แฟ้มคดี

ถือเป็นเรื่องที่กระทบกับคนกรุง และคนในสังคมเมืองใหญ่โดยตรง

เมื่อการเดินทางไปไหนมาไหน ต้องพึ่งพาระบบโดยสารสาธารณะ

หลายครั้งต้องเรียกแท็กซี่เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย และหลายครั้งก็เหมือนเสี่ยงโชค จะเจอโชเฟอร์ในสภาพไหนๆ

แม้กรมการขนส่งทางบกจะพยายามเข้าไปควบคุม แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวัง

จนประชาชนจำนวนมาก หันไปใช้บริการ ‘อูเบอร์’ ที่ใช้รถส่วนบุคคลวิ่งรับส่งคน

แต่ก็เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ที่ทำให้ทางเลือกเหลือน้อยลงกว่าน้อย

ในขณะที่พฤติกรรมแท็กซี่ก็ถูกโจษจัน อย่างในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นถึง 3 ครั้ง

จึงกลายเป็นคำถามถึงผู้มีอำนาจในบ้านเมือง จะแก้ไขอย่างไร

และเปิดทางเลือกให้ประชาชนมากกว่านี้ได้หรือไม่

 

  • แท็กซี่ป้ามหาภัยไล่ลูกค้า

เป็นเรื่องฮือฮาอย่างมาก เมื่อผู้ใช้ เฟซบุ๊ก “Yaowalak Chusri” โพสต์คลิปเตือนภัยเกี่ยวกับการใช้บริการแท็กซี่ โดยระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค. โดยภายในคลิปเป็นการทะเลาะวิวาทระหว่างคนขับแท็กซี่หญิงกับ ผู้โดยสารที่มากับครอบครัว มีผู้หญิง และเด็ก

โดยโชเฟอร์หญิงตะคอกใส่ผู้โดยสาร และจอดไล่ลงจากรถ แถมยังมีการฉุดกระชากกันอย่างรุนแรง จนทำให้เด็กที่อยู่ในรถตกใจร้องไห้ออกมา

เมื่อตรวจสอบพบว่าป้าแท็กซี่คนนี้ก็คือ นางผุสดี อัญชัญภาติ บ้านเดิมอยู่อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

มีหมายจับศาลอาญา เลขที่ 454/2558 ลงวันที่ 5 มี.ค. 2558 ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยเอาทรัพย์สินที่ผู้โดยสารลืมไว้ ประกอบด้วยเงินสด 1 หมื่นบาท และบัตรหลายรายการ

นอกจากนี้ในปี 2556 ยังมีคดีที่ สน.บางซื่อ ข้อหาทำให้เกิดความกลัวโดยขู่เข็ญด้วยอาวุธมีด

อีกทั้งในปี 2557 มีผู้ไปแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน ว่าถูกแท็กซี่จี้ชิงทรัพย์ เป็นเงิน 2 พันบาท และทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บอีกด้วย

ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 5 เม.ย. นางผุสดีก็เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ตามหมายจับคดีลักทรัพย์ โดยยอมรับว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน มักจะทะเลาะกับผู้โดยสารเรื่องเส้นทางหลายครั้ง และจะโมโหถ้าต้องไปเส้นทางที่รถติด เพราะอยากส่งผู้โดยสารเร็วๆ จะได้ไปรับผู้โดยสารคนอื่นต่อ ต้องหาเงินใช้หนี้

เครียดเพราะมีหนี้สินถึงขั้นขายบ้านขายรถ ไม่ประสบความสำเร็จเรื่องครอบครัว โดยวันเกิดเหตุผู้โดยสารเรียกจากแพลทินัมไปส่งย่านจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งรถติด ผู้โดยสารจึงให้เข้าซอยตนก็เข้า แต่เมื่อรถติด กลับกล่าวหาว่าตนขับอ้อม จึงเครียด ขอให้ผู้โดยสารลง แต่ก็ไม่ยอมจ่ายเงิน แต่ผู้โดยสารคนแม่จ่ายเงินมา ลูกไม่ให้จ่าย จึงยื้อจนเงินขาด

ส่วนเรื่องข้อหาลักทรัพย์และจี้ชิงทรัพย์ ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ขณะที่ทนายความเตรียมยื่นหลักทรัพย์ 2 แสนบาทประกันตัว พร้อมเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้นางผุสดีเคยเปิดกิจการร้านอาหารญี่ปุ่นย่านสีลม มีฐานะดี แต่เจอผลกระทบการชุมนุมทางการเมืองจนถูกแบงก์ยึดบ้านราคากว่า 10 ล้านบาท สามีก็ทอดทิ้งให้เลี้ยงลูก 2 คนตามลำพัง จนเกิดความเครียดสะสม

 

  • จับโชเฟอร์หื่น-ให้อมนกเขา

ทำแผนแท็กซี่หื่น

อีกคดีหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 เม.ย. โดยน.ส.อ้าย (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติพม่า พาร่างสะบักสะบอม มีเลือดออกที่ใบหน้า ปากและจมูก เข้าแจ้งความกับร.ต.ท.ศิริพงษ์ ลาพานิชย์ ร้อยเวรสน.ห้วยขวาง

ระบุว่าถูกคนขับรถแท็กซี่พยายามขืนใจ และทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดที่บริเวณถนนเทียมร่วมมิตร (รฟม.ตัดใหม่) แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. จึงช่วยกันปฐมพยาบาลและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ

พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช รองผบก.อก. บก.น.1 รรท.ผกก.สน.ห้วยขวาง เผยว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ทราบว่าน.ส.อ้ายเรียกแท็กซี่จากซอยอุดมเกียรติ ถนนสุทธิสารฯ เพื่อไปหาเพื่อนย่านถนนพัฒนาการ

แต่ระหว่างทางโชเฟอร์แวะจอดที่ถนนเทียมร่วมมิตร พยายามขืนใจผู้เสียหาย โดยใช้กำลังปลุกปล้ำ ทุบตีชกหน้าทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ แต่เนื่องจากเหยื่อมีประจำเดือนพอดี ทำให้คนร้ายไม่ได้ลงมือ แต่ก็พยายามกดหัวน.ส.อ้าย ให้สำเร็จความใคร่ด้วยปาก เหยื่อสาวจึงฉวยโอกาสใช้ฟันกัดเข้าที่อวัยวะเพศคนร้ายจนเลือดสาด แล้วเผ่นหนีขึ้นรถแท็กซี่อีกคันที่ขับผ่านมาพอดี

ส่วนคนร้ายหลบหนีไปทางถนนพระราม 9 ด้วยความรวดเร็ว ทั้งนี้ตำรวจเร่งติดตามจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ และมีหลักฐานที่เหยื่อสาวถ่ายรูปบัตรประจำตัวคนขับเอาไว้ จึงจะติดตามมาสอบสวน

อย่างไรก็ตามจากการเชิญตัวคนขับแท็กซี่ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่อยู่ในบัตรบริเวณคอนโซลหน้า แต่บุคคลดังกล่าวยอมรับว่าเป็นบัตรตนที่เช่าแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีเหลือง ทะเบียน ทย 872 กทม. มานาน 3 ปี

แต่วันดังกล่าวไม่ได้ขับโดยมีคนอื่นมาขับแทน ซึ่งเมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ชัดเจนว่าคนที่นำรถไปขับไม่ใช่ผู้ที่มีชื่ออยู่ตามบัตร

เมื่อตรวจสอบไปจนได้ความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ก็รวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลอาญา รัชดาฯ ออกหมายจับนายคมสรรณ์ โตทิม อายุ 34 ปี ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่ายังนายคมสรรณ์มีหมายจับของศาลจังหวัดระยอง เลขที่ จ.713/2558 ลงวันที่ 19 พ.ย. 2558 ในข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุต่ำกว่า 15 ปี

แต่ก็โผล่มาขับแท็กซี่ แถมตำรวจยังตามจับกุมกันจ้าละหวั่น

สุดท้ายไปจนมุมที่กาญจนบุรี ก่อนนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยนายคมสรรณ์อ้างว่าต้องการเพียงแค่จะชิงทรัพย์เท่านั้น แต่เกิดความโมโหที่ผู้เสียหายขัดขืน และมาบีบลูกกระเดือก จึงลงมือทำร้ายร่างกายเพื่อที่จะข่มขืน แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากผู้เสียหายมีประจำเดือน

จึงให้สำเร็จความใคร่ด้วยปากแทน แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากผู้เสียหายได้ใช้ปากกัดที่อวัยวะเพศ

โดยนายคมสรรณ์ฝากขอโทษไปยังผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ ที่ทำให้เกิดความเสียหาย และขอให้สังคมมองว่าตนเองเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำให้เสียชื่อเสียง

 

  • ผู้กำกับฯดังฉุนเรียกไม่รับ-เตะรถ

บอย-คู่กรณี

ต่อมาในช่วงค่ำวันที่ 1 เม.ย. ก็เกิดเหตุทะเลาะเบาะแว้งระหว่างคนขับแท็กซี่กับผู้ใช้บริการอีก

แม้กรณีนี้จะมีต้นเหตุมาจากผู้โดยสาร แต่ด้วยความเป็นแท็กซี่ขี้โมโห ก็ทำให้เรื่องราวบานปลาย มีคนอัดคลิปวิดีโอแพร่หลายในโลกโซเชี่ยล

กว่าจะชี้แจงแถลงไขกันได้ก็เสียเวลาทำมาหากิน

โดยภาพในคลิปเป็นเหตุการณ์ผู้โดยสารซึ่งเป็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่กับเด็กผู้หญิง กำลังมีปากเสียงกับชายคนขับรถแท็กซี่โตโยต้า อินโนว่า สีเขียว-เหลือง หมายเลขทะเบียน มช 3666 กทม. อยู่ริมถนน โดยคนขับแท็กซี่ตะคอกใส่ผู้โดยสารคนดังกล่าวอยู่ด้วยความโมโห

โดยโชเฟอร์กล่าวว่า “คุณทุบรถผมทำไม คุณทุบรถผมทำไม ยกมือไหว้ผมสิ ทุบรถผมอะ คุณรักของของคุณไหม จ่ายผมมาพันนึง” จากนั้นชายสวมเสื้อสีดำ หยิบกระเป๋าเงินออกจากกางเกงควักเงินส่งให้ไป 1 พันบาท

ต่อมาก็ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวคือ บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารสถานีโทรทัศน์ช่องวัน ซึ่งบอกว่า เขาขู่จะเอาปืนมายิง ก็ต้องยอมเพื่อรักษาชีวิตตนกับลูก

เมื่อเสียงวิพากษ์แพร่หลายในทิศทางต่างๆ นายรุ่งนคร ดลกุล อายุ 40 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ ก็เข้าพบเจ้าหน้าที่ที่กรมการขนส่งทางบก

ก่อนจะถูกปรับ 2 ข้อหา คือปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร และใช้กิริยาวาจาไม่สุภาพ ข้อหาละ 1,000 บาท รวมเปรียบเทียบปรับ 2,000 บาท ให้เข้าอบรมเสริมสร้างจิตสำนึกในการให้บริการผู้โดยสาร 3 ชั่วโมง และพักใบอนุญาต 30 วัน

ขณะที่เจ้าตัวบอกว่าวันเกิดเหตุเปิดไฟว่างจริง แต่ผู้โดยสารเรียกรถที่หัวมุมปากซอย เป็นขาวแดง เลยจอดไม่ได้ แต่ก็ได้ยินเสียงเหมือนทุบรถ จึงลงไปดู ก็พบนายถกลเกียรติ จึงถามว่าทุบทำไม ซึ่งคู่กรณีก็ยอมจ่ายค่าเสียหายให้ 1 พันบาท

ด้านผู้กำกับฯดัง ก็เปิดแถลง ยอมรับว่าใช้เท้าเตะรถจริง และยอมจ่ายค่าเสียหาย

แต่ก็ยังระบุว่าทั้งตนและคู่กรณีเป็นเหยื่อของระบบ ที่ไม่มีตัวเลือกที่ดีพอ

ทิ้งไว้ให้เป็นปัญหาที่ผู้เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ไข

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน