สดจากสนามข่าว

อนุชา แก้วคำมา เรื่อง/ภาพ

“ผมเห็นเขายิงแม่จนล้มฟุบไป แล้วเขาก็หักลำปืนบรรจุลูกใหม่ ผมรู้เลยว่าเขาจะยิงผมอีกคนแน่ๆ เลยรีบวิ่งหนีไปขึ้นท้ายรถกระบะหนีออกมาสุดชีวิต” หนุ่มวัย 16 ปีเล่านาทีชีวิต ขณะเกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนลูกซองยิงมารดาเสียชีวิต และนาทีที่เจ้าตัวเผ่นหนีเอาชีวิตรอดจนกลายมาเป็นพยานปากเอก ให้การเอาผิดมือปืนเหี้ยมรายนี้ได้

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ร.ต.อ.หญิงวิรัลพัทร วรพงษ์ปกรณ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงมีผู้เสียชีวิตบริเวณหน้าบ้าน ในสวนยางพารากลางป่าลึก พื้นที่หมู่ 10 บ้านไผ่ใหญ่ ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก จึงประสานแพทย์เวร ร.พ.วังทอง ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 6 รุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ชูชีพ แป้นเมือง รอง ผกก.(สอบสวน) ชุดสืบสวนและหน่วยกู้ภัยบูรพา

ส่งศพชันสูตร

ที่เกิดเหตุเป็นสวนยางพาราพื้นที่กว่า 300 ไร่ บริเวณหน้ากระท่อมที่ปลูกสร้างด้วยเศษไม้ พบศพนางสำเภา ศรีบุญมี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 10 บ้านไผ่ใหญ่ ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเบอร์ 12 ในลักษณะจ่อยิงเข้าที่หน้าอกฝั่งซ้าย นอนหงายจมกองเลือด โดยมีลูกชาย อายุ 16 ปี นั่งร้องไห้อยู่ข้างศพ

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ามือปืนที่ก่อเหตุคือนายวิค (ไม่ทราบนามสกุล) มาหาผู้ตายที่บ้านแล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงจนเสียชีวิต จากนั้นยังพยายามจะยิงลูกชายด้วยอีกคน แต่ลูกชายสามารถวิ่งหลบหนีไปได้ ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป

“ผมเห็นเขายิงแม่จนล้มฟุบไป แล้วเขาก็หักลำปืนบรรจุลูกใหม่ ผมรู้เลยว่าเขาจะยิงผมอีกคนแน่ๆ เลยรีบวิ่งไปขึ้นรถกระบะขับหนีออกมาสุดชีวิต” ลูกชายนางสำเภาให้การ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดสาเหตุมาจากเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายแย่งพื้นที่กรีดยางกัน เนื่องจากพื้นที่ป่าสวนยางพาราที่มีเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ตรวจยึดเอาไว้แล้ว แต่ยังมีชาวบ้านในพื้นที่ลักลอบเข้ากรีดยางเพื่อหารายได้อยู่เป็นประจำ หลายครั้งก็เกิดกรณีทะเลาะกันเรื่องแย่งพื้นที่กรีดยาง เช่นรายของนางสำเภาผู้ตายกับนายวิค ก่อนหน้านี้นายวิคก็เคยใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ผู้ตายกับลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง

หลังสอบสวนตำรวจส่งศพผู้ตายไปชันสูตรที่ ร.พ.พุทธชินราช ก่อนมอบให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนา

ขณะที่การติดตามนายวิคผู้ก่อเหตุ ตำรวจเร่งตรวจจนรู้ข้อมูลว่านายวิคมีชื่อนามสกุลว่า นายวิค ป้อมสาหร่าย อายุ 58 ปี มีอาชีพรับจ้างเฝ้าสวนยาง ซึ่งก็เป็นคนมีพื้นเพอยู่ใน อ.วังทอง นั้นเอง

ตำรวจเร่งทำงานแข่งกับเวลา โดยส่งกำลังลงพื้นที่ไล่เช็กตามแหล่งต่างๆ ที่คาดว่านายวิคมือปืนโหดจะไปหลบอยู่ ทั้งบ้านคนรู้จักและบ้านญาติพี่น้อง แม้จะไม่พบตัวแต่ก็เป็นการกดดันให้ผู้ต้องหารับรู้ว่าตำรวจเอาจริง

เพียงวันเดียวความพยายามของตำรวจก็สัมฤทธิผล เมื่อนายวิคตัดสินใจเข้ามอบตัวกับตำรวจ เนื่องจากถูกกดดันหนัก

นายวิคให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยาวจ่อยิงนางสำเภาจนเสียชีวิตจริง สาเหตุเนื่องจากโกรธแค้นเคืองกันเรื่องแย่งพื้นที่กรีดยางพารา โดยก่อนหน้านี้ตนได้โทรศัพท์ให้ผู้ตายเข้าไปพบที่กระท่อมในสวนยางที่เกิดเหตุ โดยสามีของผู้ตายขับรถกระบะพามาพบ และลูกชายของผู้ตายก็ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามมาอีกคัน

พอมาถึงที่กระท่อมนางสำเภาพูดจาต่อว่าด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้ตนเกิดโมโหเลือดขึ้นหน้า จึงคว้าอาวุธปืนลูกซองยาวจ่อยิงนางสำเภาในระยะเผาขนจนล้มฟุบลงกองแน่นิ่งที่พื้น

ก่อนจะหักลำกล้องใส่กระสุนเข้าไปใหม่ เพื่อจะยิงลูกชายของนางสำเภาด้วยอีกคน แต่ไม่ทันได้ยิงลูกชายของนางสำเภากระโดดหนีเข้าไปภายในรถกระบะที่จอดรออยู่แล้วขับออกไปทันที

จากนั้นตนจึงรีบเก็บข้าวของส่วนตัวขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปกบดานที่บ้านเพื่อนในพื้นที่ ต.หนองพระ อ.วังทอง ก่อนจะสำนึกในความผิดจึงตัดสินใจเดินทางเข้ามอบตัวเพื่อชดใช้กรรม

ขี่ จยย.เผ่นหนี-อาวุธปืนของกลาง

วันที่ 29 พ.ค. พ.ต.อ.สุรเดช พจนาวงษ์พานิช ผกก.สภ.วังทอง พ.ต.ท.ชูชีพ แป้นเมือง รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.วังทอง พร้อมชุดสืบสวนคุมตัวนายวิคมือปืนไปค้นหาอาวุธปืนลูกซองยาวที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งพบว่าซุกซ่อนไว้ในพงหญ้าในป่าห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร

จากนั้นจึงนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณกระท่อมกลางสวนยางพาราที่เกิดเหตุ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีต่อที่ สภ.วังทอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน