คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ณเดช โรจนประดิษฐ์

เรื่อง/ภาพ

โชเฟอร์แท็กซี่ อาชีพที่เสี่ยงกับการถูกจี้ปล้นมากที่สุดอาชีพหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่คนร้ายจะเลือกลงมือช่วงกลางคืน ในที่เปลี่ยวๆ ผิดกับครั้งนี้ ที่นอกจากจะลงมือจี้กันกลางวันแสกๆ แล้ว ยังก่อเหตุกลางเมืองที่การจราจรพลุกพล่านอีกด้วย

ย้อนไปเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 เม.ย. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณแยกลำสาลี ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.

จู่ๆ ก็มี นายวันชัย สุทธิประภา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 ม.8 ต.เมืองบัว อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด โชเฟอร์แท็กซี่ โตโยต้า อัลติส สีเขียว หมายเลขทะเบียน ทษ 9284 กรุงเทพมหานคร ของสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ วิ่งมาขอความช่วยเหลือ บอกว่าถูกคนร้าย จี้ชิงทรัพย์

นายวันชัยชี้ให้ดูรถแท็กซี่ของตน ที่จอดอยู่กลางแยกไฟแดง แต่เมื่อ เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบ ชายในรถก็รีบขับรถพุ่งออกไปทันที เจ้าหน้าที่จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงเข้าที่ ล้อหลังด้านขวาจนแตกรวม 3 นัด เพื่อหวังสกัดจับ แต่คนร้ายไม่ยอมหยุดกลับขับรถหลบหนีไปอีก

คนร้ายขับรถแท็กซี่ด้วยความเร็ว จนไปชนเข้ากับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งกำลังไปส่งผู้โดยสารจนรถล้มทั้งคนขี่และผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก

ขณะเดียวกันคนขับรถกระบะ ยี่ห้อมาสด้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ขธ 1336 กรุงเทพมหานคร พยายามขับมาจอดเทียบเพื่อให้คนขับรถแท็กซี่จอดโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นคนร้าย เลยถูกคนร้ายถอยรถมาชนเพื่อเปิดช่องทางขับหนีไปต่ออย่างไม่คิดชีวิต คนขับรถกระบะจึงขับรถติดตามไป จนมาถึงอาคารพาณิชย์ ภายในซอยรามคำแหง 58/3 ซึ่งคนร้ายทิ้งรถเอาไว้หน้าอาคาร ก่อนจะวิ่งหลบหนีขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนอาคาร

ต่อมา พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร รอง ผกก.สส.สน.หัวหมาก พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุทิน พัฒนา สว.สส. พ.ต.ท.อธิพัชร์ ยิ่งศิริธนนนท์ สวป. นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจและชุดสืบสวนรุดเข้าตรวจสอบยังอาคารดังกล่าว พร้อมสั่งให้ปิดล้อมอาคารเอาไว้

สอบสวนนายวันชัย โชเฟอร์แท็กซี่ เล่าเหตุการณ์ระทึกว่า ก่อนเกิดเหตุรับผู้โดยสารมาจากถนนบางนา-ตราด ช่วงคลองขุดบางพลี (ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ) จ.สมุทรปราการ เพื่อมุ่งหน้าไปส่งที่แยกลำสาลี ระหว่างที่ตนขับมาถึงถนนศรีนครินทร์ ฝั่งขาเข้า ผู้โดยสารที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างกันแสดงท่าทางมีพิรุธอยู่ตลอดเวล

กระทั่งเมื่อขับมาจอดติดไฟแดงช่วงแยกลำสาลี ผู้โดยสารกลับแสดงตัวเป็นคนร้ายจู่ๆ หยิบอาวุธมีดออกมาจากกระเป๋าสะพาย ตนเห็นท่าทาง ไม่ดีจึงตัดสินใจรีบวิ่งลงจากรถ ก่อนไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ภายในป้อมจราจรซึ่งอยู่ใกล้กันให้ช่วย

นายกฤษพิทักษ์ ศิระธนภัทรจินดา อายุ 35 ปี ชาวชุมพร หนุ่มพลเมืองดี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถกระบะมาจาก จ.สมุทร ปราการ เพื่อมุ่งหน้าไปร้านอาหารของแฟนสาวย่านบางกระปิ เมื่อขับมาถึงช่วงบริเวณปากซอยรามคำแหง 58/3 ตนเห็นรถแท็กซี่ชนรถจักรยานยนต์รับจ้างจนล้มลง

ขณะนั้นยังมีผู้โดยสารอยู่ด้วย ตนไม่รู้ว่าเป็นคนร้ายที่ขับรถหนีตำรวจมา เพียงแค่หวังขับแซงเพื่อให้คนขับแสดงความรับผิดชอบแต่คนร้ายกลับขับถอยหลังมาชนรถตน เพื่อเปิดทางแล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จึงขับตามคนร้ายไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงกลางซอยรามคำแหง 58/3 คนร้ายแกล้งเบรกกะทันหัน จนรถตนชนท้าย อีกครั้ง ก่อนหนีขับไปจอดที่หน้าอาคารดังกล่าว

เมื่อตนขับตามมาติดๆ คนร้าย ลงจากรถก่อนทำท่าชักอาวุธออกมาจากกระเป๋าสะพาย ตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งหนีลงจากรถ เพื่อเอาชีวิตรอดก่อนทางเจ้าหน้าที่จะตามมาปิดล้อมอาคารดังกล่าว

ตำรวจต้องพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง จนในที่สุดคนร้ายที่หนีไปซ่อนตัวบริเวณ ชั้น 2 จึงยอมมอบตัว ก่อนนำตัวมา สอบสวน ที่ สน.หัวหมาก ทราบชื่อต่อมาคือ นายหร้อหนุด หละเทียม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 589/1 ม.1 ต.ปากพะยูน อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง

สอบสวนจนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงคู่อริจนเสียชีวิต จึงตัดสินใจ เดินทางมาจากจังหวัดพัทลุง เพื่อมาหลบหนีอยู่กับเพื่อน ที่ กทม.

“ครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาชิงทรัพย์เพียงแค่ต้องการ ขับรถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น” นายหร้อหนุดกล่าว

จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรของผู้ต้องหาพบว่ามีหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง เลขที่ 90/2560 พื้นที่รับ ผิดชอบสถานีตำรวจภูธรกงหรา จ.พัทลุง ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายหลัง ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายณัฐชัย หรือ โอม มาสวัสดิ์ อายุ 20 ปี จนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อ 17 มี.ค. 2560

พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดีนายหร้อหนุดในข้อหาชิงทรัพย์ ก่อนประสานให้ทางสถานีตำรวจภูธรกงหรา จ.พัทลุง มาอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อนำไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน