ตามตร.ล่าจับเสือโหย อาละวาดทั่วคีรีรัฐนิคม เพิ่งออกจากคุกไม่เข็ด

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ตามตร.ล่าจับเสือโหย อาละวาดทั่วคีรีรัฐนิคม เพิ่งออกจากคุกไม่เข็ด – ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ชื่อของ นายอนุสรณ์ สมบุญ อายุ 32 ปี หรือฉายา ‘เสือโหย’ สร้างความหวาดผวาให้ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ย่านยาว อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากเมื่อวันที่ 9 ม.ค. มันบุกเข้าไปพยายามข่มขืนหญิงสาวที่เป็นญาติกันและยังจับตัวไม่ได้

ตามตร.ล่าจับเสือโหย อาละวาดทั่วคีรีรัฐนิคม เพิ่งออกจากคุกไม่เข็ด

จนมุมกลางป่า

ด้านน.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายเผยว่า เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายอนุสรณ์โดยเปิดร้านขายของชำอยู่เยื้องบ้านเช่าของแม่นายอนุสรณ์ พักอยู่เพียงลำพัง กับลูกแมว 1 ตัว ทั้งนี้เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 9 ม.ค. ขณะที่นอนหลับอยู่ภายในห้องพัก

รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อพบว่านายอนุสรณ์บุกเข้ามาอยู่บนที่นอนและใช้อาวุธมีดจี้ที่ลำคอข่มขู่ไม่ให้ขัดขืนและส่งเสียงร้อง หากขัดขืนจะเชือด คอทิ้ง พร้อมพยายามจะลวนลามข่มขืน

ตามตร.ล่าจับเสือโหย อาละวาดทั่วคีรีรัฐนิคม เพิ่งออกจากคุกไม่เข็ด

นายอนุสรณ์ สมบุญ หรือ ‘เสือโหย’

“ฉันพยายามตั้งสติ ร้องขอชีวิตและชวนพูดคุย หลอกล่อเพื่อถ่วงเวลาจนคนร้ายใจอ่อนลง ประกอบกับลูกแมวที่เลี้ยงไว้ส่งเสียงร้อง จึงวางแผนขอไปเอาอาหารให้แมว ก่อนจะวิ่งเปิดประตูหลัง หลบหนีออกมาได้ โดยคนร้ายได้เพียงโทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่อง ก่อนนำไปจำนำกับญาติพี่น้องกันเอง ไว้ 1 พันบาท ซึ่งคนรับจำนำไว้ได้นำมาคืนภายหลัง” สาวผู้เสียหายกล่าว

ด้าน นางพร สมบุญ อายุ 53 ปี แม่ของนายอนุสรณ์ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ทราบข่าวลูกชายแล้ว แต่ด้วยความเป็นแม่ ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะไม่ได้เจอหน้าลูกชายมาประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว ตอนนี้ไม่รู้จะตกระกำลำบากกินอยู่อย่างไรบ้าง วิงวอนขอร้องให้ลูกมอบตัว ยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่ก่อไว้และเกิดขึ้นทั้งหมด เพราะสำหรับตนมองว่าเป็นเพียงการก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อย ไม่ใช่การก่อคดีฆ่าคนตายร้ายแรงอย่างที่เป็นข่าว ในโลกโซเชี่ยลที่แชร์กัน ตอนนี้ตนเองและลูกคนอื่นๆ ถูกชาวบ้านในพื้นที่ต่อว่า ต้องอับอาย ไม่เป็นอันทำกินแล้วเช่นกัน

ตามตร.ล่าจับเสือโหย อาละวาดทั่วคีรีรัฐนิคม เพิ่งออกจากคุกไม่เข็ด

แม่วอนมอบตัว

นางพรเผยว่า นายอนุสรณ์เป็นบุตรคนที่สอง ในบรรดาพี่น้องสามคน เมื่อประมาณ 5 เดือนก่อน หลังพ้นโทษออกมา กลับมาอยู่ในพื้นที่พร้อมภรรยา ซึ่งเป็นคนภาคอีสาน มีอาชีพช่วยกันหาปลาในพื้นที่ขาย ชีวิตครอบครัวมีความสุขดี จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือน ธ.ค.62 ทางญาติลูกสะใภ้ติดต่อให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งตัวลูกสะใภ้กลับบ้านที่ภาคอีสาน สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่ลูกชายเป็นอย่างมาก เพราะรักภรรยาคนดังกล่าวมาก จนไม่มีจิตใจทำงานการอะไร จนกลับมาก่อเหตุดังกล่าวอีก

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ม.ค.พนักงานสอบสวน โรงพักคีรีรัฐนิคม ขอศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกหมายจับเสือโหย

ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน เพิ่มเติมอีกหนึ่งหมายจับ หลังจากก่อนหน้านี้ศาลอนุมัติหมายจับ ข้อหากระทำชำเรา บุกรุกเคหสถานเวลากลางคืน ใช้กำลังขู่เข็ญประทุษร้าย ทั้งนี้ ผู้ต้องหาเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน และ ยังไม่มีความสำนึกกลับมาก่อเหตุซ้ำในพื้นที่อีก และถือว่าเป็นบุคคลอันตรายในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี

ตามตร.ล่าจับเสือโหย อาละวาดทั่วคีรีรัฐนิคม เพิ่งออกจากคุกไม่เข็ด

นาทีตะครุบตัว

ด้านพ.ต.อ.นิพนธ์ รัตนศิริแสงโชติ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้สั่งการให้พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.คีรีรัฐนิคม ออกติดตามจับกุม นายอนุสรณ์คนร้าย ที่มีข่าวแพร่กระจายใน โซเชี่ยลจนเป็นที่หวาดกลัวของคนในพื้นที่ หลังมีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีจนสามารถออกหมายจับไปแล้วนั้น ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจจับสัญญาณโทรศัพท์ซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่คนร้ายได้ขโมยไป ทราบว่าคนร้ายยังอยู่ในพื้นที่ อ.คีรีรัฐนิคม แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจน คาดว่าจะหลบซ่อนอยู่ในป่าบนเชิงเขา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำสุนัขดมกลิ่นจากสุนัขสงคราม ตชด.42 ระดมกำลังเข้าค้นหาเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด ไม่ให้ชาวบ้านต้องอยู่อย่างหวาดระแวง

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กว่า 50 นาย ในเขตพื้นที่ 8 ตำบล ของ อ.คีรีรัฐนิคม กระจายกำลังตามจุดต่างๆ ที่ คาดว่านายอนุสรณ์ จะใช้หลบหนีซ่อนตัว เนื่องจากเชื่อว่ายังหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ พร้อมทั้งประสานขอความร่วมมือผ่านเครือญาติพี่น้อง บุคคลใกล้ชิด ตลอดชาวบ้านทั่วไป หากพบเจอบุคคลที่มีลักษณะใกล้เคียงให้ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที เนื่องจากขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้หญิง เด็ก คนชรา พากันขวัญผวา หวาดกลัว ไม่กล้าอยู่บ้านตามลำพังหรือออกไปกรีดยางตามปกติได้

ตามตร.ล่าจับเสือโหย อาละวาดทั่วคีรีรัฐนิคม เพิ่งออกจากคุกไม่เข็ด

ค้นบ้านต้องสงสัย

สำหรับที่มาของฉายาเสือโหย เนื่องจากสมัยยังเป็นเด็กนักเรียนนายอนุสรณ์มีนิสัยชอบลักขโมยข้าวของเพื่อนกินเป็นประจำ จนทำให้เพื่อนๆ พากันตั้งฉายาให้ว่าเป็นเสือหิว หรือเสือโหย ที่ผ่านมาถูกจับดำเนินคดีข้อหาลักเล็กขโมยน้อยและคดีทางเพศ จนเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น

ในที่สุดเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 28 ม.ค. นายชาญวิทย์ สิรภักดี นายอำเภอคีรีรัฐนิคม สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเท้าระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร กระทั่งพบตัว “เสือโหย” ผูกเปลนอนอยู่ใต้ต้นไม้ในป่า บ้านช่องงาย หมู่ที่ 7 ต.ย่านยาว อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี จึงเข้าจับกุมตัวไว้ได้ จากนั้นควบคุมตัว มาสอบสวนที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอคีรีรัฐนิคม

เสือโหยยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ไม่ได้ต้องการข่มขืน เพียงทะเลาะกันและถูกใส่ร้าย และไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ที่ต้องหนีเพราะเห็นเรื่องของตัวเองในโลกโซเชี่ยลจึงหลบหนีไปอยู่ในป่า แต่เจ้าหน้าที่มีพยานและหลักฐานชัดเจน จึงนำตัวไปดำเนินคดีตามหมายจับ

หลังถูกจับความจริงก็เปิดเผยออกมาว่า ฉายา ‘เสือโหย’ ของนายอนุสรณ์ ไม่ได้มาจากพฤติกรรมความโหดร้าย แต่กลายเป็นว่าสมัยเด็กๆ ไปแย่งข้าวเพื่อนๆ กินเป็นประจำ เพื่อนๆจึงตั้งชื่อให้ว่า ‘เสือโหย’ ซึ่งไม่ใช่ โหยสวาท แต่เป็น โหยหิว

สุรชัย ส้มเกลี้ยง

ธนภัทร ชีระจินต์

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน