จับคารถทัวร์สารวัตรยาบ้า
ลอบขนยาบ้า1.9แสนเม็ด
ตร.ไม่เลี้ยง-ไล่ออกทันที
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
จับคารถทัวร์สารวัตรยาบ้า – เม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ล่อตาล่อใจ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากตัดสินใจกระโจนเข้าสู่เส้นทางอันตราย แม้นจะมีข่าวการจับกุมหรือการวิสามัญฆาตกรรมกลุ่มขบวนการค้ายาให้เห็นอยู่บ่อยๆ ก็ยังยอมเสี่ยง
นำตัวดำเนินคดี
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการปราบปรามจับกุมก็ยังไม่วายหลงไปกับผลประโยชน์ที่ถูกหยิบยื่นให้ ถึงขั้นใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการไปใช้เพื่อการขนยาเสพติด
ย้อนไปเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ ด่านถ้ำปลา ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย นำโดย พ.ต.ท.วรเทพ คำดี สวป.สภ.แม่สายฯ, ร.ต.ท.ภุชงค์ เรือนแก้ว รอง สว (ป.) สภ.แม่สาย ตั้งด่านประจำจุดตรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 กองกำลังผาเมือง พบรถโดยสารประจำทาง บริษัท นครชัยทัวร์ สายแม่สาย-กรุงเทพฯ ทะเบียน 10-7937 นครสวรรค์ วิ่งผ่านมา จึงเรียกเพื่อตรวจค้นตามปกติ
กระเป๋าที่ใต้รถทัวร์
จากการตรวจสอบผู้โดยสารภายในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่เมื่อลงไปตรวจสอบกระเป๋าเดินทางผู้โดยสารภายในช่องเก็บสัมภาระด้านข้างรถ พบกระเป๋าเดินทางต้องสงสัยล็อกกุญแจอยู่ จึงสอบถามหาเจ้าของ
แต่จังหวะนั้นมีผู้โดยสารคนหนึ่งแสดงอาการพิรุธ พร้อมวิ่งหนีลงจากรถหายเข้าไปในป่าข้างทาง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงจัดกำลังออกติดตาม จนสามารถติดตามควบคุมตัวไว้ได้ ก่อนสอบสวนพบว่าคือพ.ต.ท.สุรจิต ทาวุธ หรือ สว.เบียร์ อายุ 35 ปี ตำแหน่ง สว.กก.สส.ภ.จว.อุทัยธานี
ขณะที่ในกระเป๋าเดินทางของพ.ต.ท.สุรจิต พบยาบ้าจำนวน 198,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ จึงควบคุมตัวมา สอบสวน
พ.ต.ท.สุรจิตให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวเป็นของตนจริง โดยได้รับจ้างขนยาบ้าจากนายโอ๊ต ไบเล่ หรือนายสัญญา ศาลางาม เป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งติดต่อกันทางไลน์ ให้รับยาบ้าจากบริเวณริมถนนบ้านเกาะทราย ม.7 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมีคนนำมาวางไว้ให้ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. และจะนำไปส่งให้นายโอ๊ตในพื้นที่ กทม. หากทำสำเร็จจะได้ค่าจ้างจำนวน 100,000 บาท แต่ก็มาถูกจับกุมได้เสียก่อน
ยาบ้าของกลาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะนำตัวพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รุ่งขึ้น ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า พล.ต.ท.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบช.ภ.6 ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ สว.เบียร์ มีคำสั่งไล่ออกจากราชการทันที เนื่องจากประวัติของ สว.เบียร์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องยาเสพติด และให้ย้ายออกมาปฏิบัติราชการจาก บช.ภ.จว.อุทัยธานี ให้มาที่ ศปก.บช.ภ.6 แต่เรื่องสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก จึงมีคำสั่งไล่ออกจากราชการทันที
กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 จะมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ว่ามีส่วนปล่อยปละละเลย ไม่กำกับดูแลให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปกระทำความผิดหรือไม่อย่างไร
หลังจาก สว.เบียร์ถูกจับ ชื่อของพ.ต.ท.พิเชษฐ เสาแบน หรือ สว.แย้ ที่เคยเป็นข่าวถูกเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ภาค 6 ตรวจค้นพัสดุที่ถูกส่งมาที่บ้านพบยาอี 50 เม็ด และไอซ์ 51.3 กรัม แต่เจ้าตัวได้ย้ายไปประจำการอยู่ที่ บก.ทท.2 ที่ จ.เชียงใหม่ ในตำแหน่ง สว.กก.2 ได้ไม่นานก่อนที่พัสดุกล่องนี้ส่งมาที่บ้าน จึงมีเพียงแม่และพ่ออยู่ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าถูกแก๊งยาเสพติดกลั่นแกล้ง ก็กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง
สารวัตรยาบ้าสิ้นท่า
ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.60 และยังมีความเกี่ยวพันกับนายโอ๊ต ไบเล่ หรือนายสัญญา ศาลางาม หัวโจก ‘แก๊งไบเล่’ แก๊งยาชื่อดังในภาคกลาง ที่ทั้ง ตร.ปส.และป.ป.ส. จับตาดูอยู่ ข้อมูลจากป.ป.ส. ระบุว่าเครือข่าย ‘แก๊งไบเล่’ จะให้ผู้ที่จะมารับยาเสพติดไปขายนำบัตรประชาชนมาแลกไว้แทนเงินค่ายา ทำให้กลุ่มนี้นำบัตรประชาชนของคนที่นำยาไปขายไปใช้ประโยชน์ในขณะที่ส่งยาเสพติดผ่านพัสดุที่ต้องใช้บัตรประชาชนในการแสดงชื่อผู้ส่งก่อน หลายครั้งจึงพบว่าบัตรประชาชนไม่ตรงกับคนส่ง
นาทีล้อมจับ
คดีนี้จึงมีความซับซ้อนที่ไม่ธรรมดา ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งสืบสวนขยายผล กระชากหน้ากากขบวนการค้ายานรกกลุ่มนี้ออกมาสู่สายตาประชาชนให้ได้โดยเร็ว
ตำรวจต้องทำงานท่ามกลางผลประโยชน์มากมาย หากไม่หนักแน่นจริงๆ ก็มีโอกาสเกมได้ง่ายๆ สารวัตยาบ้ารายนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง
เกรียงไกร ปัญโญกาศ
เรื่อง/ภาพ
