คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

กิตติศักดิ์ รื่นรวย

เรื่อง/ภาพ

คํากล่าวที่ว่า คนเป็นพ่อ เป็นแม่ อย่างไรเสียก็ต้องรักลูก ใช้ไม่ได้กับ นายสุรินทร์ แก้วแหร้ หนุ่มชาว อ.ป่าพยอม จ.พัทลุง เพราะเจ้าตัวเพิ่งถูกจับหลังใช้มีดเชือดคอลูกสาวแท้ๆ วัยเพียง 13 ปี จนบาดเจ็บสาหัส เพียงเพราะโมโหที่เห็นลูกเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ

เหตุการณ์เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 เม.ย. เมื่อ ร.ต.อ.ชาติ เตชนันท์ ร้อยเวร สอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี รับแจ้งมีเด็กถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัส บริเวณห้องแถว ใน ต.ต้นมะม่วง อ.เมือง จ.เพชรบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน จ.เพชรบุรี

ที่เกิดเหตุในห้องพักพบกองเลือดกระจายเต็มห้อง ข้าวของล้มเกลื่อน ส่วนคนเจ็บทราบชื่อต่อมาคือน้องไก่ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี มีบาดแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ ลึก บริเวณลำคอด้านซ้าย อาการสาหัส เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และรีบนำส่งโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี อย่างเร่งด่วน

ตำรวจสอบสวนพยานในบริเวณที่ เกิดเหตุจนทราบว่าคนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น นายสุรินทร์ แก้วแหร้ อายุ 42 ปี ชาว จ.พัทลุง ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของน้องไก่นั่นเอง โดยหลังเกิดเหตุนายสุรินทร์พาลูกน้อยวัย 5 ขวบ ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างหลบหนีไป

ขณะที่ น.ส.แก้ว (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เล่าว่า นายสุรินทร์มักมีปากเสียงกับภรรยาของตัวเองเป็นประจำ ส่วนน้องไก่จะเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ก่อนเกิดเหตุประมาณ 11.00 น. เห็นนายสุรินทร์ ออกมาช่วยภรรยาไปขายของที่หน้าห้างสรรพสินค้า ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร

กระทั่งเวลาประมาณ 12.30 น. ตนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังออกมาจากห้อง จึงเดินออกไปดูที่หน้าต่างห้องเห็นน้องไก่นอนจมกองเลือด จึงติดต่อให้แม่น้องไก่มาเปิดประตู ขณะนั้นน้องไก่ยังพอพูดคุยได้ ตนจึงถามน้องไก่ว่าทำไมไม่ร้องขอให้ช่วยก่อนหน้านี้ น้องไก่บอกว่า ร้องไม่ไหว โดนพ่อซ้อมจนจุกไปหมด

หลังสอบสวนตำรวจเร่งประสานสายตรวจในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงออกสกัดจับตามเส้นทางลงสู่ภาคใต้ ด้วยเชื่อว่าเจ้าตัวน่าจะหนีกลับไปบ้านที่ จ.พัทลุง กระทั่งตำรวจ สภ.ห้วยยาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ล็อกตัวไว้ได้บริเวณถนนเพชรเกษม ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ขณะที่อาการของ ด.ญ.ไก่ แพทย์ช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว

นายสุรินทร์ให้การว่า เพิ่งมาอยู่กับเมียและลูกได้เพียง 4 เดือนกว่าๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้ถูกดำเนินคดีในข้อหา ปล้นทรัพย์ หลังพ้นโทษมาก็ไปบวชเป็นพระอยู่ที่วัดใน จ.ตรัง นาน 11 เดือน เมื่อสึกจากพระได้ไปรับจ้างเผาป่าอยู่ที่ จ.ตรัง ก่อนจะกลับมาอยู่กับภรรยาที่ จ.เพชรบุรี ตอนแรกไปอยู่บ้านแม่ยาย แต่ถูกด่าว่าเป็นไอ้ขี้คุก จึงพาครอบครัวมาหาบ้านเช่าอยู่ที่ห้องดังกล่าว

ส่วนเรื่องที่ทำร้ายลูกเจ้าตัวรับว่าทำจริง แต่ไม่ตั้งใจจะใช้มีด เนื่องจากเมื่อกลับมาบ้านเห็นลูกสาวมัวแต่เล่นเฟซบุ๊ก บอกให้เลิกก็ไม่ยอมเชื่อ จึงเหวี่ยงมือที่ถือมีดอยู่ไปโดน จากนั้นก็โทรศัพท์บอกเมียให้มาช่วยพาลูกคนโตส่งโรงพยาบาล ส่วนตัวเองอุ้มลูกคนเล็กขึ้นรถขี่ลงใต้

เจ้าตัวอ้างว่าตัวเองมีอาการทางจิต และไม่ได้กินยามาพักใหญ่ จะไปขอยาที่โรงพยาบาลสราญรมย์ จ.สุราษฎร์ธานี

วันรุ่งขึ้น พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พร้อมพ.ต.อ.ศิลปชัย มีช่วย ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี ร.ต.อ.ชาติ เตชนันท์ รอง สว.(สอบสวน) นำกำลังควบคุมตัวนายสุรินทร์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ห้องเช่าที่เกิดเหตุ

นายสุรินทร์ให้การขณะทำแผนฯ ว่า ที่ผ่านมามีปากเสียงกับลูกมาตลอดเรื่องที่ลูกชอบเล่นแต่โทรศัพท์ตลอดเวลา ว่ากล่าวตักเตือนตลอดแต่ลูกสาวไม่ฟัง ก่อนเกิดเหตุกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว หลังกลับจากไปส่งภรรยาขายผลไม้อยู่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ที่อยู่ห่างจากห้องพักไม่มาก เห็นลูกสาวคนโตเล่นโทรศัพท์ตลอดเวลาจึงเกิดความโมโห ผลักลูกสาวล้มไปบนโซฟา เป็นช่วงที่ถือมีดติดมือด้วย ด้วยความโมโหจึงใช้มีดจ่อไปที่คอลูกสาว เป็นจังหวะที่ลูกสาวดีดตัวขึ้นมา ทำให้มีดบาดเป็นแผลลึกดังกล่าว

“เมื่อไม่เชื่อฟังผมก็เชือดทิ้ง แต่หลังจากเห็นลูกถูกมีดบาดจนเลือดไหลนองก็จำอะไรไม่ได้ จำได้แค่ว่าอุ้มลูกคนเล็กไปนั่งในรถ จยย.พ่วงข้างพร้อมทั้งล็อกกุญแจห้อง ก่อนจะขี่รถซาเล้งพาลูกคนเล็กหลบหนี ตั้งใจจะกลับไปบ้านเกิด เพื่อไปหายากิน” นายสุรินทร์กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน

ขณะที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปชี้รถจักรยานยนต์พ่วงข้างพาหนะที่ใช้หลบหนี ภรรยาของผู้ต้องหาก็ปรี่ออกจากกลุ่มไทยมุ่งตรงเข้าจะทำร้ายผู้ต้องหาด้วยความโกรธแค้น แต่ตำรวจและญาติ ช่วยกันจับตัวไว้จนเกิดชุลมุนเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปดำเนินคดี

ตำรวจยังพบอีกว่านายสุรินทร์มีหมายจับศาลจังหวัดตรัง คดีร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ในท้องที่ สภ.เมืองตรัง เมื่อปี 2550 จึงประสานให้มาอายัดตัวไปดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน