เกาะติดคดีจับตายกุ๊กรร.
ถือมีดบุกทวงเงินเดือน
ญาติโวยตร.-ทำเกินเหตุ
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
เกาะติดคดีจับตายกุ๊กรร.ถือมีดบุกทวงเงิน : ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมตัวผู้ต้องหา โดยเฉพาะหลักยุทธวิธีเพื่อประเมินระดับการใช้กำลัง และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หมั่นฝึกทบทวนการปฏิบัติงาน ตามยุทธวิธีตำรวจเพื่อให้เกิดความเคยชิน กระทั่งสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนได้อย่างอัตโนมัติ
ที่ต้องเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามยุทธวิธีตำรวจ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความ สูญเสีย ทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และผู้ถูกควบคุมตัว และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน สามารถอธิบายให้สังคมรับรู้และยอมรับได้ ว่าเจ้าหน้าที่กระทำการตามอำนาจหน้าที่ อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
พฐ.เก็บหลักฐาน
ล่าสุดเกิดกรณีปัญหาขึ้นอีกเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี กระทำวิสามัญฆาตกรรมนายประจักษ์ชัย ศิริเวช อายุ 35 ปี พ่อครัวของโรงแรมนิวซีวิว รีสอร์ท ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี บริเวณลานจอดรถทัวร์หน้าโรงแรม ซึ่งสร้างความคลางแคลงใจให้กับญาติผู้ตายว่าเป็นกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
ย้อนไปเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 7 ก.ย. ร.ต.ท.อริส พวงไสว รอง สว. สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ที่โรงแรม นิวซีวิว รีสอร์ท จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนนำกำลังตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่บริเวณลานจอดรถทัวร์หน้าโรงแรม พบศพนายประจักษ์ชัย พ่อครัวของโรงแรมดังกล่าว นอนเสียชีวิตในสภาพคว่ำหน้า มีร่องรอยถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะ เลือดไหลนองพื้น ข้างกันพบมีดและเหล็กแหลมตกอยู่ และพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 2 ปลอก ตกอยู่บนพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเคลื่อนย้ายศพออกจากที่เกิดเหตุ
สอบถามนายสมใจ ศิริเวช อายุ 37 ปี เล่าให้ฟังว่า ตนเป็นพี่ชายผู้เสียชีวิต ซึ่งทำงานเป็นพ่อครัวในโรงแรมดังกล่าว มาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว ขณะเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ได้รับฟังข้อมูลจากผู้เห็นเหตุการณ์ โดยระบุว่า น้องชายถืออาวุธเหล็กแหลมขึ้นมาทวง เงินเดือนที่ออฟฟิศ
หลังจากนั้นทางพนักงานได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุ เมื่อตำรวจสายตรวจมาถึงก็สั่งให้น้องชายวางอาวุธ ในขณะที่น้องชายกำลังวางอาวุธลงตามคำสั่งของตำรวจ แต่ปรากฏว่าน้องชายมีท่าทีจะพุ่งเข้าใส่ตำรวจ ตำรวจที่ทราบชื่อเพียง จ่าแซม ได้ชักอาวุธปืนประจำกายยิงเข้าที่ศีรษะจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น โดยอ้างว่ายิงเพราะป้องกันตัว
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าได้ปฏิบัติตามยุทธวิธีที่ฝึกมาหรือไม่ รวมทั้งเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. จึงออกมาชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. เวลาประมาณ 23.40 น. ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุ มีชายคลุ้มคลั่งถืออาวุธมีดเข้ามาภายในโรงแรงที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบผู้ตายยืนถือมีดอยู่บริเวณหน้าโรงแรม จึงออกคำสั่งให้ผู้ตายหยุดและทิ้งอาวุธมีดในมือ ตามขั้นตอนของหลักยุทธวิธีตำรวจ
แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะควบคุมตัว ผู้ตายได้ใช้อาวุธมีดแทง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บบริเวณมือขวาและยังต่อสู้ขัดขืน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชักอาวุธปืนมาขู่ แต่ผู้ตายกลับพยายามใช้อาวุธมีดแทงในระยะประชิดอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงอาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว แต่ปรากฏกระสุนไปถูกศีรษะของผู้ตาย ทำให้ถึงแก่ความตาย
พี่ชายยังคาใจ
ภายหลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุโดยสังเขป และร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น พร้อมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์ อัยการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และนำศพส่ง ร.พ.บางละมุงเพื่อส่งสถาบันนิติเวชชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ และตรวจสอบข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรรม พบว่าผู้ตายเคยต้องโทษในคดีอาญามาก่อน จึงได้สอบสวนและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสามารถตอบคำถามสังคมได้ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
โดยหากผลการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีข้อบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ก็จะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ต่อมาวันที่ 10 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสมใจ พร้อมนายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ เข้ายื่นหนังสือถึงผบ.ตร. ให้ออกหมายเรียกกล้องวงจรปิดจากโรงแรมที่เกิดเหตุ เพื่อเปิดเผยความจริงว่าทำไมน้องชายจึงถูกยิงตาย โดยมี พ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ทิพย์โยธา รอง ผบก.สส. ในฐานะเวรอำนวยการประจำวัน เป็นผู้รับเรื่องไว้ เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชา
นายวรกรกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ภายหลังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุ นายประจักษ์ชัยผู้ตายหมอบลงกับพื้นและบอกว่ายอมแล้ว แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเข้าศีรษะด้านหลัง ทำให้ญาติติดใจว่าเป็นการยิงเพื่อป้องกันตัวจริงหรือไม่
บุกร้องตร.
ทางญาติจึงต้องการเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด และขอให้ผบ.ตร.ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว เนื่องจากไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจในท้องที่ ว่าจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่
เป็นอีกครั้งที่ตำรวจตกเป็นจำเลยสังคม หรืออาจถึงเวลาที่ต้องพิจารณานำปืนชอร์ตไฟฟ้ามาใช้จับกุมแทน ในรายที่ผู้ต้องหาไม่มีอาวุธปืน
อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล
คมกฤช ราชเวียง
เรื่อง/ภาพ
