คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อนุชา แก้วคำมา

เรื่อง/ภาพ

เหตุการณ์ผัวชาว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก บีบคอฆ่าเมียจุดไฟเผาอำพรางศพ รับสิ้นอยู่กินกันมาหลายสิบปี ทนนิสัยขี้บ่นไม่ไหว ก่อนเกิดเหตุกำลังจะกินยาฆ่าตัวตาย แต่เมียมาเจอแล้ว เข้าห้ามปรามพร้อมบ่นเป็นชุด เลยสติแตกพลั้งมือบีบคอจนสิ้นใจ จากนั้นอุ้มศพไปบนห้างนาจุดไฟเผาหวังอำพรางคดี ก่อนสำนึกผิดมอบตัวกับตำรวจ เป็นเรื่องราวที่นายสมาน โสคำภา อายุ 53 ปี ให้การกับตำรวจเมื่อตอนที่เข้ามอบตัว

แต่เมื่อตำรวจสอบสวนถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมด กลับกลายเป็นคนละเรื่องกันไปเลย

เหตุการณ์นี้เปิดเผยขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 11 มี.ค. นายสมาน โสคำภา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 ม.10 ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เดินเข้ามามอบตัวกับนายบุญเรือง โสคำภา กำนันตำบลบ่อโพธิ์ ก่อนสารภาพว่าได้ก่อเหตุฆ่าภรรยาตัวเองแล้วจุดไฟเผา บริเวณห้างนาในไร่ข้าวโพดพื้นที่ หมู่ 13 ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

กำนันบุญเรือง รบประสาน ร.ต.อ.ประดิพัทธิ์ อินหน่อ รอง สว.(สอบสวน) และ ร.ต.ท.นิตินัย โพธิบุตร รอง สวป.หัวหน้าชุดสายตรวจรถยนต์ ไปรับตัวซักไซ้ไล่เลียงเหตุการณ์ ก่อนให้นายสมานพาไปชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในสภาพเหลือแต่เถ้าถ่านจากเหตุเพลิงไหม้ โดยในกองเถ้าถ่าน พบชิ้นส่วนกระดูกถูกเผาไหม้เกรียมอยู่ตามที่นายสมานให้การสารภาพจริงๆ

พ.ต.อ.สุมิตร มั่นเมือง ผกก.สภ.นครไทย ได้รับรายงานเหตุร้าย จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ธีรภาพ ลือราช รอง ผกก.ป. ร.ต.อ.ประดิพัทธิ์ อินหน่อ รองสว.(สอบสวน) ตำรวจสายตรวจ ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์นิติเวช และอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยนครไทย เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อชันสูตรพลิกศพ พบสภาพเป็นเพิงไม้ยกพื้นสูง ถูกเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง และมีชิ้นส่วนกระดูก คาดว่าน่าจะเป็นร่างกายมนุษย์ไหม้เกรียมไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บชิ้นส่วนดังกล่าวไว้เพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลต่อไป

ขณะที่นายสมาน ซึ่งอยู่ในอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัดให้การว่า ศพที่พบในกองเถ้าถ่านคือ นางสีนอ โสคำภา อายุ 45 ปี ภรรยาตัวเอง โดยเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ตนและนางสีนอ กำลังทำไร่ข้าวโพดด้วยกันบริเวณที่เกิดเหตุ แต่เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง เนื่องจากตนกำลังจะกินยาฆ่าตัวตาย แต่ภรรยามาเห็นพอดีและเข้าห้ามปรามเอาไว้ จึงพลั้งมือบีบคอฆ่านางสีนอจนเสียชีวิต

ส่วนสาเหตุที่ตนต้องการฆ่าตัวตาย เกิดจากความเครียดส่วนตัว เพราะอยู่กินกับภรรยามาหลายสิบปี ทนนิสัยขี้บ่นของภรรยาไม่ไหวจึงอยากตายเสียให้พ้นๆ ไป หลังเกิดเหตุตนกลัวความผิดที่ก่อไว้จึงอุ้มร่างภรรยาขึ้นไปวางไว้หน้าบันไดบนเถียงนา จากนั้นใช้สังกะสี 2 แผ่น ปิดคลุมร่างกายเอาไว้แล้วจุดไฟเผาทั้งเถียงนาและร่างนางสีนอ ตนรอดูอยู่จนไฟลุกไหม้หมด เมื่อตั้งสติได้จึงแจ้งให้ญาติทราบว่าได้ฆ่านางสีนอภรรยาเสียชีวิตแล้ว ก่อนจะเดินมามอบตัวกับตำรวจ

กระทั่งเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มี.ค. พ.ต.อ.สุมิตร นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายสมานไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณเถียงนาที่เกิดเหตุ โดยมีญาติและชาวบ้านกว่า 50 คน ไปรอดูการทำแผน พร้อมตะโกนสาปแช่งนายสมานผู้ต้องหา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบทำแผนและนำตัวนายสมานออกมาจากจุดเกิดเหตุทันที ด้วยเกรงว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์

พ.ต.อ.สุมิตร ผกก.สภ.นครไทย เปิดเผยว่า จากการสอบสวนโดยละเอียด นายสมานยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะภรรยาที่ขี้บ่น แต่เนื่องจากครอบครัวมีหนี้สินจำนวนมาก ไปรับจ้างไถที่ไร่ที่นาให้กับชาวบ้านแล้วยังไม่ได้เงิน และทำไร่ข้าวโพดก็ขาดทุน ทำให้เกิดอาการเครียดคิดจะกินยาฆ่าตัวตาย

ก่อนเกิดเหตุเจ้าตัวกำลังจะกินยาฆ่าตัวตายพร้อมกับชวนภรรยากินด้วยกัน แต่ภรรยาไม่ยอมจนทำให้มีปากเสียงกัน โดยภรรยาเข้ามาห้ามและกัดที่แขนขวาที่ถือขวดยาฆ่าหญ้าอยู่ ไม่ได้มีการต่อสู้กัน แต่ด้วยความโมโหนายสมานบีบคอภรรยาจนหมดสติแล้วเดินออกไปเอา ซังข้าวโพดมาสุมที่ตัวภรรยา แต่ก็พบว่ายังมีลมหายใจอยู่ จึงบีบคอซ้ำอีกจนเสียชีวิต ผกก.สภ.นครไทย เปิดเผยต่อว่า จากนั้น นายสมานได้จุดไฟเผาศพภรรยา ตั้งใจว่าจะกระโดดเข้าไปในกองไฟเพื่อให้ตายไปพร้อมกัน แต่ไฟร้อนมากเลยเปลี่ยนใจวิ่งไปกระโดดลงสระข้างห้างนาแทน สุดท้ายตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์เดินทางกลับบ้าน ก่อนสวนทางกับญาติๆ ที่ออกมาตามหานายสมานกับภรรยาที่ไร่ ด้วยความเป็นห่วง

นายสมาน จึงเล่าให้ญาติฟังว่า ได้ฆ่าภรรยาและเผาศพทิ้งไปแล้วพร้อมกับห้างนาที่ใช้เก็บฝักข้าวโพด จากนั้นจึงพากันไปหากำนัน เพื่อให้พาเข้ามอบตัวกับตำรวจดังกล่าว

เหตุผลในการก่อเหตุพลิก แต่คดีไม่พลิก เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เผาทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย กับนายสมาน ก่อนควบคุมตัวกลับไปสอบสวนดำเนินคดีที่โรงพักนครไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน