ปิดคดีฆ่าสยองเชียงใหม่ แทงเศรษฐินีดับคาบ้าน

จับผัวเก่า–ลูกเขย–ลูกสาว : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ปิดคดีฆ่าสยองเชียงใหม่แทงเศรษฐินีดับคาบ้านจับผัวเก่า : “แม่ไปร่วมงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่เพื่อนบ้าน หลังกลับมา ตอนนั้นผมอยู่บนบ้าน ได้ยินเสียงแม่ร้องด้วยความเจ็บปวดจึงรีบวิ่งลงมาดูก็เห็นแม่ทรุดอยู่บริเวณข้างบ้าน และเห็นคนร้ายวิ่งย้อนไปทางหลังบ้าน ผมรีบไล่ตาม คนร้ายวิ่งข้ามรั้วบ้านไป ผมไล่ตามไม่ทันเลยย้อนกลับมาดูแม่ เห็นถูกแทงเลือดไหลมาก เลยรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

คำให้การของ นายทศพร แก้วน้อย อายุ 45 ปี ลูกเขยของ นางสมบุญ อินสรรค์ อายุ 62 ปี หรือ ‘แม่หลวงบาง’ อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.หนองตอง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ที่ให้การกับตำรวจหนองตอง เมื่อกลางดึกวันที่ 19 พ.ค. หลังแม่หลวงบางถูกคนร้ายแทงตายคาบ้าน

บ้านที่เกิดเหตุ

ผ่านมา 6 เดือนจึงรู้ว่าคำที่กล่าวอ้างนั้น ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

ย้อนไปเมื่อกลางดึกวันที่ 19 พ.ค. ร.ต.อ.ประจักษ์ ไปล์งูเหลือม พงส.สภ. หนองตอง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ รับแจ้งว่ามีเหตุคนถูกแทงเสียชีวิต 1 ราย ในหมู่บ้านพระเจ้าเหลื่อม หมู่ 2 ต.หนองตอง จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยชุดสืบสวน

ที่เกิดเหตุพบศพนางสมบุญ อินสรรค์ อายุ 62 ปี หรือแม่หลวงบาง อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 มีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดปลายแหลม เข้าที่สีข้างขวา ราวนมขวา หน้าอก และข้อแขนซ้าย รวม 4 แผล มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ห่างจากศพไปเล็กน้อย มีไฟฉายและรองเท้าของคนร้ายตกอยู่ ขณะที่บนกำแพงรั้วพบคราบเลือดติดอยู่

นางสมบุญ อินสรรค์ ผู้ตาย

ขณะที่การสอบสวนน.ส.พัชรินทร์ อินต้อ ลูกสาวของผู้ตายและนายทศพร ลูกเขยให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนางสมบุญ กลับจากไปงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนบ้าน ในหมู่บ้านเดียวกัน เมื่อกลับเข้าบ้านขณะเดินมาที่ด้านหลังบ้าน คาดว่าจะมาเจอกับคนร้ายจึงถูกคนร้ายใช้มีดปลายแหลมกระหน่ำแทงจนเสียชีวิต โดยหลังเกิดเหตุคนร้ายวิ่งไปปีนกำแพงหลังบ้านหลบหนีไป แต่ถูกกระจกบาดจนมีรอยเลือดติดอยู่

ลูกสาวเปิดเผยว่า แม่เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน ปัจจุบันที่บ้านรับทำตุงและโคมไฟ และแม่ก็ปล่อยเงินกู้ด้วยคาดว่าคนร้าย น่าจะตั้งใจฆ่าล้างหนี้ ไม่ใช่ชิงทรัพย์ เพราะทรัพย์สินที่ตัวผู้ตายยังอยู่ทั้งเงินสด สร้อยทอง แหวนทอง และสร้อยข้อมือทองคำ ประกอบกับขณะนี้ผู้ตายมีเรื่องฟ้องร้องกับลูกหนี้อยู่

หลังเกิดเหตุพ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบก.สส.ภ 5 ได้ลงพื้นที่ประสานกับทางตำรวจสืบสวนท้องที่ และพนักงานสอบสวน สภ.หนองตอง เชียงใหม่ ในการสืบสวนติดตามล่าตัวคนร้ายและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยได้เรียกตัวลูกสาวของผู้ตายรวมทั้งลูกเขย มาสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด รวมทั้งนายอุดม อินต้อ อดีตสามี ผู้ตาย อายุ 65 ปี ที่ยังคงอยู่ที่บ้านของผู้ตาย โดยอดีตสามีแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการไปจุดธูปพนมมือประกาศต่อหน้าโลงศพของผู้ตายขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับตัวคนร้ายมาให้ได้โดยเร็วด้วย

