ปิดสมบูรณ์คดีเกาะเต่า ฎีกายืนประหาร 2 พม่า
ตีตกทั้งหมด 5 ประเด็น ชี้พยานหลักฐานแน่น
คอลัมน์ แฟ้มคดี
ปิดสมบูรณ์คดีเกาะเต่า ฎีกายืนประหาร 2 พม่า – ปิดฉากไปโดยสมบูรณ์ สำหรับคดีฉาวโลกอย่างเหตุฆาตกรรมบนเกาะเต่า
ที่ 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษตกเป็นเหยื่อความทารุณของ 2 ลูกจ้างชาวพม่า ที่ก่อเหตุข่มขืนแล้วฆ่า
โดยศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาเป็นที่สุด ยื่นตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตทั้งคู่
เนื่องจากพยานหลักฐานมัดแน่น โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
รวมทั้งประเด็นที่ผู้ต้องหายื่นฎีกาก็ฟังไม่ขึ้น
ยืนยันชัดเจนว่าทั้งคู่คือผู้ก่อเหตุตัวจริง
ไม่ใช่ ‘แพะเกาะเต่า’ อย่างที่พยายามอ้างกัน
★ ฎีกายืนประหารชีวิตคดีเกาะเต่า
เช้าวันที่ 29 ส.ค. ศาลจังหวัดนนทบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่อัยการเกาะสมุยเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายซอ ลิน หรือโซเรน และ นายเวพิว หรือ วิน สัญชาติพม่า เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภรรยา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
โดยกล่าวหาว่าลงมือฆ่านายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ และ ฆ่าข่มขืนน.ส.ฮันนาห์ วิกตอเรีย วิตเทอร์ริดจ์ นักท่องเที่ยว ชาวอังกฤษ ที่บริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2557
คดีนี้ศาลจังหวัดเกาะสมุย มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2558 ประหารชีวิตทั้งคู่ ฐานร่วมกันฆ่านายเดวิด และน.ส.ฮันนาห์ จำคุกคนละ 20 ปีฐานร่วมกันข่มขืนและกระทำชำเราหญิงอื่นอันมีลักษณะการโทรมหญิง
จำคุกนายเวพิว ฐานลักทรัพย์ ซึ่งเป็นมือถือของนายเดวิด แต่เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้ว ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดอื่นมารวมได้อีก
ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสองสถานเดียว ให้นายเวพิวชดใช้ค่าโทรศัพท์มือถือให้กับนายเดวิด เป็นเงิน 15,000 บาท
ต่อมาทั้งสองยื่นอุทธรณ์ วันที่ 1 มี.ค.2560 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ทั้งคู่ยื่นฎีกา 5 ประเด็น
โดยศาลฎีกา พิจารณาว่า ประเด็นที่ 1 ที่ทั้งสองฎีกาว่าถูกล่ามแปลภาษาและเจ้าพนักงานตำรวจข่มขู่ใช้กำลังทำร้าย บังคับให้รับสารภาพ และจำเลยทั้งสองไม่ยินยอมให้ตรวจเก็บดีเอ็นเอจากเยื่อบุกระพุ้งแก้ม เห็นว่า ล่ามที่มาปฏิบัติหน้าที่ล้วนเป็นชาวพม่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี ไม่มีเหตุผลต้องข่มขู่ทำร้ายจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นคนชาติเดียวกัน
ส่วนล่ามที่ตำรวจจัดหามาที่เป็นชาวเบงกาลี ซึ่งขัดแย้งกับชาวยะไข่นั้น เป็นเพียงการกล่าวอ้าง ล่ามที่เป็นเบงกาลีก็มีเพียงคนเดียว การปฏิบัติหน้าที่อยู่ในความดูแลของตำรวจ การนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก็มีสื่อมวลชน ซึ่งมีชาวพม่าเข้าร่วมสังเกตการณ์
หากมีการขู่บังคับจำเลยจริงก็ต้องมีพยานรู้เห็น ส่วนบาดแผลที่อ้างนั้น มีแพทย์ประจำสถานพยาบาลเอกชน เกาะเต่า ระบุว่าตรวจร่างกายไม่พบร่องรอยฟกช้ำ ชีพจรเป็นปกติ อาการทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติ
จำเลยถูกจับเมื่อวันที่ 2 ต.ค.2557 ต่อมาวันที่ 3 ต.ค. ตำรวจคุมตัวจำเลยไปชี้ที่เกิดเหตุ แล้วสอบคำให้การ ทั้งคู่ก็ยืนยันรับสารภาพ เมื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเมื่อวันที่ 10 ต.ค. จำเลยก็รับสารภาพ ส่วนที่อ้างว่าถูกดีดอัณฑะหลายครั้ง ให้ถอดเสื้อผ้าในห้องเย็น ก็เป็นการง่ายที่จะกล่าวอ้างเพราะจุดที่ถูกทำร้ายอยู่ในที่ลับ ส่วนที่ว่าเจ็บหน้าอก เมื่อใช้เครื่องซีทีสแกนก็ไม่พบความผิดปกติ
กรณีนี้จึงฟังไม่ได้ว่าถูกตำรวจและล่ามทำร้าย
ประเด็นที่ 2 ฎีกาว่าถูกใส่ร้าย นำผลดีเอ็นเอที่พบในก้นกรองบุหรี่ของกลาง ไปใส่ในช่องคลอด ทวารหนัก หัวนมข้างขวาของเหยื่อ หรือนำผลดีเอ็นเอหลังถูกจับกุมไปใส่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ในการสอบสวนได้ส่งก้นบุหรี่ไปให้กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ส่วนศพผู้ตายอยู่ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ
แม้จะอยู่สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเหมือนกัน แต่เป็นคนละหน่วยงาน มีอำนาจหน้าที่ต่างกัน การจะร่วมสร้างหลักฐานเอาผิดจำเลยทั้งสอง เป็นไปได้ยาก อีกทั้งการตรวจพบดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่ มีผลออกมาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2557 แต่ผลดีเอ็นเอในตัวเหยื่อ พบเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2557 มีก่อนจะเชื่อมโยงถึงจำเลย นอกจากนี้จากก้นบุหรี่พบดีเอ็นเอของนายเมาเมา แต่ไม่ปรากฏว่ามีการเอาผิดนาย เมาเมา ว่ารู้เห็นเกี่ยวข้อง แสดงว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา ฟังไม่ได้ว่าสร้างหลักฐานเท็จ
★ พิจารณาละเอียด 5 ประเด็น
ประเด็นที่ 3 ฎีกาว่าการตรวจพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้มาตรฐาน ISO 17025 เพราะไม่มีหลักฐานถือครองวัตถุพยาน และไม่มีกราฟที่ออกจากเครื่องประมวลผลการตรวจวิเคราะห์สารพันธุกรรมอัตโนมัติมาแสดง ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำเบิกความของพนักงานสอบสวนพบว่ามีการทำตามขั้นตอน เป็นไปตามการตรวจเก็บสถานที่เกิดเหตุของเอฟบีไอทุกขั้นตอน
ส่วนที่อ้างว่าไม่มีกราฟพิมพ์ออกจากเครื่องวิเคราะห์อัตโนมัติ เห็นว่าข้อมูลจากกราฟเป็นเพียงปลายทางของการตรวจพิสูจน์เท่านั้น ซึ่งเป็นการนำข้อมูลดิบมากรองลงในตาราง
เมื่อต้นทางการตรวจพิสูจน์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงให้ต้องสงสัย รายงานผลการตรวจย่อมน่าเชื่อถือ จึงเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนัก ศาลนำมารับฟังได้
ประเด็นที่ 4 ฎีกาว่าพยานโจทก์เบิกความเกี่ยวกับบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศของน.ส.ฮันนาห์ ขัดแย้งกัน และจอบของกลางตรวจไม่พบดีเอ็นเอของจำเลย เห็นว่าหลังจากการผ่าพิสูจน์ศพน.ส.ฮันนาห์ พบหัวนมข้างขวามีร่องรอยการกัด มีรอยฉีกขาดบริเวณปากช่องคลอดด้านล่าง กับรอยถลอกปริบริเวณฝีเย็บยาวถึงทวารหนัก พยานโจทก์เบิกความตรงกันว่าผู้ตายน่าจะถูกประทุษร้ายทางเพศ
ส่วนจอบที่ไม่พบดีเอ็นเอ มีพยานระบุว่าด้ามจอบมีสัมผัสขรุขระ เต็มไปด้วยร่องเสี้ยน ยากที่เซลล์ผิวหนังคนร้ายจะติดอยู่กับด้ามจอบ เมื่อพิจารณาศพนายเดวิดในทะเล เชื่อว่าจำเลยฆ่านายเดวิดก่อนลงมือกระทำชำเราน.ส.ฮันนาห์ ด้ามจอบอาจถูกชะล้างด้วยน้ำทะเล และหลังจากฆ่าน.ส.ฮันนาห์ จำเลยอาจจะลงไปล้างคราบเลือดที่เสื้อผ้าและนำจอบมาล้างน้ำทะเลอีกครั้ง
พยานหลักฐานถึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกันฆ่านายเดวิด และข่มขืนน.ส.ฮันนาห์แล้วลงมือฆ่าซ้ำ
ประเด็นที่ 5 นายเวพิว กระทำความผิดลักทรัพย์ผู้อื่นเวลากลางคืนหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น แต่ก่อนหน้านี้นายเวพิว ให้การตำรวจในฐานะพยานว่าเป็นผู้เอาโทรศัพท์ไป เมื่อถูกจับกุมก็สารภาพอีกว่าเอาไป
คดีมีประเด็นวินิจฉัยข้อสุดท้ายว่า นายเวพิว จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนซึ่งเป็นมือถือของนายเดวิด ผู้ตายที่ 1 ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 หรือไม่
การให้ปากคำนั้นก็เพียงวันเดียวหลังจากที่ถูกควบคุมตัวซึ่งเป็นระยะกระชั้นชิด จำเลยคงไม่มีโอกาสที่จะคิดให้การบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ผิดไปเป็นอย่างอื่น จึงเชื่อได้ว่านายเวพิว ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนด้วยความสมัครใจและตามความสัตย์จริง
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
★ ย้อนรอยฉาวลั่นโลก
สำหรับคดีดังกล่าว เป็นคดีสะเทือนขวัญเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2557 โดยในที่เกิดเหตุพบหลักฐานสำคัญคือก้นบุหรี่ยี่ห้อแอลเอ็ม ที่พบในที่เกิดเหตุ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นดีเอ็นเอเดียวกับอสุจิ ที่พบในร่างของน.ส.ฮันนาห์
ที่สำคัญคือเป็นดีเอ็นเอของชาวเอเชีย
จึงไล่สอบสวนลูกจ้างในสถานประกอบการเกาะเต่า พร้อมเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ แต่ผลตรวจก็ไม่ตรงกับที่พบในก้นบุหรี่และอสุจิ
จนพบชาย 3 คน ประกอบด้วย นายเวพิว หรือ วิน นายซอลิน หรือ โซเรน และ นายเมา ซึ่งให้การวกวน แต่เมื่อไม่มีหลักฐาน ก็จำต้องปล่อยตัวไปชั่วคราว แต่หลังจากปล่อยตัว นายเวพิว ก็ไปย้อมผมเป็นสีทอง ก่อนเดินทางออกจากเกาะเต่าทันที
เจ้าหน้าที่ที่ตามประกบ จึงล็อกตัวกลับมาสอบสวนอีกรอบนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็รับสารภาพ และซัดทอดว่านายซอลินร่วม ลงมือด้วย แต่นายเมากลับห้องพักไปก่อน นอกจากนี้ยังพบวงจรปิดว่านายเมาเป็นคนเดินไปซื้อบุหรี่ยี่ห้อดังกล่าวจากร้านสะดวกซื้อ ก่อนแบ่งให้เพื่อนๆ สูบ แล้วทิ้งไว้
แม้จะมีความพยายามกล่าวอ้างว่าเป็นแพะ แต่ก็ไม่สามารถแก้ต่างหลักฐานได้
เมื่อตรวจสอบดีเอ็นเอของทั้งคู่ก็ปรากฏชัดเจนว่าคือคนร้ายในคดีนี้
ถือเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มัดคนร้ายจนดิ้นไม่หลุด