เจาะคดีสยองพนัสนิคม
โจรในคราบผู้โดยสาร
ลวง-ฆ่าชิงจยย.วินเฒ่า
คอลัมน์ สดจากสนาาข่าว
เจาะคดีสยองพนัสนิคม – สังคมคนเราทุกวันนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน นอกจากจะปากกัดตีนถีบหาเช้ากินค่ำแล้ว ยังต้องคอยระแวดระวังภยันตรายจากโจรร้ายที่แฝงมาในรูปแบบของคนคุ้นเคย
ล่าสุดเกิดเหตุสลดกับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างผู้เฒ่า ที่ถูกผู้โดยสารลวงไปฆ่าชิงรถคู่ชีพอย่างเหี้ยมโหด
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.อิสรา อะโรคา รอง สว.สอบสวน สภ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุพบศพชายสูงอายุถูกฆ่าหมกพงหญ้า บริเวณทุ่งนาริมถนนสายบ้านใหม่-ศาลาแดง ใกล้กับวัดศาลาแดง ม.3 ต.หน้าพระธาตุ
ย้อนนาทีสังหาร
หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ก่อนนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อม ‘บิ๊กกบ’ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.กฤษณะ วนะบดีนิมิต ผกก.สภ.พนัสนิคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่ พฐ. แพทย์ร.พ.พนัสนิคม และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างทุ่งเหียง
ที่เกิดเหตุพบศพ นายจำรัส ชิดฉ่าง หรือ ลุงจำรัส อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/1 เขตเทศบาลเมืองพนัสนิคม ต.หน้าพระธาตุ สวมเสื้อวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง นอนสิ้นลมหายใจจมกองเลือดอยู่ในพงหญ้า เมื่อนำร่างออกมาพบบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าตามร่างกายเป็นแผลฉกรรจ์รวม 5 แห่ง แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง
สภาพศพลุงจำรัส
นายจำรัส ชิดฉ่าง ผู้เสียชีวิต
ใกล้กันยังพบมีดปาดตาลเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 เล่ม คาดเป็นทูตสังหารของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ
เบื้องต้นทราบว่า ลุงจำรัสขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างประจำวินวงเวียนเก่า มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีเทาดำ ป้ายแดง 05-259 สภ.พนัสนิคม เป็นรถคู่ชีพ ก่อนกลายเป็นศพมีผู้เห็นลุงออกไปขี่รถรับส่งผู้โดยสารตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็มีผู้มาพบว่าถูกฆ่าหมกพงหญ้า ส่วนรถคู่ชีพหายไป
เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังออกตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดรอบจุดเกิดเหตุ เพื่อตามล่าตัวบุคคลที่คาดว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ
นายอานุภาพ เลิศล่อง ผู้ต้องหา
ขณะเดียวกันผู้คนในโลกออนไลน์ต่างช่วยกันแชร์เรื่องราวการเสียชีวิตของลุงจำรัส ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวพนัสนิคม เพื่อช่วยกันตามหาเบาะแสของคนร้ายใจโหดรายนี้
เวลาผ่านไปเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ตำรวจก็ตามไปรวบตัวนายอานุภาพ เลิศล่อง อายุ 50 ปี บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เมื่อค่ำวันที่ 8 ก.ย. ก่อนหิ้วตัวกลับไปสอบสวนที่ สภ.พนัสนิคม
สาเหตุที่ตำรวจเมืองชลตามล่าข้ามภูมิภาคไปจับตัว เพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบประวัติการใช้โทรศัพท์ของลุงจำรัส พบว่าหมายเลขสุดท้ายที่โทร.ติดต่อกันคือเบอร์โทรศัพท์ของนายอานุภาพ
เมื่อตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของนายอานุภาพพบว่ากำลังนั่งรถโดยสารกลับบ้านเกิดที่ อ.สังขะ จึงนำกำลังไปดักจับตัวได้ในที่สุด
เมื่อจนมุมด้วยหลักฐานที่แน่นหนาขนาดนี้ นายอานุภาพก็ทำได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือสารภาพ
‘บิ๊กกบ’คุมทีมทำแผนฯ
‘บิ๊กกบ’ นำทีมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหารายนี้ในวันที่ 9 ก.ย. โดยนายอานุภาพให้การว่า รู้จักและเคยใช้บริการเป็นประจำจนคุ้นเคย ขนาดมีเบอร์โทรศัพท์ของลุงจำรัสเพื่อว่าจ้างให้ไปส่งตามที่ต่างๆ
ก่อนก่อเหตุโทรศัพท์เรียกลุงจำรัสให้ไปรับที่หน้าสวนสาธารณะเทศบาลเมืองพนัสนิคม และให้ไปส่งที่โรงงานที่เคยทำอยู่
แต่ระหว่างทางได้ออกอุบายให้ลุงเลี้ยวแวะไปส่งยังจุดเกิดเหตุ อ้างไปทำธุระ ก่อนทำทีเป็นหาเงินจ่ายค่าโดยสาร จากนั้นฉวยจังหวะที่ลุงจำรัสเผลอเพราะความไว้ใจในลูกค้าประจำ ชักมีดปาดตาลที่พกมากระหน่ำแทงไม่ยั้งจนเหยื่อมีดสิ้นใจคามือ
จากนั้นลากศพไปหมกไว้ในพงหญ้า ขโมยเงินในร่างของผู้ตายที่มีอยู่ 3,000 บาท แล้วรถมอเตอร์ไซค์ของลุงจำรัสขี่หลบหนี ก่อนนำไปขายได้เงินมา 20,000 บาท แล้วนั่งรถทัวร์กลับบ้านเกิดไปจนมุมในที่สุด
หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางบรรดาไทยมุงจำนวนมากที่ทราบข่าวพากันมาดูหน้าฆาตกรโหด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนคุ้นเคยกับลุงจำรัสเป็นอย่างดี
ชาวบ้านฮือประชาทัณฑ์ต้องพาหนี
ขนาดเจ้าหน้าที่จะระดมกำลังตำรวจมากถึง 50 นาย ไม่รวม อส. และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอีกจำนวนหนึ่งคอยป้องกัน แต่ก็ไม่อาจสู้แรงโกรธแค้นของชาวบ้านที่พยายามฝ่าวงล้อมเข้ารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาได้ ทำให้ต้องรีบพาตัวนายอานุภาพกลับ สภ.พนัสนิคมทันที หลังทำแผนฯ ไปได้เพียง 10 นาทีเท่านั้น
แม้ผู้ต้องหาจะรอดตายจากถูกชาวบ้านรุมกระทืบได้ แต่ก็ไม่อาจพ้นจากกรรมที่กระทำไว้ ต้องไปนอนคุกนับวันรอคำพิพากษาจากศาลสถิตยุติธรรม ว่าจะต้องให้ชดใช้ความผิดตามขบวนการของอาญาบ้านเมืองอย่างไรต่อไป
บัวภา เจิมนาค / สวัสดิ์ ผลชัยภูมิ
เรื่อง/ภาพ
