ย้อนคดีจับสองหนุ่มกู้ภัย

ขนยาบ้าเกือบ 6 แสนเม็ด

ทล.ยึดอีก-กัญชา 290 โล

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ย้อนคดีจับสองหนุ่มกู้ภัย – ใครๆ ก็อยากร่ำรวย อยากสบาย แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้ตามที่หวัง หลายคนยอมรับและอยู่กับสิ่งที่เป็น สิ่งที่มีอย่างมีความสุข แต่มีจำนวนมากที่พยายามดิ้นรนทุกหนทาง แม้นจะต้องกระโจนเข้าสู่เส้นทางของยาเสพติดก็ยอม

วันที่ 30 ก.ย. พล.ต.ต.ประจวบ วงค์สุข รรท.ผบช.ภาค 5 เผยการจับกุมยาเสพติด ล็อตใหญ่ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.4 บก.สส.ภาค 5 นำกำลังเข้าจับกุม นายทัศน์พล ชัยแก้ว อายุ 43 ปี นายอาทิตย์ ไชยวรศิลป์ อายุ 30 ปี นายธนดล วรสูตร อายุ 23 ปี และ นายชาตรี อายุ 17 ปี

ทั้งหมดเป็นอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาบ้า 592,000 เม็ด และเคตามีนหนักรวม 101 กรัม รถเก๋งมาสด้า 3 สีขาว ทะเบียน กษ 1206 เชียงราย รถตู้โตโยต้า สีขาว ติดสติ๊กเกอร์มูลนิธิหน่วยกู้ภัย

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบนำยาเสพติดมาส่งมอบให้กันในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยใช้รถยนต์เก๋งมาสด้า 3 สีขาว ทะเบียนจังหวัดเชียงราย

4 ผู้ต้องหาจนมุม

ยาบ้าของกลาง

เจอเต็มท้ายรถ

เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าตรวจสอบจนกระทั่งพบชาย 2 คนเข้ามาในพื้นที่ แล้วขับไปพบเจอกับชายอีก 2 คนแต่งตัวชุดกู้ภัยที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจียงลูกชิ้นปลา จากนั้นพากันออกจากร้าน โดยรถเก๋งขับตามรถตู้กู้ภัยไปจอดริมถนนราชมรรคา ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ ก่อนช่วยกันขนกระเป๋าจากรถตู้กู้ภัยมาใส่ท้ายรถเก๋ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น จึงพบว่าในกระเป๋าเป็นยาเสพติด

สอบสวนทั้งหมดรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจาก นายอาร์ม (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ให้นำยาเสพติดจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปส่งที่กรุงเทพฯ ให้ค่าจ้าง 2.50 บาทต่อยาบ้า 1 เม็ด ล็อตนี้ 5 แสนเม็ด รวมเป็นเงิน 1,250,000 บาท ได้เงินล่วงหน้ามาแล้ว 6,000 บาท เป็นค่าน้ำมันรถ โดยนำยาเสพติดใส่รถตู้กู้ภัยผ่านด่านตรวจมาเปลี่ยนใช้รถเก๋งขนไปกรุงเทพฯ จนกระทั่งถูกตำรวจจับกุม

เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (เมตแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวพร้อมของกลางส่งสอบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะที่อีกคดีต้องย้อนไปเมื่อเวลา 04.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ต.วิษณุ คำโนนม่วง สว.ส.ทล.1 กก.6 บก.ทล. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ณัฐพล พลอยท้วม รองสารวัตร, ร.ต.ต.สมภพ ดำริห์ สว.(ป) ส.ทล.1 กก.6 บก.ทล., ด.ต.ณัฐรฐนนท์ ศิริสังขกรสกุล และ ร.ต.ต.ลัทธวัฒน์ สิริกาญจนาทัศน์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.6 บก.ทล. ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัด ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนทางหลวง และสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด บริเวณ ทล.2 (มิตรภาพ) หน้าหน่วยบริการฯ บ้านส้ม (ขาเข้า กทม.)

พบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า 4 ประตู มีท่าทีต้องสงสัย โดยจอดก่อนถึงด่านประมาณ 1 กิโลเมตร ตำรวจชุดจับกุมจึงใช้รถวิทยุ 6134 ไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงรถคันดังกล่าวได้ขับหลบหนีอย่างรวดเร็ว แหกจุดตรวจ จึงได้ขับติดตามไปประมาณ 10 กิโลเมตร

รถกระบะขนกัญชา

ทล.ยึดกัญชา 290 ก.ก.

ช่วงดังกล่าวมีจุดยูเทิร์น รถต้องสงสัยจึงเลี้ยวกลับรถกะทันหัน ทำให้รถตำรวจทางหลวงกลับรถไม่ทัน รถคันดังกล่าวจึงหลบหนีเข้าป่าข้างทาง โดยคนร้ายทิ้งรถหลบหนีบริเวณริมป่าข้างทาง ทล.2 ถนนมิตรภาพ ก.ม.184 ต.ดอนชมพู อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา

ตำรวจทางหลวงขับติดตามไปพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีขาว ทะเบียน 1 ตห 5616 กทม. ติดเครื่องเปิดประตูทิ้งไว้จอดอยู่ริมถนน ตรวจค้นปรากฏว่าไม่พบตัวผู้ขับขี่ ตรวจสอบภายในรถ พบมีวัตถุก้อนสีดำใหญ่คล้ายกัญชาแห้งอัดแท่ง เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังปิดล้อมค้นหาตัวผู้ขับขี่และกระจายกำลังดักซุ่มเฝ้าสังเกตว่าจะมีผู้ใดกลับมาที่รถคันดังกล่าวหรือไม่

จนกระทั่งเวลาผ่านไปพอสมควร ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดมายังรถ รวมทั้งผลการปิดล้อมไม่พบผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่มืดเปลี่ยว จึงตัดสินใจนำรถยนต์กลับมาที่หน่วยบริการฯ บ้านส้ม เพื่อตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จำนวน 8 ถุงดำ รวมของกลางกัญชาประมาณ 290 กิโลกรัม ซึ่งจะได้ตรวจสอบโดยละเอียดร่วมกับ พฐ.ต่อไป

พ.ต.ต.วิษณุเปิดเผยว่า ผลงานการจับกุมเกิดขึ้นจากการทำงานของตำรวจทางหลวงในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย เมื่อ 2-3 วันก่อน ตำรวจทางหลวงนครราชสีมาเพิ่งจะจับยาไอซ์ 318 กิโลกรัมไป ส่วนกรณีกัญชาที่จับกุมนี้ตรวจสอบข้อมูลรถพบว่าขับผ่านมาจาก จ.นครพนม จึงเชื่อว่าจะขนยาเสพติดมาจากริมแม่น้ำโขง ผ่านออกไปทางภาคใต้ ซึ่งจะได้เรียกเจ้าของรถและผู้เกี่ยวข้องมาเพื่อสืบสวนขยายผลต่อไป

ทั้งนี้ กัญชาที่จับกุมได้พบว่ามีหีบห่อที่บรรจุจะแตกต่างจากที่จับกุมกัญชาไปเมื่อ 2-3 เดือนก่อน รวมทั้งเส้นทางที่ใช้ในการลำเลียงก็เปลี่ยนไป ซึ่งจะได้นำมาวางแผนในการจับกุม ไม่ปล่อยให้ยาเสพติดลำเลียงบนทางหลวงตามนโยบายผู้บังคับบัญชาต่อไป

กฤษณะ เชิญธงไชย

ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน