รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ : บทบรรณาธิการ – ที่ประชุมรัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียง 500 ต่อ 244 เห็นชอบให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เปลี่ยนจากสถานะรัฐบาลรัฐประหารมาเป็นรัฐบาลพลเรือน ด้วยกลไกของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลกับสมาชิกวุฒิสภาให้การสนับสนุน โดยการออกแบบรัฐธรรมนูญที่ถูกวิจารณ์อื้ออึง
การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง จะต่างจากสมัยแรกราวหน้ามือกับหลังมือ เนื่องจากไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จมาตรา 44 แล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ซึ่งโชว์ให้เห็นแล้ว
อีกทั้งรัฐบาลมีคะแนนเสียงสนับสนุนเหนือกว่าฝ่ายค้านเพียง 4 ที่นั่งเท่านั้น ถือว่าปริ่มน้ำอย่างมาก
ในส่วนของการจัดตั้งรัฐบาลนั้น แม้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะรวบรวมเสียงมาได้สำเร็จ แต่การจัดตำแหน่งแบ่งสัดส่วนรัฐมนตรีนั้น น่าจะเต็มไปด้วยการต่อรอง และเงื่อนไขต่างๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งไม่น่าจะลงตัวได้ง่ายดาย
พันธสัญญาเดิมที่เคยให้ไว้ต่อกันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังได้ทุกเมื่อ เพราะ กระทรวงสำคัญๆนั้นย่อมเป็นที่หมายปองของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับพรรคแกนนำจะปล่อยให้ไปขนาดไหน
ในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้น น่าจะมีบุคคลที่ไว้วางใจสำหรับคุมกระทรวงด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นบุคคลเดิมก็จะตกเป็นเป้าการตรวจสอบของฝ่ายค้านอย่างเข้มข้น
เพราะที่ผ่านมากว่า 5 ปีนั้น ทิ้ง ร่องรอยไว้มาก เพียงแต่ยังไม่มีใคร แตะต้อง
นอกจากนี้ ภาคประชาชน เครือข่ายกลุ่มที่สูญเสียโอกาสต่างๆ ที่ถูกกดทับด้วยอำนาจรัฐตลอด 5 ปี ก็จะออกมาเคลื่อนไหวทวงถามความเป็นธรรมระลอกแล้วระลอกเล่า
ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้การเจรจาและให้ผู้มีความช่ำชองด้านมวลชนดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลจะต้องเตรียมรับมือให้ดี อีกทั้งต้องตระหนักด้วยว่าอารมณ์ประชาชนขณะนี้เป็นเช่นไรด้วย
ที่สำคัญ ยังมีสัญญาณสำคัญจากรัฐสภา เมื่อครั้งอภิปรายเรื่องคุณสมบัติของบุคคลที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย
เมื่อเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญน่าสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นางสมจิตร ศรีแก้ว เผยเรื่องราว