ผ่านมา 5 เดือน วันที่ 22 ต.ค. น้องชายของผู้ตายก็นำญาติๆ เข้าร้องเรียนพล.ต.ท. ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อขอความเป็นธรรมและช่วยติดตามตัวคนร้าย หลังคิดว่าคดีไม่มีความคืบหน้า

แต่ความจริงแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจยังติดตามคดีอยู่อย่างเงียบๆ เนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมมัดแน่นจึงต้องใช้เวลา ทั้งผลการตรวจสอบดีเอ็นเอจากรอยเลือดบนกำแพง หลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ รวมทั้งเพื่อนบ้านที่อยู่ติดๆ กัน

รอยเลือดบนกำแพง

ตํารวจไม่พบข้อมูลที่จะมาสนับสนุนคำให้การของลูกเขยและลูกสาว ผู้ตาย ทั้งรอยเลือดที่กำแพง เมื่อตรวจดีเอ็นเอแล้วกลับพบว่าเป็นของผู้ตาย ทั้งร่องรอยตามพื้นดินตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีก็ไม่มี เมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามถนนใกล้ๆ บ้าน ก็ไม่พบใครผ่านไปมาในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ และที่สำคัญรองเท้าแตะและไฟฉายที่อ้างว่าเป็นของคนร้าย กลับมีดีเอ็นเอของนายอุดม อดีตสามีปรากฏอยู่แค่คนเดียว

วันที่ 22 พ.ย. พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบก.สส.ภ 5 ร่วมกับตำรวจ สภ.หนองตอง จับกุมนายอุดม อินต้อ อดีตสามีผู้ตาย ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, แจ้งความเท็จแก่พนักงานฯ” ขณะที่นายทศพรและน.ส.พัชรินทร์ ในข้อหา “แจ้งความอันเป็นเท็จฯ” โดยนายอุดม ถูกจับกุมขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ไปบ่อนไก่ชนในพื้นที่ หนองตอง เชียงใหม่ ส่วนลูกสาวและลูกเขยทางเจ้าหน้าที่ไปจับกุมที่บ้านที่เกิดเหตุ

นายอุดม อินต้อ อดีตสามี สาบานต่อหน้าโลงศพ

พ.ต.อ.ธวัชชัยเผยว่า ในการสืบสวนสอบสวนนั้นทางเจ้าหน้าที่ทราบว่า ผู้ต้องหาคือนายอุดม อดีตสามีแค้นที่ถูกไล่ออกจากบ้าน และเคยขอเงินจำนวน 200,000 บาทจากผู้ตาย แต่ได้เงินมาแค่ 100,000 เดียว จึงเกิดความไม่พอใจและตามทวงมาโดยตลอด โดยมีครั้งหนึ่งเคยบีบคอผู้ตายเพื่อเค้นบังคับขอเงินอีกแสนแต่ไม่ได้ และมีปากเสียงกันมาก่อนหน้านั้นครั้งหนึ่งแล้ว กระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว หลังก่อเหตุก็ปฏิเสธ และยังเคยไปสาบานต่อหน้าโลงศพผู้ตายและขอให้ดวงวิญญาณของผู้ตายดลบันดาลให้เจ้าหน้าที่จับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว โดยทำพิธีจุดธูปสาบานต่อหน้าญาติพี่น้องและแขกที่มาร่วมงานศพครั้งนั้น

นาทีจับกุม

สำหรับนายทศพร ลูกเขย และลูกสาวของผู้ตายนั้น ได้ให้การอันเป็นเท็จกับพนักงานสอบสวน เพื่อหวังช่วยนายอุดมผู้เป็นพ่อให้พ้นผิด เพราะนางสมบุญ ผู้เป็นแม่ก็ตายไปแล้ว จึงพยายามปกป้องพ่อไว้ เพื่อให้พ้นผิด และเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่างจากมรดกของผู้ตาย อย่างไรก็ตามน.ส.พัชรินทร์ ลูกสาว ใช้เงินสด 50,000 บาท ประกันตัวออกไป ขณะที่นายอุดมและนายทศพร เจ้าหน้าที่ไม่ให้ประกันตัว

คดีนี้ไม่มีประจักษ์พยาน ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ สุดท้ายก็อยู่ที่ศาลจะเป็นผู้ตัดสิน

กฤษณะ เชิญธงไชย

เรื่อง/ภาพ