ย้อนคดีคุกคามรอบ10ปี คดีตีหัวจ่านิวบานปลาย

ตำรวจบุกเยือนอจ.มธ. แถมบ้านคนอยากเลือกตั้ง

คอลัมน์ แฟ้มคดี

ย้อนคดีคุกคามรอบ10ปี คดีตีหัวจ่านิวบานปลาย – ถูกตั้งคำถามอย่างต่อเนื่อง สำหรับความคืบหน้าในคดีทำร้ายนักกิจกรรม อย่างจ่านิว หรือ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ โดยผ่านมาร่วม 2 สัปดาห์ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จะมีก็แต่การจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาคนแชร์ข่าวที่พาดพิงรอง ผบ.ตร.

แถมยังมีข้อสงสัยอีก เมื่อนายสิรวิชญ์ออกจากโรงพยาบาล และขอความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

กลับได้รับเงื่อนไขให้ยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองเสียก่อน!??

ขณะที่นักกิจกรรมทางการเมือง นิสิตนักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย ยังคงถูกคุกคาม ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามไปถึงบ้าน

เพียงเพราะการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมือง

สร้างความสงสัยว่าทำไมในบ้านเมืองที่มีบรรยากาศประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว

เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก

จับ 8 คนแชร์ข่าวตีหัวจ่านิว

หลังจากเหตุการณ์อุกอาจเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก็กำชับให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามคนร้าย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ง่ายเหมือนการคลี่คลายคดีอื่นๆ เพราะคนร้ายมีลักษณะมืออาชีพ ใส่หมวกปิดบังใบหน้า วางแผนขี่จักรยานยนต์ประกบหน้าหลัง เมื่อลงมือก็หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ย้อนคดีคุกคามรอบ10ปี คดีตีหัวจ่านิวบานปลาย ตำรวจบุกเยือนอจ.มธ. แถมบ้านคนอยากเลือกตั้ง : แฟ้มคดี

จะมีก็แค่พยานที่เห็นเหตุการณ์ที่ระบุว่าอาวุธของคนร้ายคล้ายเป็นอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่เท่านั้น

ส่วนกล้องวงจรปิดที่ติดทั่วกรุง ก็ยังเช็กไม่ออกว่าคนร้ายเป็นใครกันแน่ โดยเหตุจุดสุดท้ายที่ถนนพหลโยธิน ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งยังไม่รู้ว่าคนร้ายเลี้ยวเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดกันแน่

 

อย่างไรก็ตาม มีเรื่องที่คืบหน้าอย่างรวดเร็วในกรณีที่เกี่ยวข้อง นั่นก็คือมีผู้แชร์ข่าวเกี่ยวกับการดักตีหัวจ่านิว โดยพาดพิงถึง พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. เป็นเหตุให้เจ้าตัวเข้าแจ้งความกับ บก.ปอท. เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา

ผ่านมาเพียง 6 วัน ในวันที่ 10 ก.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกตร. ก็แถลงผลการดำเนินคดี ระบุว่า จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่ามีคนแชร์ข้อความ ดังกล่าว 13 คน จึงออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา แชร์ข้อความอันเป็นเท็จ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ล่าสุดเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว 8 คน อีก 5 คนจะทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งทั้ง 8 คนให้การภาคเสธ ยอมรับว่าแชร์ข่าวจริง แต่ไม่ทราบว่าเป็นข่าวปลอม โดยทั้งหมดไม่ได้มีลักษณะเป็นขบวนการ เพียงแต่สนใจในการเมืองลักษณะเดียวกัน จึงแชร์ข่าวส่งต่อไปยังเพื่อนที่รู้จัก

ทั้งนี้ตำรวจรู้ตัวแล้วว่าใครเป็นต้นตอ 1 คน อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี

ส่วนที่ดำเนินคดีคนแชร์ข่าวพาดพิงรอง ผบ.ตร.ได้เร็ว เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน แต่เรื่องรุมทำร้ายจ่านิว ก็สอบพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก และไล่วงจรปิด แต่ก็มีใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง อีกทั้งคนร้ายมีความชำนาญ

เมื่อถามว่าเหตุใดจึงสามารถดำเนินคดีกับคนที่แชร์ข่าวใส่ร้าย รอง ผบ.ตร. ได้รวดเร็ว แต่คดีจ่านิวยังล่าช้าจับตัวคนร้ายยังไม่ได้ พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ขณะนี้คดีของจ่านิวมีความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำไปแล้ว 10 ปาก พร้อมทั้งไล่กล้องวงจรปิด ยอมรับว่าใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง คนร้ายมีความชำนาญใช้ช่วงการจราจรติดขัดในการหลบหนี ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ

แต่คดีการจับคนแชร์ข่าว บก.ปอท. มีพยานหลักฐานชัดเจน จึงสามารถดำเนินคดีได้รวดเร็วกว่า

เป็นความต่างเรื่องความยากง่ายของคดี

จี้จนท.หยุดคุกคาม

ทั้งนี้หลังจากที่จ่านิวถูกรุมทำร้าย ก็ดูเหมือนว่าจะมี นักกิจกรรม ทั้งอาจารย์ นิสิต นักศึกษา ถูกเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเยี่ยมเยียน

ย้อนคดีคุกคามรอบ10ปี คดีตีหัวจ่านิวบานปลาย ตำรวจบุกเยือนอจ.มธ. แถมบ้านคนอยากเลือกตั้ง : แฟ้มคดี

อ.อนุสรณ์เยี่ยมเอกชัย

ไม่ว่าจะเป็นนายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มธ. ที่ระบุว่าเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ก.ค. มีตำรวจ สน.ดอนเมืองมาหาเป็นครั้งที่ 2 แจ้งว่า ‘นาย’ให้มาตรวจสอบว่ายังอยู่บ้านหลังนี้หรือไม่ ตรงกับข้อมูลที่มีหรือไม่

ซึ่งถือเป็นการบุกเข้าไปหาถึงบ้านหลังจากที่นายอนุสรณ์ ไปร่วมปาฐกถา ‘วิกฤตเสรีภาพในมหาวิทยาลัยรัฐบาล คสช.’ ภายในงาน งานดี-ทอล์ก ล้างพิษรัฐประหาร ที่ มธ.ท่าพระจันทร์เพียงวันเดียว

เช่นเดียวกับนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ที่ทำกิจกรรมอ่านแถลงการณ์หน้าป้ายชื่อคณะเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ประณามการลอบทำร้ายผู้เห็นต่างทางการเมือง ทั้งกรณีของ ‘ฟอร์ด เส้นทางสีแดง’นายเอกชัย หงส์กังวาน และนายสิรวิชญ์

ก็เกิดเหตุทหารมาเยี่ยมเยียนถึงบ้านนักศึกษาคนหนึ่ง พร้อมระบุว่าเกิดจากความไม่สบายใจ ส่งผลให้ครอบครัวเกิดความหวาดผวา

เช่นเดียวกับนายประจิณ ฐานังกรณ์ สมาชิกกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ก็ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. มีตำรวจจาก สน.มีนบุรี 5 นายมาตามหาที่บ้าน แต่ตนไม่อยู่ ทำให้ญาติที่อยู่เกิดความหวาดกลัว

จึงกลายเป็นคำถามว่าเหตุใดบ้านเมืองหลังผ่านการเลือกตั้ง ยังเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นได้

ขณะที่ ผบช.น.ก็ชี้แจงว่า เป็นเพียงมาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร เนื่องจากการอภิปรายในสภา เป็นห่วงนักกิจกรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจเลยลงพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัย พร้อมหาจุด ติดตั้งตู้แดง

พิจารณาว่าสมเหตุสมผลหรือไม่

ตร.แจงวุ่นปมห้ามยุ่งการเมือง

ส่วนเรื่องจ่านิวก็ยังไม่จบง่ายๆ เพราะเมื่อนายสิรวิชญ์เดินทางกลับจากพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้นโยบาย

แต่คำตอบที่ได้รับคือการยื่นเงื่อนไขให้ยุติการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อแลกกับการคุ้มครองดูแลความปลอดภัย

ส่งผลให้จ่านิวโพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า ตอนที่ได้ฟังเงื่อนไขนี้ คิดว่าหูแว่วไปเอง แต่เมื่อ พล.อ.ประวิตรยืนยันเช่นนี้ จึงต้องสื่อสารว่า แน่นอนว่าจะต้องพักเรื่องการเมืองไปโดยปริยาย เพราะปัญหาสุขภาพที่ถูกคนใจอำมหิต ดักรุมทำร้ายถึง 2 ครั้ง และยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ และเรื่องเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้ต้องเว้นวรรคไปอีกพักใหญ่

แต่การแสดงออกทางการเมือง คือสิทธิเสรีภาพ ไม่ว่าใครจะพรากจากไปไม่ได้ ถือเป็นสิทธิที่ไม่ควรให้ใครหยิบไปเป็นเงื่อนไขแลก เพื่อเป็นค่าคุ้มครอง

ลำพังแค่บาดเจ็บร่างกาย เสียการดำเนินชีวิตปกติ ที่จะไปไหนอิสระ ไร้ความระแวง ก็มากเกินพอ ทำไมต้องยอมเสียจิตวิญญาณเสรี และค่าไถ่เพื่อให้ตัวเองปลอดภัยด้วยการเลิกเห็นต่างจาก ผู้มีอำนาจ

เช่นเดียวกับกรณีที่ จนท.ไปหานักกิจกรรมถึงบ้าน อ้างว่าดูแลความปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วคือการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ยืนยันไม่ยอมทำตามเงื่อนไขอย่างเด็ดขาด

ขณะที่ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ระบุว่า หากตำรวจพูดจริง ก็ขอโทษ เพราะจริงๆ เป็นเรื่องของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จะกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ตนไปก้าวล่วงไม่ได้

พิจารณากันเองว่าละเมิดสิทธิหรือไม่

ย้อน 10 ปี-คดีทำร้าย-ฆ่านักกิจกรรม

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีการคุกคามและทำร้ายร่างกาย นักกิจกรรมการเมืองเกิดขึ้นมาตลอดในรอบ 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นนายเอกชัย หงส์กังวาน ผู้ที่เคลื่อนไหวสอบถามกรณีนาฬิกาหรูที่ พล.อ.ประวิตรยืมเพื่อนมา ก็ถูกทำร้ายถึง 9 ครั้ง เป็นการทำร้ายร่างกาย 7 ครั้ง ลอบเผารถยนต์อีก 2 ครั้ง แต่สามารถจับกุม ผู้ก่อเหตุได้เพียงครั้งเดียว

อย่าง ‘ฟอร์ด เส้นทางสีแดง’ ถูกชาย 6 คนขี่จยย. 3 คัน รุมทำร้าย ตีหัวแตกเย็บ 8 เข็ม ขณะกลับบ้านที่ จ.สมุทรปราการ

ที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต อย่างนายกมล ดวงผาสุก หรือไม้หนึ่ง ก.กุนที ถูกยิงเสียชีวิตที่ลานจอดรถร้านครกไม้ไทยลาว ย่าน ลาดปลาเค้า กทม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2557 ซึ่งไม่สามารถจับกุม หรือสืบสวนหาผู้ก่อเหตุ หรือผู้สั่งการได้สำเร็จ

ย้อนคดีคุกคามรอบ10ปี คดีตีหัวจ่านิวบานปลาย ตำรวจบุกเยือนอจ.มธ. แถมบ้านคนอยากเลือกตั้ง : แฟ้มคดี

ทำแผนยิงขวัญชัย

กรณีคนร้ายซุ่มยิงนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคน เสื้อแดง ที่บ้านพักใน จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2557 จนบาดเจ็บสาหัส แม้ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนสอบสวนจนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ทั้งหมด 6 คน แต่เมื่อขึ้นสู่การพิพากษาของศาล ก็สั่งยกฟ้องทั้ง 3 ศาล

และเหตุการณ์ที่น่าตระหนกอีกเรื่อง ก็คือการลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเช้ามืดวันที่ 17 เม.ย.2552 ที่แยกบางขุนพรหม ใจกลางกทม.

โดยเป็นการถล่มยิงด้วยอาวุธสงครามนับร้อยนัดจากกลุ่มชายฉกรรจ์ที่นั่งบนหลังรถกระบะ ที่ขับอยู่ข้างหน้า กระหน่ำใส่รถเวลไฟร์ที่นายสนธินั่งมา ส่งผลให้นายสนธิบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่คนร้ายจะขับรถหลบหนีไปอย่างลอยนวล ขณะวงจรปิดไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้

หวังว่าจะไม่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน