คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

สันติ ประหร่ำภากรณ์

เรื่อง/ภาพ

ธนาคารพาณิชย์ ยังคงเป็นอีก เป้าหมายหลักของบรรดาอาชญากรที่หวังรวยทางลัด ทำให้มีคนร้ายบุกปล้นธนาคารอยู่แทบ ทุกวัน

ล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อ ร.ต.อ.ธนกฤษณ์ ศาลางาม รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุคนร้าย 2 คนใช้ระเบิดบุกปล้นธนาคารธนชาต สาขาบางใหญ่ เลขที่ 1/2 ม.6 ถนนกาญจนาภิเษก ต.เสาธงหิน จึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น

จากนั้นนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ รอง ผบก. พ.ต.อ.สุวัฒน์ ตันติมาส ผกก.สภ.บางใหญ่ พ.ต.ท.สายชล โพธิ์ขอม รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด หรืออีโอดี และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณทางเข้าลานจอดรถห้างสรรพ สินค้าบิ๊กซี สาขาบางใหญ่ ริมถนนกาญจนาภิเษกฝั่ง ขาเข้า มุ่งหน้าตลิ่งชัน ด้านหน้าธนาคารมีกองวัสดุก่อสร้างเนื่องจากอยู่ระหว่างปรับปรุงซ่อมแซม

เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 26 ปลอม จึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์ หลักฐานเข้าตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงเป็นหลักฐาน

สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุมีพนักงานธนาคารอยู่ 5 คน รปภ. 1 คน และลูกค้าธนาคาร 2 คน

มีคนร้าย 2 คนเดินเข้ามาด้านในธนาคาร โดย 1 คนรูปร่างผอม อายุประมาณ 18-30 ปี ใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์สีดำ ยืนรออยู่ที่ประตู ด้านหน้า

ขณะที่อีกคนอายุประมาณ 30-40 ปี รูปร่างอ้วน สูงใหญ่ ไม่ปิดบังใบหน้า ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงสีน้ำตาล ถือกระเป๋าสีดำเดินตรงมาที่เคาน์เตอร์ พร้อมนำระเบิดมาวางที่เคาน์เตอร์ และขู่ให้หยิบเงินทั้งหมดรวม 301,660 บาทใส่กระเป๋า

จากนั้นพูดขู่พนักงานว่า หากใครตามออกไปภายใน 1 ชั่วโมงจะกดระเบิดให้ทำงาน ก่อนวิ่งออกจากธนาคารทางด้านหน้าหายตัวไปในฝูงชน

ด้วยความอุกอาจของคนร้าย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.จึงลงไปคุมทีมสืบสวนไล่ล่าคนร้ายด้วยตัวเอง

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดรอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบภาพคนร้ายทั้งคู่ปะปนฝูงชน ข้ามสะพานลอยไปยังฝั่งตรงข้ามธนาคาร ก่อนขึ้นรถเก๋งมิตซูบิชิ ทะเบียน กต 9172 ปทุมธานี ที่มีเพื่อนร่วมแก๊งจอดรออยู่ ก่อนขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทาง อ.บางบัวทอง

เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังออกสืบหาเบาะแส และแกะรอยตามเส้นทางที่รถคนร้ายหลบหนีไป

เมื่อตรวจสอบทะเบียนรถของคนร้ายทราบชื่อผู้ครอบครองคือ นายวันชัย หรือ ชัย ขุนศรี อายุ 37 ปี จึงไปควบคุมตัวจากบ้านพักที่ย่าน ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พร้อมรถเก๋งที่ใช้เป็นยานพาหนะในวันที่ 27 เม.ย.ที่ ผ่านมา

เจ้าหน้าที่เค้นสอบปากคำจนรับสารภาพว่าร่วมกับ นายสมเกียรติ หรือ บี อุดมปีติสุขกุล อายุ 37 ปี และนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ลูกชายนายสมเกียรติก่อเหตุ จึงตามไปจับกุมตัวทั้งคู่ที่ห้องเช่า ใน ซ.สายไหม 50 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. ในวันที่ 29 เม.ย.

นายสมเกียรติให้การอ้างว่า เพิ่งจะพ้นโทษคดีชิงทรัพย์มาเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา แต่หางานทำไม่ได้ ไปสมัครงานที่ไหนไม่มีใครรับ เนื่องจากมีประวัติติดคุก

ต่อมาสังเกตว่าธนาคารที่ลงมือก่อเหตุอยู่ระหว่างปรับปรุงซ่อมแซม และมีรปภ.อยู่น้อย จึงวางแผนปล้นธนาคาร ชักชวนนายวันชัยเพื่อนสนิทมาขับรถพาหนี และให้นายเอลูกชายเป็นคนคอยยืนคุมเชิง หลังจากได้เงินวิ่งหลบหนีออกมาขึ้นรถยนต์ที่นายวันชัยจอดรออยู่ ก่อนนำเงินไปแบ่งกันแล้วแยกย้ายกันหนี กระทั่งถูกจับได้ยกแก๊งในที่สุด

ต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่หลังมุ้งสายบัวอีกครั้ง พร้อมลูกชายและเพื่อนสนิทที่ร่วมปล้นในครั้งนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน