ย้อนคดีฆ่าหนุ่มช่างกลึง

ยิงคาร้านเหล้าดังท่าข้าม

มือปืนปฏิเสธไม่ใช่การ์ด

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ย้อนคดีฆ่าหนุ่มช่างกลึงยิงคาร้านเหล้าดังท่าข้าม : การตอบสนองต่อแอลกอฮอล์ของคนเรามีหลายรูปแบบ บางคนดื่มแล้วอาจจะเหมือนเดิม บางคนก็เฮฮาเกินเหตุ บางรายพอเมาเข้าชีวิตเศร้ารันทดทันที แต่ที่สร้างปัญหามากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นประเภทคนที่ดื่มแล้วขี้โมโห เห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด ใครสะกิดนิดกระทบหน่อยอารมณ์ก็พุ่งปี๊ดได้มีเรื่องกันทุกครั้งไป

เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 15 มี.ค. เมื่อ ร.ต.อ.ถิรายุ วงศ์สิงห์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ที่ลานจอดรถหลังตลาดอีคิวไนท์ ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง แพทย์นิติเวช ร.พ.ศิริราช และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบศพชายสภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีเทา เกงกางยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบสีดำ มีบาดแผลถูกยิงเข้าท้ายทอยกระสุนฝังอยู่ในกะโหลกศีรษะ 2 นัด และลำตัวข้างซ้ายทะลุแผ่นหลัง 1 นัด

จากการสอบสวนทราบชื่อผู้เสียชีวิตชื่อ นายธนบดี สารสุวรรณ อายุ 23 ปี มีอาชีพเป็นช่างกลึง โดยเป็นชาว จ.สุพรรณบุรี ขณะที่นายพงกร อายุ 27 ปี เพื่อนรุ่นพี่ผู้ตายที่มาด้วยกัน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนายธนบดีและเพื่อนๆ อีกกว่า 10 คนได้เข้าไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านเหล้าภายในตลาดอีคิวไนท์ และเกิดเขม่นกับวัยรุ่นโต๊ะข้างๆ เรื่องผู้หญิงภายในร้าน จึงเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันเล็กน้อย

นายพงกรให้การต่อว่า ขณะนั้นมีการ์ดคุมร้านเข้ามาห้ามปรามจนถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ แต่สามารถพูดคุยไกล่เกลี่ยกันจนเรื่องสงบลง ก่อนที่ทั้งฝ่ายตนและคู่กรณีจะแยกย้ายกันกลับ

แต่ปรากฏว่าเมื่อออกมาถึงลานจอดรถ พบการ์ดคุมที่ร้านไม่พอใจเดินตามออกมา คาดว่าอาจเป็นเพราะถูกลูกหลงจึงตามมาเอาเรื่อง เมื่อเจอกับกลุ่มพวกตนจู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น 2-3 นัด นายธนบดีเดินมาด้วยกันล้มลงและเสียชีวิตทันที

หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุต่างแยกย้ายกันหลบหนี โดยขับรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีเทา ไม่ทราบทะเบียน และรถกระบะ ไม่ทราบรุ่น สีและหมายเลขทะเบียนเช่นกัน

วันรุ่งขึ้น พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 และชุดสืบสวน สน.ท่าข้าม ได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถพิสูจน์ จนทราบตัวผู้ก่อเหตุคือ นายภูตะวัน นพประดับ อายุ 36 ปี

พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาธนบุรีอนุมัติหมายจับ ในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร, ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหรือหมู่บ้าน” ซึ่งมีอายุความ 20 ปี

รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้เร่งสืบสวน กดดัน เพื่อจับกุมผู้ก่อเหตุ ตามแหล่งที่คาดว่าใช้กบดาน ทั้งนี้ ขอให้ผู้ก่อเหตุเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกันในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ติดตามก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ให้มากขึ้น เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนและอาจใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ได้

ตํารวจติดตามกดดันอย่างหนักกระทั่งค่ำวันเดียวกัน นายภูตะวัน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 149/2563 ลงวันที่ 15 มี.ค. 2563 ก็ติดต่อเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 และพ.ต.อ.ณกฤช บุญศักดิ์ ผกก.สส.บก.น.9 ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.9 และชุดสืบสวน สน.ท่าข้าม จะควบคุมตัวไปสอบสวน

จากการสอบสวน นายภูตะวันให้การรับสารภาพโดยดี แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นการ์ดที่ร้านเหล้าดังกล่าว โดยตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เพิ่งพ้นโทษคดีพยายามฆ่า ในท้องที่ สน.บางยี่เรือมาได้ไม่นาน และยืนยันไม่ได้มีอาชีพเป็นรปภ. หรือการ์ดที่ร้านดังกล่าวแต่อย่างใด เป็นเพียงลูกค้าที่เข้าไปร่วมกินดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ ที่ร้านดังกล่าวเท่านั้น ส่วนตนไม่เคยมีปัญหากับกลุ่มผู้ตาย แต่เพื่อนๆ ตนเคยมีเรื่องกับกลุ่มผู้ตายมาก่อน

นายภูตะวันให้การต่อว่า กระทั่งคืนวันเกิดเหตุได้มาพบกันตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ มีการท้าทายกระทบกระทั่งกันจนมีการ์ดคุมร้านต้องเข้ามาห้ามปรามแล้วรอบหนึ่ง แต่แทนที่จะจบเรื่องปัญหาแต่กลุ่มผู้ตายกลับมาตะโกนท้าทายกลุ่มพวกตนอีกรอบตอนร้านปิด

ด้วยความโมโหประกอบกับความเมา จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มผู้ตายไปหลายนัด ไม่คิดว่ากระสุนจะถูกใคร หลังก่อเหตุจึงพากันแยกย้ายหลบหนี กระทั่งรู้ว่าตำรวจออกหมายจับจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวดังกล่าว

ด้วยความโมโหบวกกับความเมา แถมยังพกอาวุธปืนติดตัว ครบองค์ประกอบที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ใน คุกพอดี

อดิศร จิตตเสวี

พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี

เรื่อง/ภาพ