดกลัว เมื่อจับได้ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่ก็อยากให้รับกรรมของตัวเอง ลงโทษประหารชีวิต เพราะสิ่งที่ทำมันโหดเหี้ยมและลงมือได้แม้กระทั่งคนใกล้ชิด
ส่วนสาเหตุที่อ้างว่าเมียไล่เหมือนหมูเหมือนหมานั้น คนที่รู้เรื่องราวความเป็นไปในครอบครัวของผู้ตายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นใครจะทนไหว งานการไม่ทำ เสพแต่ยาเสพติด ชาวบ้านรู้กันทั้งหมู่บ้าน เป็นคำแก้ตัวของผู้ต้องหา จึงต้องการให้ลงโทษสถานหนักถึงประหารชีวิตให้สาสมกับการกระทำ
โดย…รัตนชัย จึงชนะ
พัชรี เกิดพรม
เรื่อง/ภาพ
