ย้อนคดียิงดับหนุ่มพิมาย ตีกันในขบวนรถแห่นาค หิ้วลูกซองตามส่องพรุน

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

โดย ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ เรื่อง/ภาพ

ตีกันในขบวนรถแห่นาคพัฒนาการของการแห่นาค ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย จากขบวนกลองยาว ขบวนรำเซิ้ง แตรวง มายุคนี้ก็หนีไม่พ้นรถแห่ มหรสพใหม่ ที่ยกวงดนตรีทั้งวงไปไว้บนรถ จึงได้รับความนิยมสูงยิ่ง โดยเฉพาะในภาคอีสาน

แต่ความสนุกสนานที่เกินเลย ประกอบกับมีของมึนเมาเข้ามาด้วย ก็ทำให้เกิดเรื่องราวบายปลายเป็นคดีสยองมานักต่อนักแล้ว

นาทีลั่นไก

ย้อนไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 มิ.ย. พ.ต.อ.สุเอก ฉินธนทรัพย์ ผกก.สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา รับแจ้งเหตุวัยรุ่นยิงกันเสียชีวิต ที่บ้านศรีเจริญชัย ม.24 ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.ท.บุญส่ง ขอบโคกกรวด รอง ผกก.(ป.) ร.ต.อ.วัฒนะ วรรณประดิษฐ์ สว.สส. ร.ต.อ.จักรกริช นามโคตร รอง สว.(สอบสวน) พร้อม ตร.ชุดสืบสวน

จากการสอบถาม นางบัวพัน ธรรมชู อายุ 48 ปี เปิดเผยว่า ผู้ตายชื่อ นายธนพล สาหร่าย หรือ ตุ้ม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 11 บ้านหนองไผ่ ต.โบสถ์ อ.พิมาย ซึ่งเป็นเพื่อนของลูกชายตน

ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 15.00 น. มีงานบวชนาคของคนในหมู่บ้านหนองไผ่ และมีการจ้างรถแห่ชื่อดังจาก อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น มาร่วมขบวนแห่นาคด้วย โดยมีญาติและแขก รวมถึงวัยรุ่นในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงพากันมาร่วมขบวนแห่และเต้นรำดื่มกินอย่างสนุกสนาน

ระหว่างนั้นผู้ตายมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกับนายนพพร เสงี่ยมกลาง หรือ จี้ อายุ 26 ปี คนในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่เคยมีเรื่องบาดหมางผิดใจกันมาก่อน พอมาเจอกันในงานจึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น

นายนพพร เสงี่ยมกลาง ขอโทษญาติผู้ตาย

ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ อปพร. และตำรวจบ้านที่มารักษา ความปลอดภัยได้เข้าระงับเหตุ ทั้งคู่จึงแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง หลังจากแห่นาคเสร็จ ลูกชายตนและเพื่อนอีก 4 คนรวมถึงนายธนพล ผู้ตายก็มานั่งเล่นกันที่บ้าน ซึ่งเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ

จนเวลาประมาณ 18.00 น. ระหว่างที่ผู้ตายนอนเล่นอยู่ในเปลกับเพื่อนๆ มีรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสีขาว มาจอดที่ หน้าบ้าน นายนพพร หรือ จี้ เดินถือปืนลูกซองยาวลงมาจากรถ และมี นายสมชาย ทรัพย์เจริญ เดินตามหลังมา และตะโกนถามว่า ไอ้ตุ้มอยู่ไหน

ยังไม่มีใครได้ตอบ นายนพพรก็เล็งปืนยิงไปที่นายธนพล ที่กำลังลุกออกจากเปลเพื่อวิ่งหนีจนล้มลง แต่ยังสามารถวิ่งหนีต่อได้

เพื่อนๆ ที่อยู่ด้วยกันต่างพากัน วิ่งหนีไปคนละทิศละทาง ส่วนตนได้เข้าไปห้ามนายนพพรไม่ให้ยิง พร้อมกับไล่ให้นายนพพรออกจากบ้านไป เพราะเป็นห่วงลูกชายและสามีที่อยู่ตรงนั้น ด้วย กลัวว่านายนพพรจะยิงซ้ำอีก จากนั้นนายนพพรและนายสมชายรีบวิ่งไปขึ้นรถกระบะหลบหนีไป โดยมีนายสมชาย เป็นคนขับ

ขุดหาอาวุธปืน

“ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่มีใครเป็นอะไร เพราะทุกคนต่าง วิ่งหนีไปทางหลังบ้านกันหมด จนเหตุการณ์สงบลง เห็นร่างนายธนพลนอนหมดสติจมกองเลือดหายใจรวยรินอยู่บริเวณข้างคอกหมูหลังบ้าน มีแผลถูกยิง บริเวณใต้รักแร้ข้างซ้าย พบรูกระสุนกระจายเต็มไปหมด เลยช่วยกัน นำส่ง ร.พ.ชุมพวง ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด แต่นายธนพลเสียชีวิตในเวลาต่อมา” นางบัวพันกล่าว

พ.ต.อ.สุเอกจัดชุดสืบสวนออกติดตามจับกุมตัวคนร้าย เบื้องต้น ทราบว่าหลบหนีไปซ่อนตัวในเขต อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา และ อ.พล จ.ขอนแก่น ซึ่งตำรวจกำลังติดตามตัวอย่างใกล้ชิด พร้อมกับประสาน ผู้ปกครองให้ติดต่อกับผู้ก่อเหตุแล้ว เข้ามอบตัวต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม

หลังถูกกดดันหนัก ในที่สุดคนร้าย ก็ให้ญาติพาเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ก่อนถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร

รุ่งขึ้น พ.ต.อ.สุเอก นำตัวนายนพพรไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่อู่ซ่อมรถที่เกิดเหตุ โดยนายนพพรให้การว่าหลังก่อเหตุ ตนกับนายสมชายหนีไปกบดานอยู่ในบ้านสร้างใหม่ หลังหนึ่ง ที่หมู่บ้านโนนเกตุ หมู่ที่ 20 ต.กระชอน อ.พิมาย ซึ่งที่นายนพพรรับเหมาติดตั้งกระจกอยู่ห่างจากจุดก่อเหตุประมาณ 35 กิโลเมตร และนอนพักที่บ้านหลังนี้

พร้อมกับนำปืนลูกซองของนายสมชายที่ก่อเหตุไปฝังดินไว้ที่บริเวณรั้วของบ้าน และนำกระสุนปืนจำนวน 5 นัด โดย 4 นัดยังไม่ได้ใช้ และ 1 นัดเหลือแต่ปลอก ไปซ่อนไว้ใต้ต้นไม้ ห่างจากจุดฝังปืนประมาณ 10 เมตร

ส่วนนายสมชาย ผู้ร่วมก่อเหตุ เดินทางมามอบตัวและพบพนักงานสอบสวน สภ.พิมาย ตามหมายจับ พร้อมกับทนายความ โดยเบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมที่จะสู้คดีในชั้นศาล

ชันสูตรศพนายธนพล สาหร่าย

หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทในงานแห่นาคบ่อยครั้งขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีการเข้มงวดกับผู้ประกอบการ รถแห่ต่างๆ มากขึ้น บางพื้นที่มีคำสั่งห้ามมีขบวนรถแห่ ในงานรื่นเริงต่างๆ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการ ที่ลงทุนรถไปถึงคันละ 2-3 ล้านบาท บางรายถึงกับประกาศขายรถ

ยังไม่มีทางออกว่าจุดลงตัวของเรื่องราวนี้จะลงเอยเช่นไร หรือจะเป็นจุดอวสานของรถแห่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน