ตร.ปิดคดีโจรแต่งชุดปณ. บุกเดี่ยวปล้นทองในห้าง

ที่แท้อดีตพนักงานแสบ : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ตร.ปิดคดีโจรแต่งชุดปณ. – บ่ายโมงวันที่ 25 ต.ค. บริเวณหน้าห้างเพชรทองออโรร่า ในห้างไทวัสดุ สาขาบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด ขาเข้า หลักกิโลเมตรที่ 8 หมู่ 13 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เต็มไปด้วยผู้คนที่มารอดูโฉมหน้าโจรแต่งชุดพนักงานไปรษณีย์ ที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังทราบข่าวว่าตำรวจจับกุมตัวได้แล้วและกำลังจะนำตัวมาทำแผนฯ

นาทีลงมือ

ไม่นาน พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทร์สุวรรณ์ ผกก.สภ.บางแก้ว พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำตัวนายพงษ์ดนัย หรือโอ๊ต คำเพชรดี อายุ 25 ปี ผู้ก่อเหตุมาถึง

ระหว่างที่นำตัวนายพงษ์ดนัยลงจากรถตู้ มีพนักงานของไทยวัสดุแสดงความ ไม่พอใจและวิ่งเข้ามาจะรุมประชาทัณฑ์ โชคดีเจ้าหน้าที่กันไว้ได้ทัน จึงรีบนำตัวนายพงษ์ดนัยเข้าทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนที่จะรีบคุมตัวกลับมาควบคุมที่ สภ.บางแก้ว เพื่อสอบสวนดำเนินคดี

วงจรปิดวันเกิดเหตุ

พล.ต.ต.ธนายุตม์เผยเบื้องหลังการจับกุมว่า คดีนี้ย้อนกลับไปเมื่อ 10.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ตำรวจ สภ.บางแก้ว รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ภายในห้างเพชรทองออโรร่า ตั้งอยู่ในห้างไทวัสดุ สาขาบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด ขาเข้า หลักกิโลเมตรที่ 8 หมู่ 13 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงไปตรวจสอบ

พบพนักงานสาวของร้านออกมายืน จับกลุ่มกันอยู่ด้วยอาการตื่นตระหนก ที่บริเวณตู้โชว์ทองหน้าร้านมีกล่องพัสดุไปรษณีย์วางอยู่ จากการสอบถามพนักงานสาวของร้านทองดังกล่าวเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย แต่งชุดเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ สีส้ม-น้ำเงิน ใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ สีแดงคาดขาวตรงกลาง สวมถุงมือสีดำ ถือกล่องเดินเข้ามาที่หน้าร้าน ก่อนวางกล่องไว้บนตู้โชว์

ตรวจรถคนร้าย

จากนั้นพูดกับพนักงานร้านว่า “ในกล่องมีระเบิด” คนร้ายไม่พูดเปล่ายังชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดแบบแม็กกาซีนออกมาจี้ที่เอวของพนักงานคนดังกล่าว บอกให้กวาดสร้อยทองใส่ถุงบิ๊กซีที่คนร้ายเตรียมมา ด้วยความกลัวพนักงานจึงหันไปที่ตู้โชว์ด้านหลัง แล้วใช้มือกวาดสร้อยคอทองคำหนักเส้นละ 2 สลึง จำนวน 5 เส้น และเส้นละ 1 สลึง 4 เส้น รวม 9 เส้น ใส่ถุงให้คนร้ายไป

หลังได้ทรัพย์สินตามที่ต้องการคนร้ายรีบวิ่งออกไปนอกร้านขึ้นรถตู้ของบริษัทไปรษณีย์ไทย ที่จอดไว้ด้านหน้าหลบหนีไป จากการตรวจสอบพบว่าสร้อยคอทองคำที่คนร้ายได้ไปน้ำหนักรวม 3 บาท 50 สตางค์ มูลค่ากว่า 7 หมื่นบาท หลังเปิดกล่องพบว่าภายในมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ภายใน และเจาะรูที่กลางก้อนเอาสายไฟเสียบคาเอาไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

ส่วนรถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะ เป็นรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาวคาดแดง ทะเบียน 1 ฒน 150 กรุงเทพมหานคร เป็นของบริษัทไปรษณีย์ไทย จากการตรวจสอบยังทราบว่ารถตู้คันดังกล่าวประจำอยู่ไปรษณีย์ไทย สาขาหลังวัดหนามแดง โดยถูกขโมยมาก่อนถูกพบจอดทิ้งไว้ภายในซอยบางนา 56 เขตบางนา ก่อนจะขึ้นแท็กซี่หนีไป

พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 แถลง

คดีนี้ตำรวจพุ่งเป้าไปที่พนักงานและอดีตพนักงานทั้งของไปรษณีย์ในละแวกดังกล่าว และพนักงานของไทยวัสดุ บางนา จึงนำประวัติมาไล่ตรวจสอบ พร้อมเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาตำหนิ รูปพรรณของคนร้าย ใช้เวลาไล่สกรีนอยู่นานก่อนจะพบว่านายพงษ์ดนัย หรือโอ๊ต เข้าข่ายเป็นบุคคลต้องสงสัย เพราะเคยทำงานเป็นพนักงานที่ไปรษณีย์บางพลี และพนักงานไทยวัสดุ บางนา เคยมีประวัติต้องโทษคดียาเสพติดและอาวุธปืน ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร

เมื่อตรวจสอบรูปภาพในเฟซบุ๊กส่วนตัว พบนายพงษ์ดนัยเคยสวมใส่เสื้อ หมวก กระเป๋าสะพาย และรอยสักที่แขนซ้ายตรงกับของคนร้าย จึงติดตามตัวพยานที่เห็นหน้าคนร้ายมาดูภาพนายพงษ์ดนัย ยืนยันว่าเป็นคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับนายพงษ์ดนัย ในข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ ทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ และโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม

กระทั่งวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่คอนโดฯ แห่งหนึ่ง ใน ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สอบสวนนายพงษ์ดนัยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

เจ้าตัวสารภาพว่า เคยทำงานอยู่ที่ไปรษณีย์ บางพลี และออกมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ก่อนที่จะมาทำงานที่ห้างเกิดเหตุ และเพิ่งออกมาได้ไม่นาน และดูพฤติกรรมการก่อเหตุมาจากโลกออนไลน์โดยจำ วิธีการมาจากพฤติกรรมของคนร้ายที่ ก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และทดลองอยู่หลายวัน จนเกิดความชำนาญจึงมาลงมือก่อเหตุ

โดยเตรียมใส่เสื้อซ้อนกันมาจำนวน 3 ตัว และเข้าไปก่อเหตุลักรถตู้ที่สำนักงานไปรษณีย์ บางพลี เนื่องจากรู้ว่ากุญแจรถที่ไปลักมานั้นวางอยู่หน้าคอนโซล จึงเข้าไปลักมาจอดที่ห้างเกิดเหตุเพื่อดูลาดเลาอยู่ พักใหญ่ก่อนลงมาก่อเหตุ เนื่องจากเคยทำงานจึงรู้เส้นทางว่าไปรษณีย์ที่เข้าไปไม่ต้องถอดหมวกกันน็อก

หลังก่อเหตุนำรถไปจอดทิ้งไว้ท้ายซอยบางนา 56 ก่อนที่จะถอดเสื้อตัวนอกทิ้ง และเดินวนออกมาอีกซอยหนึ่ง และเรียกรถจักรยานยนต์ที่ขับผ่านมาให้ไปส่งที่ปากซอยลาซาล ก่อนที่จะนั่งแท็กซี่ไปลงที่สี่แยกบางนา และนั่งรถเมล์เขียวไปลงที่ปากทางเข้า ม.เอแบค และว่าจ้างแท็กซี่ให้พามาส่งที่คอนโดฯ ดังกล่าว

ส่วนประเด็นที่ก่อเหตุ นายพงษ์ดนัยอ้างว่าต้องการประชดเมีย ซึ่งจะจริงหรือไม่ก็คงไม่ช่วยให้รอดคุกไปได้

อณุวัสส์ ศิวราศักดิ์

เรื่อง/ภาพ