คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

วัฒนชัย จำนงค์ทอง

เรื่อง/ภาพ

“ด้วยศักดิ์ศรีที่ผมเคยเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน ในสมัยหนุ่มถือคติเอาไว้ว่า ฆ่าได้ หยามเกียรติไม่ได้ ยิ่งเป็นเรื่องที่คนตายจะมาตีท้ายครัวลูกชาย ทำให้โกรธแค้นแทนลูกชาย”

คำสารภาพของ นายขันตี มาหลิน คุณลุงวัย 77 ปี ที่เข้ามอบตัวต่อตำรวจหลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงกิ๊กเก่าของลูกสะใภ้จนดับดิ้น หลังพยายามกลับมาเกาะแกะจะรื้อฟื้นความหลังกับลูกสะใภ้

คดีพ่อผัวยิงดับกิ๊กเก่าลูกสะใภ้ครั้งนี้ เกิดเรื่องขึ้นในช่วงเช้าวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อ ร.ต.อ.สมชาย ใต้เมืองปักษ์ รองสารวัตร สอบสวน สภ.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บภายในกระท่อมกลางนา ท้ายหมู่บ้านหมากตูม ม.16 ต.นาข่า

หลังรับแจ้งจึงรีบรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ก่อนนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.ท.สิทธิพงษ์ ปัญจนะ รองผกก.สอบสวน หัวหน้า สภ.นาข่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.ภ.จว.อุดรธานี และเจ้าหน้าที่พฐ.

ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมยกพื้นสูง เจ้าหน้าที่พบเพียงกองเลือดจำนวนมากอยู่ข้างเปลญวน

ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ นายณรงค์ ลาพิมล อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ม.8 ต.ดอนหายโศก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 ที่ศีรษะข้างซ้าย และที่ราวนมซ้าย ถูกนำส่งรักษาที่ร.พ.ศูนย์อุดรธานี ไปก่อนหน้าแล้ว แต่อาการสาหัสมากก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สอบสวน นายสุกัณฑ์ มาหลิน อายุ 47 ปี เจ้าของกระท่อม ดังทราบว่า นายณรงค์ ผู้เสียชีวิตเป็นสามีเก่าของภรรยาคือ นางมัญฑิรา มาหลิน อายุ 49 ปี เมื่อสมัยที่ทั้งคู่ไปทำงานที่ไต้หวัน แต่พอกลับมาถึงใช้ชีวิตเมืองไทยทั้งคู่ก็เลิกรากันไป

ต่อมานางมัญฑิราได้แต่งงานกับนายสุกัณฑ์ อยู่กินกันจนมีลูก 2 คน ส่วนนายณรงค์ไปประกอบอาชีพขับรถสองแถวที่ จ.ชลบุรี และปักหลักมีครอบครัวอยู่ที่นั่นไม่ได้ติดต่อกันอีก

กระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อน นายณรงค์มาหาภรรยาขอให้หาที่อยู่อาศัยให้ เพราะภรรยานายณรงค์ไปกู้เงินนอกระบบมา 2 แสนบาท แต่ไม่มีปัญญาจ่ายจนถูกขู่ฆ่า จึงหนีกลับมาบ้านเกิดที่อุดรธานี โดยประกอบอาชีพเป็นช่างเย็บผ้า

แต่เนื่องจากพ่อแม่ของนายณรงค์เสียชีวิตหมดแล้ว และเป็นคนที่ติดเหล้าอย่างหนักทำให้ญาติไม่ยอมรับ จึงไม่มีที่พักให้หลับนอน

ด้วยความเห็นใจนายสุกัณฑ์และภรรยาจึงให้นายณรงค์อาศัยกระท่อมที่เกิดเหตุพักอาศัย โดยที่คู่สามีภรรยาผู้ใจบุญพักอยู่ที่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก

หลังจากมาอยู่ใกล้ชิดกัน นายณรงค์ก็แวะเวียนไปนั่งคุยกับ นางมัญฑิรา และมักคร่ำครวญรื้อฟื้นความหลังเมื่อครั้งที่เคยใช้ชีวิต คู่ร่วมกัน

ต่อมาเมื่อเดือนธ.ค.2559 นายขันตีพ่อนายสุกัณฑ์ที่พักอยู่บ้านเดียวกันมาได้ยินเข้าจึงโมโห คว้าปืนไล่ยิงนายณรงค์ แต่นายสุกัณฑ์ห้ามปรามไว้ทัน จึงเลิกรากันไปก่อนจะมีเหตุร้าย

กระทั่งเมื่อช่วงเช้ามืดวันเกิดเหตุมีเสียงปืน 1 นัด ดังมาจากกระท่อมที่เกิดเหตุ ทำให้นายสุกัณฑ์สะดุ้งตื่น เมื่อลุกไปดูเห็นภาพ นายขันตีกำลังจ่อยิงนายณรงค์ซ้ำอีก 1 นัด ก่อนวิ่งหนีไปในความมืด นายสุกัณฑ์ กับภรรยาจึงพานายณรงค์ส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ทันการณ์

ต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายจิรวัฒน์ โพธิ์ศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 16 บ้านหมากตูม พร้อมด้วยญาติๆ พานายขันตีเข้ามอบตัวต่อ ร.ต.อ.อนนต์ อินทร์กง รอง สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี ที่สภ.นาข่า พร้อมอาวุธปืนขนาด .38 ที่ใช้ก่อเหตุ

นายขันตีให้การว่า เนื่องจากผู้ตายมาเกาะแกะลูกสะใภ้ไม่เลิก เคยตักเตือนผู้ตายมาหลายครั้งแล้ว แต่ผู้ตายก็ไม่เลิก จึงโกรธและเคยพยายามยิงผู้ตายมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ลูกชายห้ามไว้

ด้วยศักดิ์ศรีที่เคยเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน ในสมัยหนุ่มถือคติเอาไว้ว่า “ฆ่าได้ หยามเกียรติ ไม่ได้” ยิ่งเป็นเรื่องที่ผู้ตายจะมาตีท้ายครัวลูกชาย ทำให้โกรธแค้นแทนลูกชาย

หลังจากนอนคิดอยู่หลายวันยังไม่อาจสะกดความรู้สึกที่ถูกหมิ่นศักดิ์ศรีไว้ได้ จึงตัดสินใจพกปืนปั่นรถจักรยานไปหาผู้ตายที่กระท่อม

เมื่อไปถึงเห็นผู้ตายนอนอยู่อย่างสบายอารมณ์จึงชักปืนยิงใส่ทันที แต่ว่าผู้ตายลุกขึ้นจากเปลเดินตรงเข้าหาจึงจ่อยิงอีกนัด แล้วเผ่นลงจากกระท่อมอาศัยความมืดหนีไปซ่อนตัวในป่า ก่อนตัดสินใจเข้ามอบตัวในที่สุด

แม้ชาวบ้านที่ทราบข่าวจะเห็นใจในสิ่งที่นายขันตีกระทำลงไป แต่เมื่อเป็นเรื่องผิดอาญาบ้านเมือง เจ้าหน้าที่จึงต้องควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน