ตามตร.ล่าจับ‘โจรรปภ.’
ค้อนทุบแม่ค้าถ.ข้าวสาร
วางอุบายลวงจนชะล่าใจ
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ตามตร.ล่าจับ‘โจรรปภ.’ค้อนทุบแม่ค้าถ.ข้าวสารวางอุบายลวงจนชะล่าใจ : แม้นจะระมัดระวังตัวอย่างดี เพราะด้วยอาชีพการงาน ที่ทำให้นางอัมพรพรรณ แดงอุไร อายุ 54 ปี ต้องเดินทางกลับบ้านเพียงลำพังในช่วงค่ำมืดดึกดื่น แต่เล่ห์เหลี่ยมของคนร้ายที่นำมาใช้ ก็ลวงให้เจ้าตัวตกหลุมพราง เปิดช่องให้ถูกก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ย้อนไปเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 8 ส.ค. ตำรวจสน.ชนะสงคราม รับแจ้งคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บ ถูกทำร้ายบริเวณลานจอดรถสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแห่งเก่า ถนนราชดำเนินกลาง แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม.
เมื่อไปตรวจสอบก็พบกับนางอัมพรพรรณ แดงอุไร อายุ 54 ปี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวผัดไทย บริเวณถนนข้าวสาร นั่งอยู่ในสภาพมึนงง ที่ใบหน้ามีร่องรอยถูกทำร้าย เจ้าตัวเล่าว่าถูกคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ผมสั้นเกรียน แต่งชุดซาฟารีใช้เครื่องชอร์ตไฟฟ้าจี้ ก่อนจะใช้ค้อนทุบบริเวณด้านหลังและชกต่อยเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง โดยคนร้ายได้กระเป๋าคาดเอวซึ่งภายในมีเงินสด 40,000 บาท วิ่งหลบหนีไปทางถนนราชดำเนิน
รุ่งขึ้นพล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พร้อมด้วยพ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รองผบก.น.1 พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.1 พ.ต.ท.ไตรรัตน์ เพ็งนู รองผกก.สส.สน.ชนะสงคราม ฝ่ายสืบสวนบก.น.1 และฝ่ายสืบสวนสน.ชนะสงคราม ร่วมกันประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ใช้เวลานานร่วม 3 ช.ม.
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าหลังเกิดเหตุคนร้ายได้ โบกรถแท็กซี่ สีชมพู มุ่งหน้าไปทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่จึงเชิญคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวมาสอบปากคำถึงรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายและได้ไปส่งที่ใด จนทราบว่าเป็นชายผมเกรียนสวมชุดซาฟารี สูงประมาณ 165-170 ซ.ม. ซึ่งตรงกับภาพวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุสามารถบันทึกไว้ได้ ก่อนที่ผู้เสียหายซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.หัวเฉียว จะชี้ตัวได้ว่าเป็นคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุ
สิบโมงวันที่ 10 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) พร้อม พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.1, พ.ต.อ. พาติกรณ์ ศรชัย ผกก.สน.ชนะสงคราม, พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.1 และ พ.ต.ท.ไตรรัตน์ เพ็งนู รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม
ร่วมแถลงผลจับกุมนายศักดิ์สิทธิ์ เอี่ยมฉวี อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาในคดีตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1270/2562 ลงวันที่ 9 สิงหาคม ฐาน “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส” จับกุมได้ที่ปากซอยหมู่บ้านสวีทโฮมปาร์ค หมู่ 14 ตำบลและอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
พ.ต.อ.นครินทร์กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ตนเคยทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยมาหลายแห่ง แล้วก่อเหตุลักทรัพย์ตามสถานที่ที่ไปเฝ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่เงินเพื่อนร่วมงานมาหลายครั้ง ก่อนจะลาออกไปสมัครงานเป็น รปภ.ของบริษัทอื่น กระทั่งตกงาน ไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง
โดยก่อนเกิดเหตุ พักอาศัยอยู่ใต้สะพานลอยพระราม 8 แล้วกำลังจะไปหางานทำในช่วงเย็น ซึ่งได้เดินผ่านมายังลานจอดรถหน้ากองสลากเก่าและเห็นว่าเปลี่ยว จึงทำทีเป็น รปภ.เพราะสวมเสื้อซาฟารี จนกระทั่งเห็นผู้เสียหายขับรถเข้ามาจอดเลยแกล้งสวมรอยเป็นรปภ.เข้าไปช่วยโบกรถ พร้อมกับสังเกตพบว่ามีกระเป๋าคาดเอวที่น่าจะมีเงิน
จึงรอจนถึงช่วงดึก และไปหาค้อนที่ใช้ก่อเหตุจากรถกระบะในลานจอดรถ ก่อนรอจนผู้เสียหายกลับมาที่รถจึงลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ ดังกล่าว โดยไม่มีเครื่องชอร์ตไฟฟ้าตามคำให้การของผู้เสียหาย คาดว่าอาจเกิดจากอาการชาบนเส้นประสาทเพราะถูกค้อนทุบ และชกต่อยเข้าใบหน้า ทั้งนี้ ผู้ต้องหาได้นำเงินที่ได้จากการก่อเหตุไปใช้ดื่มสุรากับเพื่อนจนเกือบหมด
พ.ต.อ.นครินทร์เปิดเผยประวัติสุดแสบของนายศักดิ์สิทธิ์ว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์โดยอาศัยความเป็นรปภ.ครั้งแรกเมื่อปี 2548 ก่อนจะหลบหนีจนหมดอายุความ โดยระหว่างนั้นยังคงก่อเหตุลักษณะเดียวกันเรื่อยมา ทั้งในพื้นที่ สน.สามเสน, สน.หนองค้างพูล, สน.บางยี่ขัน, สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
สาเหตุที่ตามจับตัวได้ยากเพราะคนร้ายมีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด แต่ไม่เคยกลับไปพักอาศัย และจะมีที่พักไม่เป็นหลักแหล่งอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม จากคดีล่าสุดนั้นเพิ่งจะลงมือทำร้ายร่างกายครั้งแรกเพราะผู้เสียหายคาดกระเป๋าไว้ที่เอว จึงยากต่อการชิงทรัพย์
ทั้งคดีเก่า คดีใหม่ ทบยอดรวมกันแล้ว โจรแสบรายนี้คงต้องเข้าไปนอนอยู่ในคุกอีกพักใหญ่เป็นแน่
พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี/อดิศร จิตตเสวี
เรื่อง/ภาพ