คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

สมภพ สนเวส

เรื่อง/ภาพ

หากพูดคำว่า กระโดดกัดหู เชื่อว่าหลายคนคงนึกไปถึงตำนานสุดยอดนักมวยฉายามฤตยูดำ “ไมก์ ไทสัน” ที่นอกจากจะเป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต ที่เก่งและอายุน้อยที่สุดแห่งยุค แต่นอกจากความเก่งกาจแล้วพฤติกรรมความเถื่อนของเจ้าตัวก็ถูกจดจำได้ไม่ลืม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1997 ไมก์ ไทสัน ลงสังเวียนกับคู่ปรับตลอดกาล อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ที่เคยเอาชนะน็อกเจ้าตัวอย่างหมดสภาพในสังเวียนเมื่อปี 1996 ครั้งนี้ก็ยังเป็นโฮลีฟิลด์ ที่มีชั้นเชิงมวยเหนือกว่า ไล่ถลุงไทสันจนแทบหมดท่า

ในยกที่ 3 ไทสันสร้างปรากฏการณ์ให้โลกตื่นตะลึง ด้วยการกัดเข้าที่ใบหูของโฮลีฟิลด์จนขาดออกมา ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคลุกวงในกันอยู่ ทำให้ต้องยุติการชกและไทสันก็ถูกตัดสินให้แพ้ฟาวล์ ถูกปรับเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมโดนยึดใบอนุญาตชกมวยด้วย

ไม่รู้ว่าไมก์ ไทสัน เป็นไอดอลของ นายเหลือง นนท์พละ อายุ 49 ปี ด้วยหรือเปล่า เพราะเจ้าตัวใช้วิธีการเดียวกันทำร้ายคู่กรณี หลังทั้งคู่ระเบิดศึกชกต่อยกันริมถนน โดยมีปมเหตุมาจากเรื่องอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน

“แค่ขับรถเฉี่ยว หนุ่มดีเดือดคว้าหินหวังทุบเก๋ง ก่อนโดดกัดหูขาด พ่นใส่หน้าซ้ำ” กลายเป็นพาดหัวข่าวทั้งหนังสือพิมพ์และตามเว็บไซต์ข่าว

เหตุการณ์เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 เม.ย. เมื่อ ร.ต.อ.ชนินทร์ เพชรคำ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถเก๋ง ทำให้คู่กรณีทั้งสองคนมีเรื่องชกต่อยกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณโค้งร้านนับดาว ซอยทรัพย์บุญชัย ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ

หลังรับแจ้งผู้กองชนินทร์ รีบประสานตำรวจสายตรวจเดินทางไประงับเหตุ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย

บริเวณจุดที่เกิดเหตุ ตำรวจพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ล 5339 กรุงเทพฯ จอดอยู่ บริเวณสเกิร์ตฝั่งซ้ายและประตูด้านหน้าด้านซ้ายมีรอยถูกเฉี่ยวชน โดยมีนางสาวศรุตยา งามโสภา อายุ 27 ปี เจ้าของรถยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่อยู่ใกล้ๆ รถเก๋งดังกล่าว

ที่เกิดเหตุยังพบจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปี้ไอสีฟ้าขาว หมายเลขทะเบียน อบบ 374 กรุงเทพฯ ล้มคว่ำอยู่ มีนายเหลือง นนท์พละ อายุ 49 ปี เป็นคนขับขี่ ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถลอกตามร่างกายและแผลแตกที่ศีรษะ จึงรีบนำตัวส่งร.พ.เปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ

นางสาวศรุตยาให้การว่า ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ชื่อ นายธานินทร์ คล้ายวิเชียร อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นสามีของตนเองและเป็นคนขับรถเก๋ง ถูกนายเหลืองกัดที่ใบหูซ้ายด้านบน

ได้รับบาดเจ็บ ก่อนถูกนำตัวส่งรักษาที่ ร.พ.สมุทรปราการ ไปก่อนหน้านี้

ตํารวจถ่ายรูปบริเวณที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเชิญตัวนางสาวศรุตยา งามโสภา เดินทางให้ปากคำที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เบื้องต้น นางสาวศรุตยากล่าวว่า ตนและสามีประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว ก่อนเกิดเหตุสามีขับรถยนต์เก๋งโตโยต้าวีออส ออกจากบ้านพักย่านซอยทรัพย์บุญชัย เพื่อไปรับลูกที่โรงเรียนย่านแพรกษา โดยมีสามีเป็นคนขับ ระหว่างทางได้มองกระจกหลังพบรถจักรยานยนต์คู่กรณี ซึ่งคือนายเหลือง ขับส่ายไปส่ายมา คล้ายกับคนเมา สามีจึงได้ชะลอให้ผ่านไปก่อน แต่ระหว่างนั้นนายเหลืองเร่งเครื่องแซงขึ้นทางด้านขวา จู่ๆ รถจักรยานยนต์ได้เสียหลักเซมาเฉี่ยวบริเวณสเกิร์ตรถตนจนเป็นรอย

แต่แทนที่นายเหลืองจะหยุดรถเพื่องลงมาเจรจาค่าเสียหาย เจ้าตัวกลับเร่งเครื่องหลบหนีไป สามีจึงได้ขับรถไล่ตามจนกระทั่งไปทันกันบริเวณโค้งร้านนับดาว สามีได้เปิดกระจกและเรียกให้หยุด แต่นายเหลืองได้เซมาเฉี่ยวชนบริเวณประตูด้านหน้าอีกครั้ง จนรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลงไปกับพื้น

“สามีจึงได้จอดรถลงไปดู แต่นายเหลืองคว้าก้อนหินและปรี่จะเข้ามาทำร้าย สามีจึงได้ยื้อแย่งก้อนหินกัน ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่สักพัก นายเหลืองซึ่งสู้ไม่ไหวจึงได้กระโดดกัดหูสามีจนขาดเลือดสาด ก่อนที่นายเหลืองจะพ่นใบหู ซึ่งคาอยู่ที่ปากใส่หน้าสามี กระทั่งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาช่วยเหลือควบคุมตัวเอาไว้ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกู้ชีพฯมานำทั้งสองคนส่งโรงพยาบาล”

ขณะที่ร.ต.อ.ชนินทร์ เผยหลังสอบปากคำเสร็จสิ้นว่าเบื้องต้นยังไม่สอบปากคำผู้บาดเจ็บทั้งสองคน เนื่องจากยังนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล โดยจะรอให้อาการดีขึ้นก่อน จึงจะสอบปากคำผู้เสียหาย จากนั้นจะเรียกตัวนายเหลืองเข้ามารับทราบข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสต่อไป

ความผิดเกิดขึ้นแล้วก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่เชื่อว่าหากย้อนเวลาได้ ทั้งนายเหลืองและนายธานินทร์ คงเลือกใช้วิธีการอื่นจัดการปัญหาเป็นแน่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน