คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ไพโรจน์ เกล็ดเงิน

เรื่อง/ภาพ

ในการคลี่คลายคดี คนร้ายร้อยทั้งร้อย ไม่มีคนไหนจะให้การตามความจริงทั้งหมด หากมันส่งผลร้ายกับตัวเอง ตำรวจจึงต้องแสวงหาพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อดูว่าสอดรับกับคำให้การหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจพากันหลงเข้ารกเข้าพงจนถึงขั้นเสียรูปคดีได้

เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.50 น. วันที่ 4 เม.ย. ร.ต.อ.สมบัติ วังวน รอง สว. (สอบสวน) สภ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งเกิดเหตุฆ่ากันตาย ที่ตึกแถวไม่มีเลขที่ ริมถนนสุวรรณศร หมู่ที่7 ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม และผู้ก่อเหตุนำศพผู้เสียชีวิตพร้อมยางรถยนต์ ใส่รถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ทะเบียน กจ 801 ปัตตานี ของผู้ตายขับหลบหนีไปคาดว่าจะนำศพไปเผาทำลายหลักฐาน

ผู้กองสมบัติ รีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมแจ้งประสานให้ศูนย์วิทยุ สภ.ต่างๆ สกัดจับรถเก๋งคันดังกล่าว ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภัสรวินทร์ พงค์ภิภัทราภาคิน ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี พ.ต.อ.วันชัย พิทักษ์ตันสกุล ผกก.สภ.ประจันตคาม พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ แสงจันทร์ สว.สส.

ในที่เกิดเหตุพบโต๊ะไม้มีขวดเหล้าขาวและกับแกล้มอยู่บนโต๊ะ เข้าไปเล็กน้อยที่ข้างโซฟาพบกองเลือดที่พื้นจำนวนมาก สอบสวนนายทรงพจน์ ฝั้นคำแดง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ที่ 3 ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม ให้การว่าผู้ก่อเหตุคือนายสิทธิชัย มีสุข อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/1 หมู่ที่ 6 ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม ซึ่งเป็นหลานชายตัวเอง ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านที่เกิดเหตุ

นายทรงพจน์เล่าว่า ช่วงค่ำนั่งดื่มสุรากันกับหลานชายอยู่ที่โต๊ะภายในบ้าน จนตกดึกตนเข้าไปนอนก่อน เหลือเพียงนายสิทธิชัยนั่งดื่มคนเดียว จนมารู้สึกตัวอีกทีก็พบนายโสภณ โสตระกาล อายุ 48 ปี คนงานทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ ลูกจ้างของบุตรสาว ถูกนายสิทธิชัยใช้มีดปาดคอนอนตายจมกองเลือดอยู่ข้างโซฟา

“ผมต่อว่าหลานชายว่าไปทำเขาทำไม หลานชายตอบว่านายโสภณด่าเลยบันดาลโทสะ และยังกำชับไม่ให้เข้ามายุ่งและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าไม่อยากจะฆ่าลุงอีกคน จากนั้นเขาก็นำผ้าห่มมาห่อร่างของนายโสภณ พร้อมมัดร่างด้วยสายไฟ ก่อนจะยกทั้งศพและยางรถยนต์ใส่รถเก๋งของผู้ตายหลบหนีไป” นายทรงพจน์กล่าว

ขณะที่กำลังสอบสวน ร.ต.อ.สมบัติได้รับแจ้งอีกว่า พบรถยนต์ถูกเพลิงไหม้ อยู่ข้างถนนประจันตคาม-ดงไชยมัน หมู่ที่ 1 ต.ประจันตคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบเพลิงลุกไหม้อยู่ภายในตัวรถ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างฯ นำถังเคมีมาฉีดดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ก่อนประสานรถดับเพลิงมาฉีดน้ำจนเพลิงสงบลง ตรวจสอบพบศพผู้เสียชีวิตที่คาดว่าจะเป็นนายโสภณ ถูกเพลิงไหม้ดำเป็นตอตะโกอยู่ที่บริเวณเบาะหลังฝั่งคนขับ พร้อมขดลวดในยางล้อรถยนต์ที่ถูกเผากองอยู่กับศพ

จึงมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งชันสูตรตามระเบียบ จากการตรวจสอบประวัติของนายสิทธิชัย พบว่าเคยต้องโทษ คดียาเสพติด คดีปล้น ถูกจำคุกประมาณ 10 ปี ก่อนได้รับการอภัยโทษออกมาเมื่อเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา

กระทั่งช่วงเย็นวันเดียวกัน พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ รับแจ้งว่ามีคนพบนายสิทธิชัย หลบซ่อนตัวอยู่ที่ในป่าเขาน้อย เชิงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หมู่ 13 ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ป่ารกทึบ เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังเดินทางเข้าไปยังป่าเขาน้อยระยะทางเกือบ 3 กิโลเมตร กระทั่งพบสถานที่ซึ่งนายสิทธิชัยหลบซ่อนอยู่ จึงเข้าจับกุมตัวพร้อมนำมาสอบปากคำที่ สภ.ประจันตคาม

นายสิทธิชัยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่เรื่องราวกลับเป็นหนังคนละม้วนกับที่นายทรงพจน์ ให้การไว้

เจ้าตัวให้การว่าคืนเกิดเหตุ นั่งดื่มสุรากับนายทรงพจน์ ซึ่งเป็นลุง หลังจากนั้นลุงได้โทรศัพท์เรียกให้นายโสภณ มาหาที่บ้าน เมื่อนายโสภณมาได้นั่งดื่มสุรากันต่อ แต่เมื่อนายโสภณได้ยินเรื่องที่ลุงจะออกเงินค่าบวชให้กับตน จึงพูดว่าไปออกให้ทำไม จนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน สุดท้ายนายทรงพจน์ใช้ครกทุบไปที่ศีรษะของนายโสภณ ส่วนนายสิทธิชัยใช้มีดดาบมาฟันที่คอนายโสภณจนเลือดสาดและเสียชีวิต

ทั้งสองลุง-หลาน ก็ช่วยกันนำศพใส่รถก่อนให้นายสิทธิชัย ขับรถเอาศพไปอำพราง ตอนแรกตั้งใจว่าจะเอาศพไปทิ้งที่ถนนสายประจันตคาม-ดงไชยมัน แต่รถยนต์เกิดเสีย จึงตัดสินใจใช้ไฟเผาทั้งรถทั้งคนก่อนที่จะหลบหนีไปที่บ้านเขาน้อย ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม และหลบอยู่ในป่า จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวนายทรงพจน์ เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ และยังยืนยันว่าหลานชายเป็นผู้ก่อเหตุแต่เพียงลำพัง

ตำรวจสอบเค้นอยู่ทั้งคืนในที่สุดนายทรงพจน์ ก็เปิดปากยอมรับสารภาพ แต่ยังให้การภาคเสธว่าตนเองถูกผู้ตายด่าด้วยคำหยาบคายจนทนไม่ได้ เลยหยิบครกตีที่ศีรษะไป 1 ครั้ง แต่นายโสภณยังไม่ยอมหยุดด่า ตนจึงหนีไปนอน ตื่นมาก็พบว่าหลานชายใช้มีดแทงคอนายโสภณจนเสียชีวิตไปแล้ว

ทั้งคู่ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้นศพ ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย”

ตำรวจตั้งโต๊ะแถลงปิดคดี ก่อนคุมตัวทั้ง 2 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ ก่อนคุมตัวมาดำเนินคดี ผิดถูกอย่างไร ให้เป็นหน้าที่ของศาลสถิตยุติธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน