เปิดนาทีตร.บุกจับตาย สยบ‘จ่าคลั่ง’30ศพ ปล้นปืน-กราดยิงดะ สุดสยองเมืองโคราช – แฟ้มคดี

‘จ่าคลั่ง’30ศพ แฟ้มคดี – เป็นคดีสะเทือนขวัญที่สุดในรอบหลายปี

สำหรับกรณีจ่าคลั่งกราดยิงประชาชนทั่วเมืองโคราช โดยมีจุดเริ่มต้นจากความกดดัน ความเครียดเรื่องเงินกู้จากสวัสดิการกองทัพบก ที่ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่สัญญาเอาไว้

กลายเป็นชนวนโหด บุกสังหารผู้บังคับบัญชา แม่ยาย เพื่อล้างแค้น

จากนั้นจึงบุกเข้าปล้นปืนในค่ายทหาร ยิงยามรักษาการณ์บาดเจ็บและเสียชีวิต

แบกอาวุธสงครามมาก่อเหตุทั่วเมืองโคราช และห้างสรรพสินค้าชื่อดังเทอร์มินอล 21

จนมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวร่วม 30 ศพ

ยิงถล่มวัด

 

และอาจจะเพิ่มสูงขึ้นจนนับไม่ถ้วน หากไม่ได้ปฏิบัติการจากชุดปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมมือแก้ไขวิกฤตครั้งนี้อย่างรวดเร็ว

ใช้เวลา 18 ชั่วโมง สยบจ่าคลั่งไว้ได้

บิ๊กแป๊ะนำทีมจับตายจ่าคลั่ง

เป็นเรื่องสุดระทึกขวัญเมื่อ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารหน่วยกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 บุกเข้ายึดห้างเทอร์มินอล 21 กลางเมืองโคราช เมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 8 ก.พ. หลังจากก่อเหตุกราดยิงป่วนเมืองจนมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 10 ศพ

โดยเมื่อเวลา 17.00 น. จ.ส.อ.จักรพันธ์ขับรถจากวัดป่าศรัทธารวม มาถึงหน้าห้างเทอร์มินอล 21 ก็ลงจากรถตรวจการณ์ กราดยิงใส่รถที่วิ่งไปมา และประชาชนหน้าห้าง ยิงใส่ถังก๊าซหุงต้มจนระเบิดไฟลุก สร้างความโกลาหล พร้อมยังถ่ายไลฟ์ เฟซบุ๊ก พร้อมพิมพ์ข้อความ ประกาศว่าจะสู้จนตัวตาย ก่อนบุกเข้าไปในห้างดังกล่าวที่มีประชาชนจับจ่ายซื้อของนับพันคน

ทำให้สถานการณ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งสาหัส เพราะเจ้าหน้าที่รับรายงานว่าจ.ส.อ.จักรพันธ์ เชี่ยวชาญอาวุธสงครามโดยเฉพาะระเบิดแสวงเครื่อง หากนำเข้าไปในห้างแล้ววางระเบิด ไฟไหม้ ชีวิตคนเป็นพันจะตกอยู่ในอันตราย

เวลา 19.30 น. ตร.จึงสั่งการให้ 4 หน่วยพิเศษ ประกอบด้วย หน่วยหนุมาน จากกองปราบปราม อรินทราช 26 จากบช.น. นเรศวร 261 จากบช.ตชด. และคอมมานโด 904 จากตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 รอ. บินด่วนมาร่วมปฏิบัติการในภารกิจนี้

โดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ทหารขอเป็นผู้ปฏิบัติการเอง แต่ด้วยสภาพแวดล้อมเป็นยุทธวิธีในเมือง มีประชาชนกลายเป็นโล่นับพันราย หากใช้ยุทธวิธีทางทหาร เกรงว่าจะเกิดความสูญเสียมากกว่าเดิม จึงยืนยันให้ตำรวจคุมสถานการณ์

วอร์รูมสถานการณ์จึงจัดตั้งขึ้นโดยมีพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. เป็นผู้วางยุทธศาสตร์ เริ่มต้นให้ลำเลียงประชาชนที่ติดอยู่ออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งจากการเช็กวงจรปิด และการบินโดรนภายในอาคาร พบว่าคนร้ายอยู่ที่ชั้นล่างเป็นหลัก โดยมีการเดินขึ้นลงระหว่างชั้นบ้าง และไม่ได้จับใครเป็นตัวประกัน แต่พร้อมที่จะใช้ประชาชนที่ติดอยู่เป็นโล่มนุษย์

วางดอกไม้รำลึก

 

จึงมอบหมายให้ชุดหนุมาน รับผิดชอบช่วยเหลือประชาชน โดยเริ่มเคลื่อนเข้าห้างในเวลา 22.30 น. ใช้รถดับเพลิง และรถกระเช้า เป็นที่กำบังกระสุน เคลื่อนพลเข้าไปช้าๆ เมื่อถึงแล้วแยกตามชั้นต่างๆ นำข้อมูลที่รับแจ้งจากโซเชี่ยลมีเดีย ช่วยประชาชนส่วนใหญ่ออกมาได้ปลอดภัย

จากนั้นเวลา 23.09 น. ชุดปฏิบัติการอีก 3 หน่วยเข้าพื้นที่เตรียมปะทะ ใช้โดรนบินสำรวจ แต่ก็ถูกจ่าคลั่งยิงโดรนพังเสียหาย จนต้องอาศัยโดรนของผู้สื่อข่าวเพื่อกำหนดจุดคนร้าย

ต่อมาเวลา 01.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. นำกำลังเข้าตรึงพื้นที่ พร้อมเป็นบก.ส่วนหน้า กำกับสถานการณ์ด้วยตัวเอง จนกระทั่งเวลา 03.00 น. ชุดอรินทราช 26 รุกคืบไปยังชั้นแอลจี ที่คนร้ายกบดาน แต่ถูกคนร้ายยิงสาดออกมา กระสุนถูกร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา และด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย เสียชีวิต

แต่ปฏิบัติการยังคงเดินหน้า ชุดอรินทราช 26 ลุยตรวจชั้นแอลจี ระหว่างนั้นยังพบคนติดอยู่เป็นระยะ เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือออกมาได้นับสิบราย

กระทั่งเวลา 08.50 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่บีบพื้นที่จนถึงชั้นในสุด เหลือเพียงแค่ห้องไฟฟ้า และห้องเย็น โดยใช้โดรนของผู้สื่อข่าวสำรวจ เมื่อไปถึงห้องเย็น ก็รู้แล้วว่ามีพิรุธ เมื่อพบว่ามีการปิดไฟภายในห้อง

จึงรุกคืบหวังจะบุกเข้าไป ซึ่งจังหวะดังกล่าวคนร้ายก็เปิดประตูห้องเย็นออกมายิงต่อสู้กับตำรวจ จนกระทั่งถูกจับตาย

ปิดฉากคืนหฤโหด ที่มี 30 ชีวิตต้องสังเวย

ย้อนนาทียิงนาย-บุกปล้นปืน

เหตุการณ์สยองครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่าย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 187 ม.3 บ้านถนนหัก ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบศพพ.อ.อนันต์โรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี ผบ.พันกระสุน 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 (บชร.2) ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 63 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นแม่ยายของพ.อ.อนันต์โรจน์ และพบนายพิทยา แก้วพรม นายหน้าที่ดิน ซึ่งเป็นลูกน้องนางอนงค์ ถูกยิงบาดเจ็บ

โดยผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ลูกน้องของพ.อ.อนันต์โรจน์ นั่นเอง

ซึ่งปมการฆ่าโหดครั้งนี้เกิดจากที่จ.ส.อ.จักรพันธ์ ไปกู้เงินสวัสดิการกองทัพบก เป็นเงิน 1.5 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อบ้านในโครงการที่นางอนงค์ เป็นเจ้าของในราคา 1.1 ล้านบาท โดยมีข้อตกลงว่าจะได้เงินส่วนต่าง หรือเงินทอนจำนวน 4 แสนบาทคืน

แต่รอแล้วรอเล่า ติดตามทวงถามไปกี่ครั้งก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งมีการนัดหมายมาเจรจา โดยมีเจ้านายของจ.ส.อ.จักรพันธ์ มาเป็นพยานร่วมไกล่เกลี่ย สุดท้ายก็เหลวอีก จนเป็นเหตุให้จ.ส.อ.จักรพันธ์ใช้ปืน 9 ม.ม. ที่เตรียมมายิงทั้งหมดด้วยความแค้น

หลังลงมือก่อเหตุเมื่อเวลา 14.00 น. คนร้ายก็ขับรถเก๋งของตัวเอง มุ่งหน้าไปที่กองพันสรรพาวุธที่ 22 ในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ที่ทำงานของตัวเอง ใช้ปืนจี้ทหารยาม ยึดปืนเอชเค พร้อมแม็กกาซีน ก่อนบุกไปยังกองพัน พบพลทหารโชคชัย มูลจันทา ที่เป็นนายทหารเวรรักษาคลังอาวุธปืน ใช้ปืนลูกซองยิงเปิดทางปล้นปืนเอชเค 3 กระบอก ปืนกลเอ็ม 60 อีก 3 กระบอก จนพลทหารโชคชัยบาดเจ็บ

ทำบุญเปิดห้าง

 

เมื่อเกิดเหตุชุลมุน ทำให้ทหารที่อยู่ในกองพันแตกตื่น พลทหารเมธา เลิศศิริ วิ่งออกมาดู ก็ถูกจ.ส.อ.จักรพันธ์ยิงร่วง แล้วขนอาวุธปืนใส่รถเก๋ง ขับไปหลังกองพัน เพื่อเปลี่ยนรถเป็นรถจี๊ปตรวจการณ์ของทหาร ทะเบียนกงจักร 2563 ขับพุ่งชนคลังกระสุน แล้วขโมยกระสุนขนาด 5.56 ม.ม. 736 นัด ชุดประคองสายกระสุนเอ็ม 60 รวม 3 สาย

ใช้เวลาประมาณ 50 นาที โดยไม่มีทหารในกองพันคนไหนสกัดได้ทัน

สุดสยองรัวถล่มสมรภูมิวัดป่า

หลังจากได้อาวุธ จ.ส.อ.จักรพันธ์ก็ขับรถตรวจการณ์หนีออกมาหน้าค่าย ไปทางถนนทางหลวง 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี ระหว่างนั้น ตำรวจสายตรวจสภ.โพธิ์กลาง ขับรถมาพยายามสกัดด้วยการขับรถจอดขวางทาง แต่จ่าปืนโหดก็ใช้อาวุธสงครามที่ปล้นมาจากกองพัน ยิงเปิดทาง แล้วขับรถเปลี่ยนเส้นทางออกไปทางด้านหลังค่าย มุ่งหน้าไปทางวัดป่าศรัทธารวม

เมื่อถึงประตูด้านหลัง ที่ปกติจะปิดเอาไว้ แต่วันเกิดเหตุทางวัดเปิดให้คนมาทำบุญวันมาฆบูชา จังหวะนั้น ด.ต.ชัชวาลย์ แท่งทอง ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.เมือง ขับรถตราโล่มาทัน ที่บ้านหนองปรือ หมู่ 1 ต.โพธิ์กลาง ก็ถูกจ.ส.อ.จักรพันธ์ ที่ใช้ปืนกลเอ็ม 60 ที่มีอานุภาพร้ายแรง ยิงทะลุเกราะ ยิงกราดสกัดกั้น เป็นเหตุให้ด.ต.ชัชวาลย์ เสียชีวิตคาพวงมาลัย นายจิรวัฒน์ รัดกลาง อาสาสมัครตำรวจบ้านเสียชีวิต พร้อมยึดวิทยุสื่อสารไปเพื่อดักฟังความเคลื่อนไหวของตำรวจ

สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดุจสมรภูมิย่อยๆ เมื่อจ่าปืนคลั่ง ตั้งฐานปืนกลเอ็ม 60 แล้วยิงกราดถล่มทุกสิ่งที่เข้ามาในรัศมี

เป็นเหตุให้กระสุนพุ่งไปถูกด.ช.รัชชานนท์ กาญจนเมธ นักเรียนชั้นม. 2 ที่ขี่จักรยานยนต์กลับบ้านพัก นายทัศนะ หริรักษ์ และน.ส.อาริยา กลีบเมฆ ที่ขับรถเก๋งจนเสียหลักตกข้างทาง รวมทั้งยิงกระหน่ำใส่รถฟอร์จูนเนอร์ ที่ร.อ.ศิริวิวัฒน์ แสงประสิทธิ์ ผบ.ร้อย.ทพ.4914 ที่เดินทางมางานเลี้ยงรุ่นพร้อมนางพัชรา จันทร์เพ็ง และนางนริศรา โชติกลาง เสียชีวิตทั้ง 3 ศพ

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาระงับเหตุ ทำได้เพียงแค่ปิดล้อม พร้อมแจ้งผ่านโทรโข่งขอให้จ่าคลั่งหยุดยิง เพื่อนำคนเจ็บส่งไปรักษา เพราะอาวุธที่ใช้มีเพียงปืนพกสั้น ไม่สามารถต่อกรกับปืนสงครามที่มีประสิทธิภาพร้ายแรง

ในที่สุดจ.ส.อ.จักรพันธ์ ที่คลุ้มคลั่งประกาศจะใช้อาวุธสงครามบุกถล่มโรงพัก แก้แค้นที่มาสกัดกั้นทางหนี ได้ขับรถจี๊ปตรวจการณ์หลบหนีไป

เจ้าหน้าที่วิทยุแจ้งตลอดเวลา พร้อมสั่งให้สถานีตำรวจพร้อมรับสถานการณ์ ทำให้จ่าคลั่งตัดสินใจเปลี่ยนที่หมาย ใช้เส้นทางถนนราชสีมา-โชคชัย ผ่านแยกหัวทะเล เข้าเทศบาลนคร ผ่านเรือนจำกลางนครราชสีมา ผ่านประตูพลแสน มุ่งไปยังศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ก่อการสังหารประชาชนเพิ่มอีก

นำไปสู่ปฏิบัติการจับตายในที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน