อุทาหรณ์คนเลือดเดือด!

วิวาทรถขวาง-ปืนเปรี้ยง

ยิงตัดพวงสวรรค์กระจุย

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ยิงตัดพวงสวรรค์กระจุย – ‘โทสะ’ 1 ในกิเลสใหญ่ 3 ประเภทที่มีอยู่ในใจของมนุษย์ ตามคำแยกแยะสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึง กิเลสที่หากกำเริบขึ้นมาแล้วย่อมทำให้ใจของผู้นั้นคิดทำลายคนอื่นให้เสียหาย ย่อยยับ เช่น เมื่อไม่ชอบใครขึ้นมาก็คิดต่อยตีเขาให้ยับเยิน จนกระทั่งอาจถึงกับคิดฆ่า คิดเผาทำลายทรัพย์สิ่งของของเขา เป็นต้น

เพราะกิเลสนี้นี่เอง ทำให้หลายครั้งหลายคราวเปลี่ยนคนให้การเป็นอาชญากรเพราะเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

ล่าสุดเกิดคดีที่สืบเนื่องจากโทสะจนเป็น ข่าวใหญ่ขึ้นพาดหัวตัวไม้หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เมื่อพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น.

นายเฉลิมพล วิ่งไล่ชายวัยรุ่น

ร่วมด้วยพล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน รอง ผบก.บก.น.2 พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.สุทธิพร สุกก่ำ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พิศิษฐ์ กิตติพัฒน์ธารากุล สว.สส. แถลงผลจับนายทรงวุฒิ หรือหรั่ง ศรีร้อยเอ็ด อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่า ที่บช.น. เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา

‘บิ๊กอวบ’ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. เวลาประมาณ 23.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง รับแจ้งเหตุคนใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ หน้าหมู่บ้านปิ่นเจริญ 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

เมื่อนำกำลังรุดไปตรวจสอบพบนายเฉลิมพล (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี เป็นข้าราชการสังกัดหน่วยงานแห่งหนึ่งในกระทรวงเกษตรฯ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณอวัยวะเพศ จึงได้ประสานกู้ภัยเพื่อนำผู้บาดเจ็บส่ง ร.พ.เปาโล-รังสิต

นายเฉลิมพลกองอยู่ที่พื้นหลังถูกยิง

เบื้องต้นตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดหน้า ร้านที่เกิดเหตุ และสอบปากคำผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า ผู้บาดเจ็บขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่หน้าร้านดังกล่าวเพื่อพูดคุยกับแฟนสาว แต่รถจักรยานยนต์ จอดขวางหน้ารถยนต์นิสสัน อัลเมร่า สีดำ ทะเบียน 7กร 3767 กรุงเทพมหานคร ทำให้คนขับรถคันดังกล่าวไม่พอใจบีบแตรเสียงดังลั่น เนื่องจากนำรถออกไม่ได้

แต่ผู้บาดเจ็บไม่ได้ให้ความสนใจเพราะเห็นว่ารถคันดังกล่าวสามารถถอยหลังออกถนนไปได้ จนทำให้เกิดทะเลาะวิวาทไล่ชกต่อยกันขึ้น

ก่อนคนขับรถยนต์จะชักปืนออกมาจากกระเป๋าที่สะพายอยู่ยิงถูกอวัยวะเพศของผู้บาดเจ็บจนล้มลงกองกับพื้น แล้วรีบขับรถหลบ หนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายทรงวุฒิ มีประวัติเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำในคดียาเสพติดและอาวุธปืนประมาณ 1 ปี เมื่อนำกำลังไปจับกุมที่บ้านพักแต่ไม่พบตัว จึงกดดันผ่านญาติ

กระทั่งผู้ต้องหายอมเข้ามอบตัวเมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 12 ส.ค. พร้อมอาวุธปืนพกขนาด .45 หมายเลขประจำปืน กท 5147672 และรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะหลบหนี

รับสารภาพว่าไม่พอใจที่มีปากเสียงกันและแย่งที่จอดรถบริเวณหน้าร้านที่เกิดเหตุ จึงเกิดความโมโหจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายดังกล่าว

นาทีลั่นไก

เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหามีอาวุธปืนและ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีปืนติดตัว, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน และพยายามฆ่า ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ดำเนินคดีต่อไป

แต่จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจร ปิดอย่างละเอียด พบว่าระหว่างช่วงชุลมุนมีบุคคลอื่นอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วยอีกหลายราย

ที่สำคัญในมือขวาของผู้บาดเจ็บถือสิ่งที่มี ลักษณะคล้ายของมีคมเข้าไปวิวาทกับกลุ่มนายทรงวุฒิ ก่อนที่นายทรงวุฒิจะเสียหลักล้มลงหลังรถ ผู้บาดเจ็บจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปวิ่งไล่ชายวัยรุ่นอีกรายอ้อมไปด้านหน้ารถ

นายทรงวุฒิ ศรีร้อยเอ็ด ผู้ต้องหา

นายทรงวุฒิจึงชักอาวุธปืนจากกระเป๋าสะพาย ที่พกมา ยิงใส่ผู้บาดเจ็บจนล้มลงจมกองเลือด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรอให้ผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้นก่อนจะสอบปากอย่างละเอียดอีก ครั้ง รวมถึงทุกบุคคลที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

แต่สุดท้ายไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เมื่อปล่อยให้โทสะครอบงำจนความโมโหโกรธาบังตา ก่อพฤติกรรมอุกอาจชักปืนยิงกันกลางเมืองชนิดเย้ยกฎหมายขนาดนี้ ไม่พ้นต้องกลับเข้าไปใช้ชีวิตอยู่หลังแดนตะราง อีกครั้ง

สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย เรื่อง/ภาพ