คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

เจริญ อาจประดิษฐ์

พิมพร อยู่รุ่ง

เรื่อง/ภาพ

คืนวันที่ 19 เม.ย. ตำรวจโรงพักสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 100 หมู่ 7 ต.ศาลาลัย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในกองเพลิง 3 ราย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนรีบรุดไปตรวจสอบ

เรื่องราวสยองจึงถูกเปิดเผยขึ้นในตอน นั้นเอง

ภายหลังเพลิงสงบ ตำรวจพบศพนายสำราญ เพชรประดับ อายุ 44 ปี เจ้าของบ้าน อาชีพรับจ้างดูแลบ้านพักของชาวต่างชาติที่ อ.หัวหิน พร้อมด้วยภรรยา น.ส.รุ้งทิพย์ สายทอง อายุ 40 ปี และบุตรสาว ด.ญ.ประภัสสร เพชรประดับ วัยขวบเศษ นอนเสียชีวิตเรียงกันอยู่ในสภาพถูกไฟเผาจนเกรียม

ตอนแรกใครๆ ก็คงคิดว่าเป็นคดีไฟไหม้จนมีผู้เสียชีวิต แต่เมื่อทำการเคลื่อนย้ายศพกลับพบว่าบริเวณพื้นใต้จุดที่พบศพ มีกองเลือดกองอยู่เป็นจำนวนมาก ผิดปกติวิสัยของศพที่ถูกไฟคลอกตาย

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบห้องนอนแต่ละห้อง พร้อมทั้งร่วมกับ เจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยกันรื้อหลังคาที่ตกลงมาทับพื้นดินภายในตัวบ้านและรอบตัวบ้าน โดยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้จอบขูดขี้เถ้าในจุดที่พบศพ พบว่าบนพื้นปูนจุดที่ศพเคยทับอยู่มีคราบเลือดอยู่จำนวนมาก

นอกจากนี้ ได้ตรวจสอบภายในรถยนต์ที่ถูกเผา และหลายจุดที่สงสัยว่าอาจจะเป็นจุดที่วางเพลิง อย่างไรก็ดี ยังคงสั่งห้ามไม่ให้ใครที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุเนื่องจากเกรงว่าหลักฐานต่างๆ อาจถูกทำลาย

วันรุ่งขึ้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา (สบ 10) เดินทางลงพื้นที่ติดตามคดี โดยได้เข้าร่วมประชุมกับ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ รรท.ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ชินวร เจียห์สกุล ผกก.สส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และทีมสืบสวนสอบสวน พร้อมทั้งนำกองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุใหม่อีกครั้ง จนพบปลอกกระสุนปืน 11 ม.ม. และถังน้ำมันขนาด 5 ลิตร ยิ่งทำให้มั่นใจว่าไม่น่าจะเป็นเหตุเพลิงไหม้ธรรมดา แต่มีการฆาตกรรมก่อนแล้วเผาอำพรางคดี

พล.ต.อ.สุวิระระดมกำลังตำรวจสืบสวนควานหาตัวผู้ต้องสงสัย ปิดล้อมหมู่บ้านลุ่มแสล ต.หาดขาม อ.กุยบุรี หาเบาะแสคนร้าย หลังสอบสวนพยานได้ความว่าก่อนหน้านี้ น.ส.รุ้งทิพย์ ผู้ตายมีเรื่องทะเลาะกับนายนิพนธ์ หรือใหญ่ ช้างแก้ว หรือ “ใหญ่ กุยบุรี” อายุ 38 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายของนายสำราญ สามี และได้ขู่อาฆาตไว้

ตร.ยังพบว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุไฟไหม้ 1 วัน มีตำรวจเข้ามาขอตรวจค้นยาเสพติด ที่บ้านนายใหญ่ แต่เจ้าตัววิ่งหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่กดดันญาตินายใหญ่ จนสุดท้ายเจ้าตัวยอมออกจากที่หลบซ่อนในชายป่า มามอบตัวต่อตำรวจ เบื้องต้น นายใหญ่ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุไฟไหม้ แต่ที่ต้องหลบหนีเพราะวันที่ตำรวจเข้ามาขอตรวจค้นยาเสพติด ตนมีปืนอยู่จึงกลัวความผิด รีบเอาปืนใส่กระเป๋าแล้วโยนลงไปในบ่อพักน้ำแล้ววิ่งหลบหนี

วันที่ 21 เม.ย. พล.ต.อ.สุวิระ บินด่วนลงพื้นที่สอบเค้นนายใหญ่ด้วยตัวเอง ในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพ ว่าเป็นผู้ลงมือจ่อยิงยกครัวก่อนราดน้ำมันเผาอำพรางเอง โดยระบุว่า มีศักดิ์เป็นหลานชายของผู้เสียชีวิต ปมเหตุมาจากความไม่พอใจและโกรธแค้นที่ผู้ตายจ่ายเงินเดือนไม่ตรง บางเดือนก็ไม่จ่าย ทำให้ต้องอยู่อย่างยากลำบาก อดๆ อยากๆ ทำให้โกรธแค้นจนลงมือก่อเหตุดังกล่าว

พล.ต.อ.สุวิระ เผยว่า ผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ อออกมาแล้ว พบหัวกระสุนขนาด 11 ม.ม. ที่บริเวณศีรษะของทั้ง 3 ราย โดยที่ศพพ่อ 5 นัด แม่ 2 และลูกสาวขวบครึ่งอีก 1 นัด ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจหัวกระสุน และปลอกกระสุนที่พบ เปรียบเทียบกับปืนขนาด 11 ม.ม. ของผู้ต้องหาที่ยึดได้ก่อนหน้านี้ เบื้องต้นผู้ต้องหาสารภาพว่า โกรธแค้นเรื่องเงินเดือนเท่านั้น ส่วนจะมีประเด็นอื่นหรือมีผู้เกี่ยวข้องร่วมด้วยหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องรอสอบสวนเพิ่มเติมอีก

เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปจุดธูปขอขมาศพที่วัดดอนยายหนู อ.กุยบุรี ท่ามกลางความโกรธแค้นของญาติๆ กว่า 50 คน ที่พากันก่นด่าสาปแช่ง ก่อนพาตัวไปค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุที่นำไปแอบซ่อนไว้

รุ่งขึ้นตำรวจคุมตัวนายใหญ่ไปทำแผนฯ โดยมีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงมารอดูเหตุการณ์เกือบ 300 คน พร้อมตะโกนสาปแช่งและ เรียกร้องให้ประหารชีวิตให้สาสมกับความเหี้ยมโหด

นายใหญ่อธิบายขั้นตอนนาทีก่อเหตุสยองในวันเกิดเหตุด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ช่วงค่ำได้ดื่มเหล้าแล้วเสพยาบ้าเข้าไปเพราะเกิดความโกรธแค้น จึงใช้ปืนยิงนายสำราญที่เป็นน้าชายก่อนจนปืนหมดแม็กกาซีน จากนั้นเปลี่ยนแม็กกาซีนใหม่ยิงน.ส.รุ้งทิพย์ จนเสียชีวิต กระสุนทะลุผ่านร่างไปโดนลูกสาวจนเสียชีวิตตามไปด้วย จากนั้นใช้น้ำมันราดเข้าไปในบ้าน และบนร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ก่อนใช้ไฟเผา

“ผมยืนดูผลงานหน้าบ้านจนแน่ใจว่าไฟเผาบ้านทั้งหลัง จึงขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป และนำปืนที่ใช้ก่อเหตุไปซ่อนไว้ในท่อระบายน้ำในบ่อน้ำของนายประยูร เพชรประดับ ญาติที่กุยบุรี แล้วก็หลบหนีไป” นายใหญ่กล่าว

ล่าสุดนายประยูร เพชรประดับ อายุ 53 ปี ตกเป็นผู้ต้องหา รายที่ 2 ในข้อหา “ช่วยเหลือซ่อนเร้นอาวุธปืน” ถูกดำเนินคดีไปด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน